ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 934

“เหตุผลที่เรียกมันว่าหยกอาถรรพ์นั้น ไม่ใช่เพราะมันทำมาจากหยกหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะมันใสกระจ่าง ดูเหมือนกับหยก เพราะมันเป็นวัสดุคนละชนิดกับหยก มันถูกคาดเดาว่าคือสารที่ลึกลับ ที่นำไปสู่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด อย่างที่เราได้เห็นกันในตอนนี้ ข่าวลือคือเรื่องจริงค่ะ”

“วันนี้ คุณเกรกอรียินดีที่จะแสดงสมบัตินี้ และให้ทุกคนได้ลองตรวจสอบและสังเกตมัน เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ด้วยคนเดียวค่ะ ในตอนแรกหยกอาถรรพ์ทั้งสิบสองชิ้นได้กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก หากใครต้องการรวบรวมหยกอาถรรพ์ทั้งสิบสองชิ้นไว้ด้วยตัวเอง ดิฉันเกรงว่ามันจะไม่สำเร็จง่าย ๆ อย่างแน่นอนค่ะ”

“ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลายคะ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ ล้วนเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คุณเกรกอรีได้เรียนเชิญให้ทุกท่านเข้าร่วมภารกิจ เพื่อค้นหาหยกอาถรรพ์ หากใครพบหรือให้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ได้ หลังจากที่รวบรวมหยกอาถรรพ์ได้ครบทั้งสิบสองชิ้นแล้ว พวกเขายินดีที่จะตอบแทนพวกคุณ ด้วยอาหารอันโอชะ และเฉลิมฉลองร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่”

หลังจากที่พิธีกรพูดจบ ทุกคนในเลาจ์ยังคงรู้สึกสับสน และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานพอสมควร

อะไรนะ?

ช่วยกันตามหาหยกอาถรรพ์? เพลิดเพลินไปกับความสำเร็จ? และเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่? นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?

คนส่วนใหญ่ที่นั่นพวกเขาคุ้นเคยกับ เกรกอรี เกแฮมเป็นอย่างดี พวกเขามั่นใจว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของชายผู้นี้ ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก

ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

ครั้งนี้พิธีกรได้เชิญ เกรกอรี เกรแฮมขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์

เกรกอรี เกรแฮมเหยียดขายาวของเขาแล้วเดินขึ้นไปบนเวที

อันที่จริง ตัวเกรกอรีเองก็ไม่ได้มีอะไรจะพูดอีกแล้ว แต่เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ได้มอบภารกิจนี้ให้กับเขา เพียงเพราะเจฟฟ์รู้ว่าเขามีอิทธิพลต่อคนพวกนี้มากแค่ไหน

ตอนนี้สมาคมจีนได้พังพินาศไปแล้ว ถ้าไม่นับตระกูลฟลินเดอร์ กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดก็คือกองทัพทหารมังกร ถ้าเขาไม่ใช้ เกรกอรี เกรแฮม เขาก็จะไม่ใช้คนอื่น

เกรกอรีมองไปยังกลุ่มคนล่างเวที และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “สิ่งที่พิธีกรได้พูดในตอนนี้คือสิ่งที่ผมต้องการจะบอกกับทุกคนครับ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถหาความจริงเบื้องหลังของสมบัติชิ้นนี้มาให้ผมได้ หรือสามารถนำหยกอาถรรพ์มาให้ผมได้ ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจว่าผมจะให้คำมั่นว่าจะไม่มีวันลืมชื่อของคนที่มีส่วนในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด รอให้ถึงวันที่รวบรวมหยกอาถรรพ์ให้ได้ครบทั้งสิบสองชิ้น แล้วทุก ๆ ท่านจะได้รู้ว่างานเลี้ยงเป็นอย่างไร”

ผู้ชมที่อยู่ล่างเวทีรีบเอ่ยถามเขาว่า “แค่หาให้เท่านั้นเหรอ? เราขอสักชิ้นจะได้ไหม?”

"ใช่ เพราะท้ายที่สุด มันก็คือแรงเงินและแรงกายของของเรา เราก็ควรจะต้องมีส่วนได้ด้วยสิ ใช่ไหม?”

เกรกอรี เกรแฮมมองคนพวกนั้นด้วยความคลุมเครือ ริมฝีปากของเขายกขึ้น แล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

เขาพูดเสียงดัง “ไม่มีใครรู้ว่าหยกอาถรรพ์จะมีลักษณะอย่างไรเมื่อรวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่สามารถรับประกันได้ในขณะนี้ ส่วนใครก็ตามที่ให้เบาะแสหรือให้หยกอาถรรพ์กับผม พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน ผมกล้ารับรองกับพวกคุณได้เลยว่า ทุกคนจะได้เห็นผลลัพธ์ของมันในตอนนั้น”

“อีกอย่าง ถ้าคุณไม่ยอมมอบมันให้กับผม มันก็จะเป็นแค่เพียงของเล่นธรรมดา ๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่หยกจะถูกรวมรวมได้ทั้งหมด ค่าของหยกจะสูญเปล่า และความลับนี้จะถูกฝังเอาไว้ตลอดไป และไม่มีใครสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ เพราะชิ้นส่วนที่หายไปเพียงชิ้นเดียว”

“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ เป็นคนหวงสมบัติกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าคงจะไม่มีใครเต็มใจปล่อยให้ความลับนี้ถูกเปิดเผย และปล่อยให้สมบัติชิ้นนี้หายไปอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมติดต่อกับทุกคนและหวังว่าพวกเราทุกคนจะสามารถรวมกำลัง ค้นหาชิ้นส่วนของหยกอาถรรพ์ และเราจะได้เห็นปาฏิหาริย์ของมันกัน โอเคไหม?”

พอสิ้นเสียงของเขา ใต้เวทีก็เงียบกริบ

ไม่มีใครพูดคุยกันนานพอสมควร

เกรกอรี เกรแฮมมองไปยังกลุ่มคนที่เงียบงัน ก่อนที่เขาจะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ถ้าใครยังรู้สึกไม่โอเค ผมขอสัญญากับพวกคุณว่า ใครก็ตามที่นำหยกมาให้กับผม คน ๆ นั้นจะสามารถขอความช่วยเหลือจากผมได้ทุกเมื่อ ผมจะช่วยเหลือตราบเท่าที่มันไม่ขัดหลักการของผม คำสัญญานี้จะมีผลจนกว่าจะพบกับหยกชิ้นต่อไป ผมยินดีต้อนรับทุกคนที่เต็มใจจะให้ข้อมูลกับผม”

ความตื่นเต้นได้เพิ่มขึ้นที่ด้านเวทีทันทีที่เขาพูดจบ

ในเลานจ์ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงดังอึกทึก

มัสซิโมอยู่ที่นั่น ตอนที่ชิม่อนได้พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแน่นอนว่าเขารู้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน ถ้ามันเกี่ยวข้องกับพวกฟลินเดอร์

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ขณะที่มองดูเกรกอรีและวิกกี้ จากนั้นเขาก็ถามว่า “นี่มันหมายความว่ายังไง พวกเธอสองคนไปเจอกับคนจากตระกูลฟลินเดอร์มาแล้วเหรอ? แล้วพวกเขาบอกอะไรบ้าง?"

เกรกอรีไม่มีทางเลือก เขารู้ว่าหากเขาไม่ได้อธิบายให้มัสซิโมเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วละก็ มัสซิโมก็จะไม่หยุดถาม

ดังนั้นเกรกอรี่จึงเล่าให้เขาฟังว่า วันนั้นพวกเขาได้ไปพบกับหลุยส์ ฟลินเดอร์ จากตระกูลฟลินเดอร์มา แต่ในที่สุด หลุยส์กลับพาพวกเขาไปที่สวนด้านหลัง และทำให้พวกเขาได้เจอกับเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ข้อตกลงจึงได้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสามคน

หลังจากที่ได้ฟัง มัสซิโมที่นั่งอยู่ตรงนั่นก็ถึงกับตกใจ เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นค้อนข้างนานพอสมควร

เขากลืนน้ำลายลงคอ พลางมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูด จากนั้นเขาก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “นายกำลังบอกว่า หลุยส์ ฟลินเดอร์ ไม่ใช่หัวหน้าของครอบครัว

ฟลินเดอร์ แต่กลับเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่อ เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ งั้นเหรอ?”

เกรกอรีพยักหน้า

"ได้ยังไง? แล้วเขาเป็นใคร? หลุยส์ ฟลินเดอร์ เป็นหัวหน้าของครอบครัวไม่ใช่เหรอ จะมีคนอื่นอีกได้ยังไง?”

วิกกี้ โทมัสรู้สึกปวดหัว จนต้องกุมขมับของเธอเอาไว้

“เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย เรารู้แค่ว่าบุคคลนั้นดูเหมือนว่าจะมีอำนาจมากกว่า หลุยส์ ฟลินเดอร์ เพราะเท่าที่เราเห็น หลุยส์เคารพเขามากเลยทีเดียว อีกอย่าง หลุยส์ดูหน้าตาเหมือนจะอายุห้าสิบหรือหกสิบปี แต่เจฟฟ์กลับดูอายุราว ๆ สามสิบกว่าปีเท่านั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก