แต่ทว่าใบหน้าของเกรกอรีก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ขันออกมาแม้แต่น้อย
ในที่สุดพ่อบ้านออสบอร์นก็สังเกตเห็นว่าเขาดูจริงจังมาก
หัวใจของเขาหนักอึ้ง
“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
เกรกอรีพูดออกมาเงียบ ๆ ว่า“เราจะค่อยเป็นค่อยไป”
พอพูดจบเขาก็เดินขึ้นบันไดไป
ชั้นบน วิกกี้กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงเพื่อรับลม
อันที่จริงช่วงนี้อากาศไม่ค่อยร้อนสักเท่าไร แต่วิกกี้กลับรู้สึกร้อน นั้นอาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกหงุดหงิด กังวล และสับสนไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อเธอนั่งอยู่ที่นี่ เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านเข้ามา และนั่นทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมากเลยทีเดียว
เธอไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าเกรกอรีได้ขึ้นมาที่ชั้นบน จนกระทั้งตอนที่เธอรู้สึกหนักที่ไหล่ และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
เมื่อวิกกี้หันกลับมา ปลายคิ้วของเธอเลิกขึ้นเมื่อเห็นเขา
“พวกเขากลับกันไปหมดแล้วเหรอ?”
“อืม”
เกรกอรีเดินมาข้างหน้า และนั่งลงข้าง ๆ พลางโอบกอดเธอเอาไว้
วิกกี้ซบบนไหล่ของเขาอย่างว่าง่าย เธอแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แล้วพูดเบา ๆ ออกมาว่า “วันนี้ ชิม่อน ฟลินเดอร์พูดอะไรกับนายบ้าง?”
เกรกอรีตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
วิกกี้เผยยิ้มจาง ๆ ออกมา
“นายไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องต่าง ๆ กับฉันหรอกนะ ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ชิม่อน ฟลินเดอร์ จะไม่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล เขาต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างแน่ ๆ เขาถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในวันนี้ หรือเป็นเพราะเรื่องที่เราไปทำให้เขาโกรธก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
เธอพูดขณะที่ยืนขึ้น และหันกลับมามองหน้าเกรกอรี
“นายลองเดาดูสิว่าฉันเจออะไร ในตอนที่กำลังแกะของขวัญแต่งงาน?”
เกรกอรีหรีตาลงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
วิกกี้หยิบกล่องชิ้นหนึ่งออกมาแล้วเปิดออก
ข้างในกล่องมียาเม็ดสีเหลืองทองอยู่ไม่กี่เม็ด และยาพวกนั้นก็มีความหนาเท่ากับนิ้วก้อย
เธอยิ้มและพูดว่า “ฉันเจอสิ่งนี้ ในกล่องของขวัญของชิม่อน ฟลินเดอร์ ภายในกล่องมีข้อความระบุไว้ว่าให้กินยานี้ทุก ๆ สิบวัน เขาไม่ใช่หมอด้วยซ้ำ เขารู้ได้ยังไงว่าฉันป่วยเป็นอะไร และรู้แม้กระทั้งว่าฉันควรจะทานยาอะไรได้ยังไง?”
พอถึงตอนนี้ เกรกอรีก็ได้รู้แล้วว่าเขาไม่สามารถปิดบังเธอได้อีกต่อไป
วิกกี้อยากรู้ความจริงให้เร็วที่สุด
เขามองไปที่เธอและพูดอย่างสุขุมว่า “เธออยากรู้จริง ๆ ใช่ไหม?”
วิกกี้พยักหน้า
“ตกลง ฉันจะบอกเธอ”
เกรกอรีบอกกับวิกกี้ทุกอย่างที่ ชิม่อน ฟลินเดอร์ได้พูดกับเขา
แม้ว่าก่อนหน้านี้วิกกี้จะเดาได้ว่า มีบางอย่างถูกปกปิดเอาไว้เกี่ยวกับตัวตนของเธอ แต่ทันทีที่เธอได้ยินความจริงจากปากของเขา เธอก็ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกประหลาดใจเอาไว้ได้อีกต่อไป
เกรกอรีพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ตามที่เขาบอก เธอมีสายเลือดของตระกูลฟลินเดอร์ และโรคทางพันธุกรรมนี้ก็น่าจะมาจากครอบครัวนี้”
“อย่างที่เธอบอกฉันในก่อนหน้านี้ว่า แม่ของเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟลินเดอร์เลย ดังนั้นทางเดียวที่เป็นไปได้คือจากฝั่งพ่อของเธอเท่านั้น เธอจำอะไรเกี่ยวกับครอบครัวพ่อของเธอได้บ้างรึเปล่า?”
วิกกี้ขมวดคิ้ว เธอพยายามคิดอยู่นาน แต่ก็ส่ายหัวออกมาในที่สุด
“ไม่ ฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉันเคยเห็นเขาจริง ๆ รึเปล่า”
เกรกอรีไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เธอบอกเลยสักนิด
เพราะในช่วงตลอดหลายปีที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกันที่เมืองหลิน เธอไม่เคยพูดถึงบิดาผู้ให้กำเนิดเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาลูบหัวเธอ พลางพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องคิดแล้ว”
ขณะที่หลุยส์ฟังอยู่นั้น เขาก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
เจฟฟ์โยนอาหารปลาชิ้นสุดท้ายลงไปในบ่อแล้วพูดว่า “ซีซีรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบ หลุยส์ที่นั่งนิ่งอยู่ถึงกับตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
ซีซี คนนอกจะไม่มีใครรู้จักชื่อนี้ยกเว้นเขา
เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่มีอำนาจที่สุดของตระกูลฟลินเดอร์ไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น ซึ่งเขาก็เต็มใจที่จะเป็นเหมือนหุ่นเชิดอยู่อย่างนี้ต่อไป
หลุยส์เงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณวางแผนที่จะให้พวกเขาออกค้นหาหยกอาถรรพ์ให้ใช่ไหมครับ”
เจฟฟ์พยักหน้า
“ของชิ้นนี้มีบางอย่างต่อต้านฉัน ตามความคืบหน้าในตอนนี้ ฉันไม่สามารถรวบรวมมันมาได้ทั้งหมด แม้ว่าฉันจะได้รับมาอีกหนึ่งร้อยปีก็ตาม ดูเหมือนสุริยุปราคากำลังจะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าฉันพลาดรอบนี้ไป ฉันจะต้องรออีกหนึ่งร้อยปี ฉันรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
หลุยส์พยักหน้าเบา ๆ
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด มีอะไรให้ผมเตรียมไว้ให้ไหมครับ? ผมจะได้สั่งพวกเขาไว้”
เจฟฟ์พูดออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไร เราแค่รอให้ถึงวันนั้น เมื่อพวกเขามาถึง นายก็แค่พาพวกเขามาหาฉันก็พอ”
หลุยส์พยักหน้ารับ เขากลับออกไปเมื่อไม่มีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติม
เพียงแค่พริบตาเดียวเวลาก็ได้ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
ณ งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของตระกูลฟลินเดอร์
ในงานเลี้ยงของทุกปี ผู้ที่ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมจะต้องเป็นคนจากครอบครัวฟลินเดอร์เท่านั้น พวกเขาไม่ต้อนรับบุคคลภายนอก ดังนั้นทุกคนจึงค่อนข้างแปลกใจเมื่อเห็น เกรกอรีและวิกกี้คู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน ที่กำลังเดินผ่านประตูจากด้านนอกเข้ามา
ชิม่อนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มฝูงชน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด
เพราะถึงแม้ว่าชิม่อนจะไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลฟลินเดอร์โดยตรง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าที่หัวหน้าครอบครัวได้มอบหมายงานนี้ให้เขา ก็เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ตัวของเขาเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก