“คุณมีอะไร?”
เฉินเกอก็ไม่คิดว่าจับังเอิญเช่นนี้ พบกับ หวังเสี่ยวถี
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หึ ๆ ฉันถามคุณหน่อย ตอนเช้าคุณตบหน้าฉัน ตอนนี้ คุณมาเจอด้วยสภาพนี้ อารมณ์ไหนกันแน่?”
หวังเสี่ยวถี กล่าวอย่างเคียดแค้น
ในตอนที่โดนตบหน้านั้น ในใจของหวังเสี่ยวถี นั้นทั้งเสียใจและรู้สึกเจ็บใจ อีกทั้งยังรู้สึกลำบากใจมากที่โดนเฉินเกอตบหน้า
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ หวังเสี่ยวถี อารมณ์ขุ่นมัวมาทั้งวันแล้ว!
ตอนนี้ เธออดไม่ได้ที่จะต้องแก้แค้นกลับไปบ้าง
“ก็ไม่ได้มีอารณ์อะไร คุณมีอะไรก็รีบพูดเถอะ ผมยังยุ่งอยู่เนี่ย!”
เฉินเกอหัวเราะเจื่อน ๆ แล้วพูดขึ้น
“หึ ๆ ยุ่ง ยุ่งบ้าอะไร เฉินเกอ ไป! คุณไปหยิบกระดาษทิชชูมาให้ฉัน!”
หวังเสี่ยวถี ชี้ไปที่กล่องทิชชูที่วางอยู่ข้าง ๆ
“ตอนนี้นายเป็นบ๋อย ก็ต้องบริการพวกเราที่เป็นลูกค้าสิ ไม่อย่างนั้น ฉันจะฟ้องผู้จัดการของนายตรงนั้น!”
เสียงพูดไร้สาระของ หวังเสี่ยวถี ดังไม่หยุด
เฉินเกอก็มึนไปเลย
อย่างไรก็ตามที่เธอพูดนั้นก็มีเหตุผล ตัวเองตอนนี้ ก็เป็นเพียงบริกรเท่านั้น
ในทันที เขาหยิบทิชชูแล้วส่งให้เธอ
“ฉันไม่เอา รองเท้าฉันเปื้อนแล้ว นายเช็ดรองเท้าให้ฉันทีสิ!”
หวังเสี่ยวถี ทำท่าหยิ่งผยองราวกับนกยูงรำแพนหาง
“ได้ยินรึยัง? คุณ เสี่ยวถี ของเราบอกให้แกเช็ดรองเท้าเธอน่ะ หึ ๆ เดิมทีนึกว่าเฉินเกอที่ เสี่ยวถี พูดถึง จะสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลา มาเห็นแกตอนนี้ผิดหวังจริง ๆ!”
“นั่นสิ รวยไม่ใช่หรอ? แล้วไหนมาเป็นบ๋อยในผับได้ ตายแล้ว ผู้ชายรวยไม่จริงแล้วแกล้งรวยแบบนี้ น่ารังเกียจ!”
“หึ ๆ จริงอย่างที่ พี่เซียว พูดจริงด้วย คนบางคนเพื่อไม่ให้เสียหน้าอะไรก็ยอมทำ!”
กลุ่มสาว ๆ จับไหล่กันและพากันพูดจาเยาะเย้ย
หวังเสี่ยวถี ยังคงยกเท้าขึ้นรออยู่อย่างนั้น
อย่างไรก็ตามเฉินเกอไม่ได้ก้มลงไปเช็ด เขาทำเพียงวางทิชชูไว้ข้าง ๆ แล้วพูด:
“ถ้าหากว่าคุณอยาได้คนเช็ดรองเท้า คุณก็ออกไปจากถนนการค้าจินหลิง แล้วไปผับแถว ๆ หงโหล คงหาคนเลียเท้าคุณได้เยอะเลย!”
เฉินเกอพูดจบแล้วหันหลังเดินจากไปทันที
“แก ๆ ๆ”
หวังเสี่ยวถี โกรธจนแทบบ้า
จู่ ๆ เขาก็ให้เธอไปหาผู้ชายขายน้ำ!
แต่เมื่อมาคิดอีกที หวังเสี่ยวถี ก็ไม่โกรธแล้ว แต่กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด สิ่งที่เป็นกังวลมาทั้งวันก็ถูกกำจัดไปจนหมด เปรียบเหมือนกับเป็นการยกภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับอยูในใจ ในที่สุดก็ถูกสลัดออกไปให้จิตใจผ่อนคลาย
เธอเข้าใจผิดว่าเฉินเกอนั้นรวยจริง ๆ และเป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นเจ้าของลัมโบร์กีนี
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เธอ หวังเสี่ยวถี ก็คงต้องตายแน่
ตัวเองดันไปขัดใจทายาทเศรษฐีเข้า
หวังเสี่ยวถี ถึงกับคิดไปแบบไม่เข้าท่า ถ้าหากว่าการพบกันครั้งแรกเฉินเกอ มันน่าประทับใจก็คงจะดีมากไหมนะ?”
หวังเสี่ยวถี นึกเสียใจ และหดหู่มาทั้งวัน
สุดท้ายเมื่อออกมาคลายเครียดในตอนหัวค่ำ เฉินเกอไม่เหมือนกับที่ตนคิดไว้ เขาก็เป็นเพียงพวกที่ไร้น้ำยาที่ทำทุกอย่างได้เพื่อหน้าตาตัวเองและไม่มีเกียรติ
แบบนี้ก็สบายไปได้เยอะ เหอ ๆ
“ไร้น้ำยา ให้เขาไสหัวไปไกล ๆ เลย มา ๆ ๆ พี่น้อง พวกเราดื่มต่อเถอะ!”
แต่เมื่อเฉินเกอกลับไปที่บาร์เหล้าแล้ว ตัวเองทำหน้าที่เสิร์ฟเหล้าหมดแล้ว
ทั้งหมดนี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าหดหู่
ในใจคิดว่าตรงนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ตนเองไปบอกเมิ่งไฉ่หรูก่อนดีกว่าว่าจะกลับแล้ว
เฉินเกอเดินไปที่ห้องรับรองที่เมิ่งไฉ่หรูอยู่
ในตอนนั้น มีคนหนุ่มสาวมากมายกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงดื่มเหล้า
“มา ๆ ๆ คุณครูเมิ่งฉันแพ้อีกแล้ว ถ้าไม่ดื่มไวน์ขวดนี้ให้หมดภายในอึกเดียว หรือไม่ก็ต้องถอดเสื้อตัวหนึ่ง เธอก็เลือกดูนะ!”
ชายอ้วนเตี้ยวัยกลางคน ในตอนนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ เมิ่งไฉ่หรู
เขานั่งใกล้เมิ่งไฉ่หรูมาก
เหล่ดูเธออย่างจริงจัง
“ฉันไม่ได้แพ้ คุณหลอกฉันเห็น ๆ!”
แค่ดูก็รู้ว่าเมิ่งไฉ่หรูรังเกียจชายอ้วนเตียวัยกลางคนคนนั้น และเธอก็ไม่ชอบบรรยากาศในตอนนี้ด้วย
ในตอนนี้กำลังพยายามดิ้นรนจนเหนื่อย
“ฮ่า ๆ ๆ เธอไม่ได้บอกว่าถ้าโกหกว่าแพ้เธอจะไม่นับว่าเป็นผู้แพ้นี่ เธอไม่ยอมดิ่มไวน์ใช่ไหม หย่างนั้นก็ถอดเสื้อก็แล้วกัน เหอ ๆ!”
เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็ยื่นมือออกไปจับกระโปรงของเมิ่งไฉ่หรูทำท่าจะดึงขึ้น
จางต้าชาน ที่อยู่ตรงหน้าเธอ คงจะเป็นพวกมีอิทธิพลแน่
เมื่อเธอใจเย็นลง จึงรู้สึกผิดเล็กน้อย
“หย่างนั้นคุณ...คุณจะให้ทำยังไง? แต่ฉันจะไม่ถอดเสื้อผ้าหรอกนะ!”
“หึ ได้ ไม่ถอดก็ได้ แต่ไวน์ขวดนี้ เธอจะกินให้หมดรวดเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องไม่จบแน่!”
จางต้าชาน แสยะยิ้ม เขาเปิดไวน์ขวดหนึ่งทันทีและวางไว้ข้างเมิ่งไฉ่หรู
“ได้ คุณพูดแล้ว!”
เมิ่งไฉ่หรูสูดลมหายใจ เรื่องนี้เธอไม่อยากค้างคาอีกแล้ว รีบฝืนดื่มไวน์ให้หมดขวด จากนั้นก็กลับ
เมื่อเธอเตรียมที่จะหยิบ
“ พี่เมิ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับกันไหม?”
ในตอนนี้เองที่เฉินเกอผลักประตูเข้ามา
เฉินเกอยืนฟังอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งแล้ว รู้เรื่องโดยรวมที่เกิดขึ้นข้างในนั้น ไอ้อ้วนนี่คิดจะมอมเหล้าเมิ่งไฉ่หรูนี่นา
สำหรับคำนำหน้า เมิงไฉ่หรูก็ได้กำชับไว้แล้วระหว่างที่อยู่สองคนกลางทาง อย่างเรียก คุณครู เรียก คุณครู แล้วมันดูไม่น่าเชื่อ
“เฮ้ย ไอ้ขี้เหร่ตรงนั้น ไสหัวไปไกล ๆ เลยไป!”
“นั่นอะไร ผมมากับ พี่เมิ่ง นะ ก็ต้องกลับด้วยกันสิ!”
เฉินเกอพูดด้วยท่าทางนิ่งเฉย
เฉินเกอไม่ได้แกล้งใจดี เพียงแต่รู้สึกว่าเมิ่งไฉ่หรูจะให้คนอื่นไปแบบนี้ ในใจของตนเองก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่
ไอ้กระจอก ถ้าอยากจะมาก็ต้องมาเองสิถึงจะถูก!
ถึงอย่างไรเฉินเกอก็ไม่อยากทิ้งเมิ่งไฉ่หรูไว้ที่นี่
“ได้ กูว่ามึงคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง มานี่สิ มาเอามันออกไปที!”
จางต้าชาน ฉีกเสื้อของเขาและรอยสักบนหน้าอกของเขาก็เผยให้เห็น
ในขณะนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองสามคนมาไล่เฉินเกอ
“รอก่อน เฉินเกอ นายออกไปรอข้างนอก นี่กุญแจรถฉัน ฉันดื่มเสร็จจะออกไป นายไปจอดรถรอฉันข้างนอกไป!”
เมิ่งไฉ่หรูส่งสายตาให้เฉินเกอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เฉินเกอก็มีใบขับขี่แล้ว อย่างมากก็ให้เขาพาเธอกลับบ้านแค่นั้น
เฉินเกอมองแล้วพยักหน้ารับ ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยก็อยู่ที่นี่และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเมิ่งไฉ่หรูไม่น้อย คงจะไม่ปล่อยให้เธอโดนอะไรหรอก”
จึงได้หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป
หลังจากเฉินเกอออกมาไม่นาน บอดี้การ์ดสองคนรับคำสั่งจาก จางต้าชาน ที่ส่งสายตาให้ ตามเฉินเกอมาจนถึงที่จอดรถ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...