บทที่415แบล็กเมล์
“จริงสิเฉินเกอ นายจะมาอยู่กี่วันล่ะ? จะเที่ยวนานแค่ไหน วันนี้จะให้เสี่ยวเป้ยไปเดินเป็นเพื่อนให้รอบๆ พรุ่งนี้พวกเราก็แค่มาส่งนายที่สนามบินด้วยตัวเองเอง ไม่ต้องเกรงใจ!”
บนถนน โกวไฉเฟิ่งขับรถไป แล้วก็มองไปยังเบาะหลังที่มีเฉินเกอนั่งอยู่อย่างเงียบเชียบ
โดยเฉพาะที่เฉินเกอลากกระเป๋าเดินทางมา ทำให้ในใจของโกวไฉเฟิ่งกระตุกไป
จากนั้นก็ทำสีหน้าที่ยินดีต้อนรับเสียยิ่งกว่าอะไรแล้วพูดขึ้น
ความหมายก็คือให้พรุ่งนี้เฉินเกอไปเสีย
“หา? คุณน้า ผมไม่ได้บอกว่าจะไปนี่ครับ อาจจะต้องอยู่ที่เยี่ยนจิงไปพักหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ รบกวนคุณด้วยนะครับ!”
เฉินเกอยิ้มแห้งๆแล้วพูดขึ้น
ในโลกความจริงก็เป็นแบบนี้ คนจนโวยวายก่อเรื่องไม่มีคนถาม รวยอยู่ในเขาก็มีญาติมาเยี่ยม คนถ้าเกิดว่าจนแล้วนั้น ไม่ว่าจะเดินไปหาครอบครัวใคร ใครก็กลัว
โกวไฉเฟิ่งหน้าเสียไปในทันที ไม่ได้พูดอะไร
“แหะๆ พี่ชาย พี่อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะค่ะ อีกไม่กี่วันก็เป็นวันเกิดของคุณย่าแล้ว ถ้าเกิดว่าพี่ไปฉลองวันเกิดให้กับเธอได้ หนูคิดว่าเธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ!”
หยางเสี่ยวเป้ยกลับดูใกล้ชิดกับเฉินเกอ
ก่อนจะมา แม่เองก็ได้บอกตัวเองแล้ว เพราะว่าเหตุผลพวกนั้น หลายปีมานี้ต่อให้ได้ช่วยเหลือเสี่ยวเป้ยบ่อยขนาดไหน แต่ว่าคุณแม่ก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองต่อเสี่ยวเป้ย
เพราะฉะนั้นเสี่ยวเป้ยเลยไม่รู้เรื่องราว
แต่ว่าใจของเฉินเกอก็คิด ที่จริงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“หึ ได้เจอเขา ได้เจอเขาก็อย่าไปทำให้คุณย่าโกรธจนตายขึ้นมาถึงจะดี!”
โกวไฉเฟิ่งเย้ยขึ้น
“แม่ ทำไมแม่ต้องพูดแบบนี้ด้วยคะ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณย่ากับคุณป้าคุณลุงจะไม่ดี แต่ว่าเมื่อก่อนก็เคยส่งให้คนไปถามไถ่เรื่องของพวกพี่สาวพี่ชายไม่ใช่หรือไงคะ?”
หยางเสี่ยวเป้ยมองแม่แล้วก็อธิบาย
“เห้อ! เฉินเกอ ฉันก็รู้ว่าที่นายมาหาคุณยายรอบนี้มีความคิดอะไร อยู่ต่อไปไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ คิดอยากจะกลับมาขอแบ่งผลประโยชน์ตระกูลหยาง? เหอะๆ ฉันจะบอกให้นายน่ะ รีบหยุดความคิดนั้นเสียดีกว่า แม้แต่ครอบครัวของพวกเรายังได้ส่วนแบ่งมาไม่เท่าไหร่ ไม่ต้องพูดถึงพวกนายหรอก!”
ชัดเจนว่าโกวไฉเฟิ่งพิจารณาปัญหาไม่เหมือนกับคนทั่วไป
แต่ว่าเฉินเกอก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แค่ยิ้มอ่อนแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็พูดคุยถามไถ่เกี่ยวกับชีวิตช่วงนี้ของหยางเสี่ยวเป้ย
ยังไงก็เป็นพี่ชายน้องสาวกัน เจอหน้ากันได้คุยกัน ก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา
ถึงว่าตอนนี้ตระกูลหยางจะเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเยี่ยนจิง
แต่ว่าสายเลือดอื่นๆก็ยังมีอีกมาก
บวกกับคุณนายหยางก็ยังเป็นคนหัวโบราณ ดังนั้นจึงได้ดูแลลูกชายและลูกสาวเข้มงวดมาก ใครก็ตามที่สามารถทำให้เธอพอใจ สามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับตระกูลหยางได้ ก็จะได้รับเม็ดเงินสนับสนุน
แต่ว่าเหมือนพวกคู่แม่ลูกหยางเสี่ยวเป้ยแบบนี้ล่ะ คุณน้าห้ากลายเป็นผัก ตอนนี้ก็ได้แค่นอน ดังนั้นสถานะในครอบครัวก็คงจะต่ำมาก บางทีอาจจะต่ำขนาดที่มองไม่เห็นเลยก็ได้
ก็แค่หางานทั่วๆไปในครอบครัวให้โกวไฉเฟิ่งทำ
แน่นอนว่าที่อยู่ของครอบครัวเสี่ยวเป้ยก็ไม่ได้ดีมากนัก
เป็นหมู่บ้านทั่วๆไป
เฉินเกอเองก็รู้สึกได้ คุณแม่บอกว่าสถานการณ์ในบ้านตระกูลหยางนั้นค่อนข้างจะซับซ้อน มีเรื่องลึกๆเยอะมาก ตอนเริ่มแรกก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้นับได้ว่าเฉินเกอเข้าใจแล้ว
“เสี่ยวเป้ย รอก่อน แม่จะบอกเรื่องอะไรกับลูกหน่อย!”
หลังจากที่ถึงบ้าน เสี่ยวเป้ยก็ไปซื้อผัก โกวไฉเฟิ่งเรียกเธอเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าสองแม่ลูกออกไปคุยอะไรกัน
ส่วนเฉินเกอ ก็ไปดูคุณน้าห้าที่นอนเป็นผักอยู่ในห้อง
เรื่องของคุณน้าห้า คุณแม่เองก็เสียดาย การรักษาของครอบครัวดีมากขนาดนี้ ก็ยังคงมิอาจจะทำให้คุณน้าห้ากลับมาเป็นคนปกติได้
พอถึงตัวเฉินเกอ แน่นอนว่าก็มีใจแต่ว่าไม่มีกำลัง
ไม่รู้ว่าคุณลุงฉินจะมีวิธีหรือไม่ ตอนนี้เพื่อนคนแก่คนนี้จะไปอยู่ที่ไหนกันนะ?
เสี่ยวเป้ยไปซื้อผักแล้ว ปล่อยให้เฉินเกอเผชิญหน้ากับโกวไฉเฟิ่งที่พูดบ่นไปเรื่อยๆเพียงลำพัง ก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นนัก
ยังไงเสียเฉินเกอตั้งแต่ไหนแต่ไรจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยได้ยินคำพูดที่พอเป็นไปได้สักอย่างจากปากคุณน้า
ดังนั้นก็เลยบอกว่าจะลงไปเดอนเล่นข้างล่าง หาข้ออ้างที่จะออกไป
พอดี ตอนที่เฉินเกอลงมาด้านล่างโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์โทรแปลกที่โทรเข้ามา
“สวัสดีครับคุณชาย ผมเป็นผู้รับผิดชอบวงศ์ตระกูลเขตเยี่ยนจิง โห๋ผิง คุณชายมาที่เยี่ยนจิง ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรที่พอจะช่วยคุณชายได้บ้างไหมครับ?”
บริษัทของตระกูลเฉิน ในหัวเซี่ยแบ่งแยกออกเป็นหลายเขต
เหมือนแต่ก่อนเขตเจียงหนาน เขตตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ยังมีเขตเยี่ยนจิงในตอนนี้และอีกมากมาย
“ทุกๆคนมาช่วยตัดสินหน่อยค่ะ ผู้หญิงคนนี้ชนเข้ากับรถของฉัน แล้วก็ยังทำตัวบิดพลิ้ว!”
คนที่พูดดูแล้วเป็นผู้ชายอายุราวๆสามสิบ เป็นคู่สามีภรรยาอายุน้อย
ในตอนนี้ ก็มองแล้วหัวเราะเยาะเย้ยเสี่ยวเป้ยแล้วพูดขึ้น
“ฉันไม่ได้บิดพลิ้ว! ฉันไม่ได้แตะเลย ฉันหยุดรถแล้ว เป็นภรรยาของคุณที่ขับรถขึ้นมาชน!”
หยางเสี่ยวเป้ยรีบพูดขึ้น
เรื่องราวเป็นแบบนี้ ในใจของเสี่ยวเป้ยก็คิดว่าพี่ชายมาทั้งที ก็ต้องทำอาหารอร่อยๆสักมื้อ
พอซื้อผักเสร็จก็รีบกลับ แต่ว่า ผู้ชายคนนี้เพิ่งจะซื้อรถใหม่ ภรรยาของเขากำลังหัดขับรถ ตอนขับได้ ภรรยาก็ตื่นเต้น ก็เลยพุ่งเข้ามาที่หยางเสี่ยวเป้ย ชนทำให้เสี่ยวเป้ยล้ม
ผลลัพธ์กลายเป็นกลับมากัดเสี่ยวเป้ยเสียอย่างนั้น
ก็เกิดเป็นเรื่องราวตรงหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในตอนนี้โกวไฉเฟิ่งกับเฉินเกอก็วิ่งมา
โกวไฉเฟิ่งรีบถามขึ้น
จากนั้นหยางเสี่ยวเป้ยก็เล่าเรื่องให้ฟัง
“เหอะๆ ขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปมาให้วุ่นวายทำไมล่ะ จริงเชียว!”
ในตอนนี้หญิงสาวก็กอดอกแล้วเย้ยขึ้น
ชัดเจนว่ารถคันนี้ที่เธอขับก็คือเฟอรารี่ซีรี่ยส์5 ดูท่าทางเธอค่อนข้างจะมองว่าตัวเองสูงส่ง
“ตกลงว่าเป็นใครชน พวกเราไปขอให้สำนักงานส่วนกลางตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็จบแล้ว!”
โกวไฉเฟิ่งพูด
“เอาสิ อย่างนั้นก็ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามีคะ คุณไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดกับพวกเขานะ ฉันจะไปโทรศัพท์หาเป่าเกอ!”
หญิงสาวเปรย
“เป่าเกอ? เป่าเกอคนไหน?”
ส่วนโกวไฉเฟิ่งพอได้ยิน กลับชะงักไปทันที......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...