ข้างกายของชายผู้นั้นมีต้นแพร์และมีธูปหอมอยู่ไม่กี่ต้น กลิ่นหอมลอยมาจากธูปและปกคลุมไปทั้วทั้งห้องจนให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
หลังจากที่คนรับใช้พูดจบ ชายผู้นั้นก็ครุ่นคิดกับตัวเอง
เขาถามอย่างไร้อารมณ์ว่า “สรุปว่า ดินแดนของสมาคมจีนได้ถูกแบ่งแยกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว?”
คนรับใช้ก้มหน้าลงและตอบด้วยความเคารพว่า “ใช่ครับนายท่าน”
ในขณะที่พูด คนรับใช้ก็เหลือบมองนายของเขาด้วยความสับสน
“นายท่านครับ พวกเราเองก็สงสัยเล็กน้อย คุณช่วยเหลือสมาคมจีนอย่างชัดเจน แต่ทำไม…”
ชายผู้นั้นยิ้มบาง ๆ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาจนน่าทึ่งของเขาที่ไม่อาจคาดเดาได้
เขากล่าวว่า “ฉันดูเหมือนคนที่ขาดแคลนเงินหรือเปล่า?”
คนรับใช้มีใบหน้าซีดเซียว
พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้านายของพวกเขานั้นร่ำรวยเพียงใด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย
คนรับใช้ส่ายหน้า
“ในเมื่อเราไม่ได้ต้องการมัน แล้วจะแย่งมันมาเพื่ออะไร?”
คนรับใช้ดูเหมือนจะทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้น เหตุผลที่คุณให้ความช่วยเหลือ…”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็โบกมือไล่คนรับใช้ให้ออกไป จากนั้นพวกเขาก็ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่พวกเขาจากไป ชายผู้นั้นก็นั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบ ไม่นานสาวใช้ก็เดินเข้ามาและบอกกับเขาว่า “นายท่าน ท่านผู้เฒ่าที่สองมาแล้วค่ะ”
ชายคนนั้นพยักหน้าและเดินออกไป
ภายในห้องว่างที่ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีรสนิยม
เมื่อชายผู้นั้นมาถึง ใครบางคนก็รออยู่ในห้องแล้ว
แขกของเขาอยู่ในชุดสูทสีเข้ม เขามีอายุราว ๆ 50 ถึง 60 ปี เขาโค้งคำนับทันทีเมื่อชายผู้นั้นเดินเข้ามาถึง “นายท่านคุณมาแล้ว”
เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ จ้องมองไปที่หลุยส์ ฟลินเดอร์
เจฟฟ์ถือสายประคำอยู่ในมือ และถูเบา ๆ เขากล่าวขึ้นว่า “นั่งลงก่อน”
จากนั้นหลุยส์ก็นั่งลง
เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าผู้เฒ่าจากตระกูลฟลินเดอร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและเป็นที่เคารพในที่สาธารณะ กำลังแสดงความเคารพต่อช่ายหนุ่มที่ดูอ่อนกว่าเขาอย่างน้อย 20 ปี
ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ตรงหน้าพวกเขามีชุดน้ำชาโบราณอยู่บนโต๊ะ
เจฟฟ์เอื้อมมือออกไปชงชาอย่างระมัดระวัง
หลุยส์มองเห็นมือของเขาที่เรียวยาวราวกับท่อนไม้ไผ่ที่ทำมาจากหยกขาว มันดูไม่เหมือนมือของผู้ชายเลยด้วยซ้ำ มันช่างดูน่าหลงใหล
เขาหวนกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อเจฟฟ์พูดขึ้นมาว่า
“ทุกอย่างในตระกูลเรียบร้อยดีไหม?”
หลุยส์รีบตอบทันทีว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ สิ่งที่คุณสั่งได้รับการดำเนินการและมอบอำนาจแล้ว และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน”
เจฟฟ์พยักหน้า
ความขมของชาเป็นสิ่งแรกที่เขาได้ลิ้มรส ตามด้วยรสหวานที่ค้างอยู่ในคอ มันช่างให้ความรู้สึกที่สดชื่น
ดวงตาของหลุยส์เป็นประกาย “ชานี้รสชาติดีมากครับ”
เจฟฟ์ยิ้มราวกับว่ามันทำให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง
เขาบอกหลุยส์ว่า “รัสเซลส่งมาให้คุณ มันเป็นชาขี้เมาที่หายาก การเก็บเกี่ยวในปีนี้มีไม่มากนัก และทั้งหมดก็อยู่ที่ผม ถ้าคุณชอบก็เอากลับไปด้วยสิ”
หลุยส์ตกตะลึง แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ "ขอบคุณนายท่านมาก ๆ ครับ"
หลังจากดื่มชาเสร็จ เจฟฟ์ก็พูดขึ้นว่า “ความช่วยเหลือของคุณเกี่ยวกับการล่มสลายของสมาคมจีนนั้นทำได้ดีมาก แต่การที่ไม่ยอมให้คุณได้รับส่วนแบ่งของเงินรางวัลนั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงการสะท้อนกลับจากคนของคุณอย่างแน่นอนใช่ไหม?”
หลุยส์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ลูกน้องเหล่านั้นไม่เข้าใจความคิดของคุณ การสะท้อนกลับจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าหากพวกเขาเห็นว่าคุณทำเพื่อประโยชน์ของตระกูลมากแค่ไหน พวกเขาก็จะเข้าใจมันได้เอง”
เจฟฟ์หรี่ตาลงเล็กน้อย “แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่สั่งการทุกอย่างอยู่หลังม่านคือผม แล้วนับประสาอะไรที่พวกเขาจะรู้ว่ามีคนอยู่หลังม่าน คุณจะอธิบายให้พวกเขาฟังว่ายังไง?”
ใบหน้าของหลุยส์แข็งกระด้าง
เจฟฟ์พูดต่ออย่างเฉยเมยว่า “ประเพณีของตระกูลฟลินเดอร์ยังคงเหมือนเดิมมาเป็นเวลานานนับพันปี ผู้นำทุกรุ่นจะมุ่งพัฒนาและขยายตระกูลไปในทิศทางที่มั่นคง พลังก่อให้เกิดพลัง และในขณะที่เราเติบโตขึ้นเราก็ยังมีขีดจำกัดอยู่อาณาเขตของสมาคมจีนอยู่ไกลเกินไป ถึงแม้ว่าเราจะอ้างสิทธิ์ได้ แต่มันก็จะไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่เรา แทนที่จะกระจายอำนาจการปกครองของเราออกไปจนกระทั่งทำให้เกิดความแตกแยกของโครงสร้างภายใน แต่สิ่งนั้นจะทำให้ตระกูลที่ดีต้องพังทลายลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
น้ำเสียงของเขาเบาและอ่อนโยน จนทำให้หัวใจของหลุยส์สั่นสะท้าน
หลุยส์รีบลุกขึ้นและโค้งคำนับทันที “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณครับนายท่าน ผมเข้าใจ"
เจฟฟ์ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม เขาพูดต่อว่า “ทำไมเราถึงส่งคุณไปช่วยจัดการกับสมาคมจีน…นั่นเป็นเพราะองค์กรเหล่านั้นไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ระเบียบขององค์กรใต้ดินที่มั่นคงอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้พวกเขาต้องการกลืนกินมันทั้งหมดและรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังกัดมากกว่าที่เขาจะสามารถเคี้ยวได้
“คำขวัญของเราคือความมั่นคง และเป็นความระเบียบอยู่เสมอ เราไม่สามารถยืนดูจากข้างสนามในขณะที่ความโกลาหลเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ การทำงานหนักส่วนใหญ่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เราอยู่ที่นั่นเหมือนดั่งเชอร์รี่ที่อยู่ด้านบนเค้ก เราเพียงแค่ต้องทำให้พวกเขาเป็นหนี้เรา ผมพูดถูกไหม?”
หลุยส์ก้มศีรษะลงต่ำและกล่าวว่า "ครับนายท่าน ผมเข้าใจแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก