วิกกี้เดินเข้ามา และเหยียดแขนและขาของเธอดู ในขณะที่เธอพูดว่า “ฉันสบายดี ไม่มีอะไรผิดปกติ”
“เกรกอรีบอกฉันว่า หมอได้ตรวจดูร่างกายให้คุณแต่เป็นเพราะคุณได้รับผลข้างเคียงจากยากล่อมประสาท และอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวันเพื่อให้ร่างกายของคุณกลับมาเป็นปกติ”
“อย่างนั้นเหรอ?” เธอครุ่นคิดและยิ้ม “มันก็อาจจะใช่ แต่ฉันยังไม่รู้สึกแตกต่างอะไรมากนัก ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าหัวของฉันหนักอื้อ และฉันก็ง่วงนอนตลอดเวลา”
“ฉันเข้าใจ” เนลล์หยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะถามขึ้นว่า “อ้อ ฉันยังไม่เคยถามคุณเลย ในช่วงที่คุณถูกลักพาตัวไปคนพวกนั้นรังแกคุณหรือเปล่า? เขาขังคุณไว้ที่เดิมตลอดเวลาหรือเปล่า?”
เกรกอรีได้ให้ข้อมูลกับกิดเดียนและเนลล์ผ่านทางโทรศัพท์ ก่อนที่พวกเขาจะช่วยเธอออกมา
เกรกอรีบอกให้พวกเขารีบพาหมอมารอที่คฤหาสน์ให้เร็วที่สุด พวกเขาจะต้องนึกถึงสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับวิกกี้พวกเขาเพียงแค่ขอให้เธอปลอดภัย
เมื่อเนลล์ได้ฟังในตอนแรก เธอก็ขนลุกเมื่อเธอนึกถึงสถานการณ์ที่พวกเขาช่วยวิกกี้เอาไว้
วิกกี้ตอบว่า “พวกเขาไม่ได้รังแกฉัน…แต่ฉันจำไม่ได้จริง ๆ…ฉันคิดว่า…
เนลล์ก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“คุณจำไม่ได้? เป็นไปได้ยังไง?”
วิกกี้ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
ในขณะที่พูดเธอก็สายหน้า เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเล็กน้อย
“อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่ฉันกลับมา ฉันก็รู้สึกว่าจิตใจของฉันพร่ามัวและหม่นหมอง มันเหมือนกับว่ามีความฉันสับสนวุ่นวาย และความรู้สึกห่างเหินอยู่ภายในใจตลอดเวลา”
เนลล์ขมวดคิ้วด้วยความเป็นกังวล
“คุณไม่สบายหรือเปล่า? นอกจากความพร่ามัวแล้วยังมีอาการอื่นอีกไหม?”
“อาการอื่น…ไม่มี”
ทันใดนั้น วิกกี้ก็หน้าซีดเผือด เธอจับที่ศีรษะของเธอราวกับว่าเธอกำลังเจ็บปวด จากนั้นเธอก็คุกเข่าลงกับพื้น
เนลล์ตื่นตระหนกเมื่อเธอได้เห็นเช่นนั้น สายลากจูงสุนัขที่อยู่ในมือก็หลุดออกจากมือของเธอ จากนั้นสุนัขก็วิ่งไปยังทิศทางอื่น
เธอปล่อยให้สุนัขวิ่งไปและรีบก้มลงเพื่อประคองวิกกี้ขึ้นมา “วิกกี้? คุณเป็นอะไร? คุณไหวไหม?"
วิกกี้กัดฟันแน่น ในขณะที่เธอจับศรีษะด้วยมือทั้งสองข้าง ใบหน้าของเธอซีดเซียวลง
เนลล์ตื่นตระหนกมากขึ้น
“วิกกี้ อย่าทำให้ฉันกลัวสิ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
เนลล์รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาเกรกอรี แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรออก วิกกี้ก็หยุดเธอเอาไว้
เธอกระซิบอย่างแผ่วเบา “อย่าบอกเขาเลย ฉันไม่เป็นอะไร”
เนลล์หยุดชะงักและเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
หลังจากนั้นไม่นาน วิกกี้ก็ค่อย ๆ ยืดตัวตรง หยาดเหงื่อบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอ ร่างกายของเธอดูอ่อนแอราวกับว่าเธอเกือบจะจมน้ำตาย
เธอเหลือบมองเนลล์และพูดอย่างมั่นใจ “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เนลล์ยังคงสงสัยในขณะที่เธอประคองวิกกี้ขึ้นมา
"เมื่อกี้มันคืออะไร? คุณเพิ่งจะ…"
ในทางกลับกัน วิกกี้นอนหลับมากเกินไป เธอจึงไม่รู้สึกง่วงในตอนนี้
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคฤหาสน์ก่อนหน้า เธอจึงถามเกรกอรีในสิ่งที่เธออยากรู้
เนลล์เพียงแค่ให้ข้อมูลสรุปสั้น ๆ หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แต่เธอก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก
เธอจะได้ต้องรู้
เกรกอรีไม่เต็มใจที่จะบอกเธอ แต่เธอยืนกรานที่จะได้รู้
เขารู้ว่าเขาไม่เคยปิดบังอะไรจากเธอได้เลย เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นเพื่อนในวัยเด็กที่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงในการบอกในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับเธอมากเกินไป เพราะเขากลัวว่าเธอจะกังวลเกี่ยวกับมัน
หลาย ๆ สิ่งก็ไม่ควรจะพูดออกไป แต่ในบางครั้งการบอกเธอก็อาจจะทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล แต่ถ้าหากว่าเขาเลือกที่จะเงียบ เธอก็จะรู้สึกกังวลมากกว่าและอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
เขาจึงบอกเธอทุกอย่างในขณะที่เธอรับฟังอย่างตั้งใจ
พวกเขาจิบชา ในขณะที่พูดคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมง
เกรกอรีมองดูเธอที่กำลังขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพูดว่า “เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ พวกเราเป็นกังวลตั้งแต่ที่เธอหายตัวไปแต่ในตอนนี้เธอกลับมาอย่างปลอดภัยและทุกอย่างก็ดีขึ้น ดังนั้นไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นสมาคมจีนหรือตระกูลฟลินเดอร์ ใครก็ตามที่มันทำร้ายเธอ พวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
จู่ ๆ ฉากที่เขาสาบานอย่างจริงจังว่าเขาจะแก้แค้น ภาพเมื่อเธอโดนรังแกก็พุ่งเข้ามาในหัวของเธอ เมื่อนานมาแล้ว เด็กชายรีบวิ่งออกมาและให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะปกป้องเธอ
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นในขณะที่เธอยิ้มบาง ๆ
“ฉันรู้ว่านายจะปกป้องฉัน แต่ว่า…ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริงไปแล้ว ฉันแค่กังวล…”
เกรกอรีจับมือเธอเอาไว้แน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก