เมื่อเฉินเกอเดินไปถึงที่จอดรถ ก็พบว่าตนเองโดนสะกดรอยตาม
เป็นบอดี้การ์ดสองคนสวมแว่นดำและเสื้อดำ
คงจะได้รับคำสั่งของคนที่ชื่อ จางต้าชาน คนนั้น
เฉินเกอคงจะไม่สามารถต่อกรพวกมันได้แน่ พวกมันน่าจะเป็นพวกที่ผ่านการฝึกมา
ในตอนนี้จึงได้แอบส่งข้อความหาหลี่เฟยหง ให้เขารีบมา
“ไอ้หนู หยุดก่อน”
ขณะเฉินเกอกำลังจะขึ้นรถ สองคนนั้นก็ล้อมเขาไว้
“พวกคุณมีอะไรหรอครับ?”
เฉินเกอรู้อยู่แล้วแต่แกล้งถาม
“ฮ่า ๆ เรื่องอะไรหรอ? ไอ้หนูนี่มันโง่จริง ๆ จะบอกให้นะ ว่าง่าย ๆ ไปกับพวกเราซะดี ๆ รอลูกพี่ของพวกเราเสร็จธุระแล้ว ก็ปล่อยแกไปเอง แกจะได้ไม่ต้องลำบาก!”
“ไม่อย่างนั้น วันนี้คงต้องตัดขาแก!”
บอดี้การ์ดเสื้อดำสองคนมองดูเฉินเกอเหมือนมองดูคนโง่คนหนึ่ง
ไอ้เด็กนี่ดูตื่นกลัว และจากที่พิจารณาก็คงไม่มีความสามารถอะไร
แท้จริงแล้วสองคนนั้นได้พาพวกมาด้วย และเตรียมที่จะสั่งสอนเขาสักหน่อย
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว อาศัยเพียงคำพูดอย่างเดียว ก็ทำให้เขากลัวได้แล้ว
หึ ในใจของบอดี้การ์ดทั้งสองคนเกิดความหดหู่เล็กน้อย
ได้รับคำสั่งให้มาจับตาดูไอ้หนูนี่ ที่จริงก็พี่น้องกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งลูกพี่
แม้ว่าตามหลักความโรคจิตในใจของลูกพี่แล้ว เขาเล่นกับเธอเสร็จแล้วนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะปล่อยให้ลูกน้องมาเล่นด้วยก็ได้
ถือว่าพลาดครั้งใหญ่เลยทีเดียว!
ต้องเข้าใจนะว่าเมิ่งไฉ่หรูคนนั้น ทั้งสองคนก็เห็นแล้ว เธอสวยจริง ๆ ให้ตาย
จากนั้นในเวลานั้นเองที่เฉินเกอยิ้มแหย ๆ แล้วพูด
“ตัดขาผม? พวกคุณคิดให้ดีก่อนดีกว่านะ!”
“แม่งเอ๊ย เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ขึ้นรถ ไปนอกเมืองกับเราซะดี ๆ!”
บอดี่การ์ดคนหนึ่งผลักเฉินเกอ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เข้าไปในรถของเมิ่งไฉ่หรู
เพราะที่นี่เป็นที่จอดรถใต้ดิน จึงมีลิฟต์สำหรับรถโดยเฉพาะ
เฉินเกอไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้สึกว่ามันผ่านไปราวห้าหกนาทีแล้ว บาร์นี้อยู่ไม่ห่างจากตี้หวางKTVมากนัก น่าจะมาถึงแล้ว
“ครืด!”
ในตอนนี้เองที่ประตูลิฟต์เกิดเสียงสั่นและประตูลิฟต์ก็เปิด
“เร็ว เปิดให้ฉันเข้าไป จากนั้น...”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเสียงของเขาก็นิ่งหายไป
จากนั้นก็เบิกตาโพลงจ้องมองไปที่ประตูลิฟต์
เขาเห็นรถคันหนึ่งในลิฟต์อยู่ในลิฟต์ ขณะนี้มีคนใส่ชุดดำถือมีดและไม้ยืนอยู่เต็มไปหมด
จ้องมองตนเองด้วยสายตาเย็นชา
“แม่งเอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนงุนงงไม่น้อย
“ตึง ๆ!”
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นไม่ขาดสายบริเวณทางเข้าที่จอดรถใต้ดิน
เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่อยู่รอบตัวเขา
ดูแล้ว คงมีไม่ต่ำกว่าร้อยคนแน่
ดวงตาของหลี่เฟยหงที่ยืนนำขบวนเหมือนลูกศรและเขากวาดไปอย่างเย็นชา
“ลูกพี่ นี่มันหมายความว่าไง? ไม่คิดจากบอกกันก่อนรึไง ที่นี่คือถนนการค้าจินหลิงนะ! ดูเหมือนแบบนี้ก็จะมาหาเรื่องกันนี่!”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนหน้าซีดเผือด
“อืม ๆ ลงจากรถไปถามสถานการณ์ดูก่อน ตามกฎหมู่ พวกนั้นคงไม่กล้าหรอก!”
ทั้งคู่ลงจากรถ
เฉินเกอยิ้มเยาะแล้วลงจากรถด้วย
“คำนับคุณชายเฉิน!”
หลี่เฟยหงเห็นเฉินเกอแล้วรีบก้มทำความเคารพทันที
ในขณะเดียวกันคนเป็นร้อยก็พร้อมใจกันพูดขึ้น
เสียงที่ดังฟังชัดและเป็นระเบียบถูกเปล่งออกขึ้นดังไปทั่วที่จอดรถทำให้เกิดเสียงอึกทึก
ทำให้บอดี้การ์ดสองคนนั้นกลัวจนแทบแข็ง
“คะ... คุณชายเฉิน?”
สายตาที่บอดี้การ์ดทั้งสองมองดูเฉินเกอในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่ใช่เพียงแค่เด็กทำงานหรอกหรอ?
คนทั้งบาร์ต่างพากันตกตะลึง
“แม่งเอ๊ย นี่มันพี่เฟยหงนี่?”
“บาร์นี้ทำอะไรให้พี่เฟยหงโกรธเข้าแล้ว? พี่เขาจะมาเล่นงานที่นี่?”
“ไม่ ๆ ๆ เมื่อกี้พี่เฟยหงพาคนเข้ามา ฉันได้ยินว่า พี่เฟยหงมาตามหาคน ชู่ว์ อย่าพูดมาก! ระวังปากจะพาซวย!”
ในตอนนั้นเอง ดนตรีจังหวะที่น่าตื่นเต้นในบาร์ก็หยุดลง
คนงานและพนักงานถูกล้อมเขามาที่โถงกลาง ล้วนแต่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีบางคนที่ใจกล้าและบันทึกวิดีโอเอาไว้ จึงโดนสายตาพิฆาตจากบอดี้การ์ดทำให้ต้องรีบเก็บไป
บรรยากาศโดยรอบกดดันมากเป็นพิเศษ
“พวกแก คุกเข่าลง!”
จากนั้นก็เห็นว่า บอดี้การ์ดสิบกว่าคนจับคนของ จางต้าชาน มาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลี่เฟยหง
ในนั้นยังมีคนคนนั้นที่ชื่อ เฉียวเฉียว เถ้าแก่เนี้ยและสามีด้วย
ทั้งสองคนกลัวและเงียบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว
ต่อหน้าหลี่เฟยหงที่ตั้งคำถามอย่างดุดัน และไม่รู้ว่าอธิบายอะไรให้หลี่เฟยหงฟัง สุดท้ายคนที่ชื่อ เฉียวเฉียว ก็ร้องไห้
“พี่เซียว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ชายหนุ่มคนนี้คือใคร? เขาดูเกรี้ยวกราดจังเลย!”
หวังเสี่ยวถี และเพื่อน ๆ ทั้งหกคนยืนล้อมวงดูอยู่ด้วย
เมื่อเห็นฉากความเกรี้ยวกราดเหล่านั้น ในใจของเหล่าสาว ๆ ก็แทบจะปะทุ
ผู้หญิง ไม่ได้ชอบอัศวินขี่ม้าขาวหรอกหรอ!
“นั่นคือพี่เฟยหงแห่งถนนการค้าจินหลิง ผู้ชายที่เกรี้ยวกราดที่สุดในจิงหลิง เป็นลูกน้องของ ลี่เจิ้นชาน ถือว่าเป็นคนของคุณชายเฉิน!”
พี่เซียว คนนี้เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับที่นี่อยู่เยอะ นาทีนี้เธอเล่าด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
“แม่เจ้า ที่แท้ก็หลี่เฟยหง แถมเป็นคนของ คุณชายเฉิน หรอ? มิน่าล่ะ!”
สาว ๆ พูดด้วยความเคารพ
หวังเสี่ยวถี เองก็ให้ความเคารพ เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รู้จักคนที่เกรี้ยวกราดเช่นนี้ไหม?
ในตอนนั้นเธอยืนอยู่ที่โต๊ะและดูทุกอย่างเงียบ ๆ
ทันใดนั้น ก็มีคนคนหนึ่งเดินผ่านเธอไปจากด้านข้าง แหวกวงล้อมที่แน่นขนัดเข้าไป
และ หวังเสี่ยวถี ก็เห็นคนคนนั้นพอดี
“แม่เจ้า เฉินเกอ เขาจะเข้าไปทำบ้าอะไรน่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...