บทที่475 ความกลัวที่โม่เจี้ยนกำลังรู้สึก
“ไม่มีจริงๆ!”
หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นอย่างลืมตัว
“ช่างเถอะนะเจ้าอ้วน สามหยวนเอง เธอเป็นสาวสวยเชียวนะ อย่างนี้ละกัน สามหยวนฉันให้นายเอง!”
มีคนที่อยู่บนรถเอ่ยขึ้น
“อา จริงๆเลยสินะ ยังมีผู้หญิงแบบนี้ด้วย อยากจะกินแต่แค่สามหยวนก็ไม่มีให้!”
ชายอ้วนทำหน้ามุ่ย
หญิงสาวนั้นยิ่งขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ความดุร้ายส่งผ่านดวงตาคู่สวยนั่น
“ได้ ถ้าหากนายต้องการเงิน เดี๋ยวนายลงรถไปกับฉัน อย่าว่าสามหยวนเลย สามพันฉันก็ให้นายได้ นายกล้าไหมล่ะ?”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“หืม ใครไม่กล้ากัน เธอพูดเองนะ ว่าจะให้ฉันสามพัน!”
ชายอ้วนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“ได้!”
หญิงสาวสูดหายใจเข้า
ส่วนชายในชุดดำนั้น ก็เหลือบมองไปยังผู้หญิงคนนั้น เลิกเปลือกตาขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงละสายตาออกไป
“คนขับรถ จอดรถด้วย!”
ผ่านไปไม่นานจู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
“จอดตรงนี้หรือ? คนสวย ตรงนี้เดินไปอีกไกลนะ ไม่มีบ้านคนหรือที่พักอาศัยเลยด้วย?”
คนขับรถเอ่ยเตือนขึ้นด้วยความหวังดี
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!”
หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
คนขับรถเลี่ยงไม่ได้จึงต้องจอดรถลง
หลังจากที่หญิงสาวเหลือบมองไปยังชายอ้วนแวบหนึ่งแล้วนั้น ก็ถือกล่องสีขาวเดินลงไป
“หืม เธอบอกจะให้ฉันสามพันไง!”
ชายอ้วนเองก็หอบขนมแล้วเดินตามลงไปด้วยเช่นกัน
แต่ที่ทำให้คนขับรถรู้สึกแปลกๆก็คือ ทางด้านหลังของพวกเขา คนที่สวมใส่แจ็คเก็ตสีดำคนนั้น ก็พาชายหนุ่มอีกสองคนที่มีใบหน้าขาวซีดนั้นเดินตามลงไปด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีชายฉกรรจ์อีกสี่ถึงห้าคน ที่แบกสัมภาระลงรถไปอีกด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ลงรถกลางทางแบบนี้?”
แต่คนขับรถก็เป็นเพียงแค่คนขับรถแก่ๆคนหนึ่ง จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากแล้วก็ขับรถออกไป
ไม่กี่คนเหล่านั้น ล้วนแต่มายังพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
“นี่ เอาเงินมาให้ฉันสิ!”
ชายอ้วนเอ่ยพูดกับหญิงสาว
หญิงสาวจึงหยุดยืนนิ่ง แล้วตามมาด้วยรอยยิ้ม : “เห็นรึยัง เงินของนาย อยู่ข้างหลังนายไง!”
“ข้างหลัง? นั่นมันคน มีเงินที่ไหนกัน?”
ชายอ้วนเอ่ยถาม
“ลูกพี่ คนสวยนี่ยังรอพวกเราอยู่เลยนะ ครั้งนี้เจ๋งไปเลยสินะ ฮ่าๆๆ!”
หนึ่งในชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้น
หลังจากนั้น สี่ห้าคนนั้นก็เอาสัมภาระโยนทิ้งไป แล้วรีบก้าวเข้ามาล้อมหญิงสาวที่ใส่ชุดดำเอาไว้
“ว่าอย่างไรคนสวย? เดินทางเหงาหรือเปล่า? ถ้าไม่อย่างนั้นให้พวกพี่อยู่เป็นเพื่อนไหม?”
ชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้น
ชายอ้วนรู้สึกตกตะลึง
“พวกพี่ ไม่ใช่ว่าจะกำลังปล้นหรอกใช่ไหม?”
“ไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
ชายฉกรรจ์ผลักชายอ้วนออก
ส่วนชายในชุดดำนั้น ก็พาชายหนุ่มสองคนนั้นที่ดูร่างกายอ่อนแอเดินมาด้วยเช่นกัน
ยืนดูอยู่ตรงข้างๆ
“อยู่เป็นเพื่อนฉัน? พวกนายอยากจะอยู่เป็นเพื่อนฉันอย่างไรหรือ?”
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างหยาดเยิ้ม
“ฮ่าๆ! เธอต้องการจะให้พวกฉันอยู่ด้วยอย่างไร ก็อยู่แบบนั้นแหล่ะ!”
พูดจบแล้วนั้น สองสามคนนั้นก็พุ่งตรงเข้ามา
“ลูกพี่ของพวกนาย ชื่อหลี่หูใช่หรือเปล่า?”
จู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น
“หืม? เธอ.....เธอรู้ได้อย่างไร?”
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นมองหน้ากัน
“แน่นอนว่าฉันต้องรู้สิ เพราะอีกไม่นาน เขาก็จะตายคามือฉัน ก็เหมือนกับพวกสกปรกแบบพวกนายนี่ไง!”
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“อะไรนะ?”
และในขณะนี้ ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว แสงสีขาวสว่างขึ้น และในมือของเธอนั้นก็มีมีดเล่มสั้นเพิ่มขึ้นมา
ฉวับ ฉวับ!!!
แสงสว่างวาบ ลำคอของทั้งสี่คนนั้นถูกบาดจนขาด
“อ๊า!”
ชายอ้วนตกใจเสียจนสั่นเทาไปทั้งตัว กรีดร้องออกมา
ชายชุดดำหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“คุณชายสามโม่เจี้ยน คุณอยากรู้ว่าฉันเป็นใครไหม?”
ชายชุดดำเอ่ยถาม
“ท่านอาวุโส....ท่าน....ท่านเป็นใคร?”
โม่เจี้ยนเอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจ
ชายชุดดำถอดหมวกออก แล้วถอดเครื่องเปลี่ยนเสียงที่อยู่ตรงต้นคอออก
หลังจากนั้นก็ถอดผ้าปิดจมูกออก
ใบหน้าที่ปรากฏออกมาให้เห็นนั้น เป็นใบหน้าที่หล่อเหลางดงาม
และใบหน้านี้เองที่ทำให้ดวงตาของโม่เจี้ยนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“แก....แกคือเฉินเกอ?”
โม่เจี้ยนรู้สึกช็อค
ตามหาตัวเฉินเกอไปทั่วทุกแห่ง โม่เจี้ยนเคยเห็นข้อมูลทั้งหมดของเฉินเกอ
ในขณะที่จำได้นั้น ก็รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว พวกแกสองพ่อลูกตามหาตัวฉันกันอย่างยากลำบากมาเป็นครึ่งปีแล้ว คิดไม่ถึงสินะ? ว่าแกจะตกมาอยู่ในกำมือฉัน?”
เฉินเกอยิ้มออกมาเล็กน้อย
เพียงแต่รอยยิ้มนี้ ทำให้โม่เจี้ยนรู้สึกหวาดกลัว
“เฉินเกอ คุณชายเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นผู้มีสายเลือดนี้ด้วย เสียมารยาทไปแล้วจริงๆ เรื่องราวเมื่อก่อน อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน!”
โม่เจี้ยนเอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว
เนื่องจากทักษะของเฉินเกอนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ
“เข้าใจผิด เมื่อก่อนเพื่อนๆของฉัน ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กำมือของแก และยังมีตระกูลเฉินที่ครึ่งปีมานี้ ถูกแกกดขี่เสียจนแทบจะหายใจไม่ได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ฉันถูกพ่อของแกไล่ตามเหมือนหมาข้างถนน เรื่องพวกนี้ เป็นการเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ?”
เฉินเกอยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“แกจับฉันมา แต่ก็ไม่ฆ่าฉัน? แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
โม่เจี้ยนกลืนน้ำลาย แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว
“ฉันเพียงแค่อยากจะหาโอกาสและสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อฆ่าแกไง”
เฉินเกอกล่าว
“ฉันเข้าใจแล้ว แกอยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของพ่อฉัน เพื่อให้ตระกูลเฉินของพวกแกได้มีโอกาสพักหายใจสินะ! แต่เฉินเกอแกคิดว่าจับตัวฉันมาแล้ว แกจะหนีพ้นจริงๆน่ะหรือ? ทักษะแกแข็งแกร่ง แต่อย่าลืมสิ ว่าที่แกเผชิญหน้าอยู่คือตระกูลโม่ทั้งตระกูล นั่นพ่อของฉันนะ!”
โม่เจี้ยนมีใบหน้าที่ดุร้าย: “อีกไม่นานพ่อฉันก็จะตามมาที่นี่ แกฆ่าฉัน แกจะต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วยนะ แกไม่มีแต้มต่อเลยแม้แต่นิดเดียวแล้ว!”
เฉินเกอพยักหน้า : “ดังนั้น จะให้แกตายอย่างไร ฉันก็เลยคิดไตร่ตรองเป็นเวลานาน จุดไฟเผาแก จะมากจะน้อยก็ต้องเหลือทิ้งร่องรอยเอาไว้ สุดท้ายแล้วถึงได้คิดวิธีนี้ขึ้นมาได้!”
“หุบเขาลึกด้านหน้า เรียกว่าหุบเขาเย๋จ้าง หรือจะเรียกว่าหุบเขายุงพิษก็ได้ ด้านในมียุงที่มีพิษเป็นหลายร้อยล้านตัว โยนแกลงไป เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้แต่เนื้อหนังของแกก็คงไม่เหลือ แบบนี้ พ่อแกจะตามหาเบาะแสของแก คงจำเป็นจะต้องใช้เวลานานเลยสินะ! เพราะฉะนั้น ให้ยุงกัดกินแกจนตายคงจะดีกว่า!”
“เฉินเกอ! แก.....แกโหดเหี้ยมมาก! สารเลว พ่อฉันจะต้องจับแกมาฆ่าหั่นศพแน่ๆ!”
โม่เจี้ยนตกใจเสียจนหน้าตาอัปลักษณ์ คำรามออกมาด้วยสายตาที่แดงก่ำ......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...