บทที่716 บังเอิญเจอ
เวลาพลบค่ำในจินหลิง
เฉินเกอเดินทางมาถึงแล้ว เขาเดินทางมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่
เวลานี้ รองผู้จัดการทั่วไปเขตเศรษฐกิจ มีสองคน คนหนึ่งคือเจิ้นกั๋ว ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อจงหวูแหยนหรือประธานจง
ทั้งสองคนนี้ภักดีต่อตระกูลเฉินของเรา
โดยเฉพาะเจิ้นกั๋ว! ตนเองรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ตามที่ลุงสอง พูดไว้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะมีเรื่องอะไรจริง ๆ ตนเองจึงต้องตรวจสอบให้ดี
“ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย เย็นนี้ประธานจงกับประธานหลี่ไม่อยู่ ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับมา! ยิ่งกว่านั้นต่อให้กลับมาแล้ว ทั้งสองท่านก็ไม่ใช่คนที่คุณบอกว่าจะพบก็เข้าพบได้!”
พนักงานต้อนรับกล่าวกับเฉินเกออย่างสุภาพ
แม้ดูภายนอกจะดูสุภาพ แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความดูถูกไว้ในใจได้
ในใจคิดว่านี่เป็นใครกัน ทั้งสองท่านนั้นเป็นคนใหญ่คนโต คิดจะเข้าพบก็เข้าพบได้รึไง?
“บอกพวกเขาว่าเฉินเกอมาแล้ว โทรไปบอกพวกเขา!”
เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
และไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระกับพวกเธอ
“คุณว่าอะไรนะ? คุณคือคุณชายเฉินเกองั้นเหรอ?”
และพนักงานต้อนรับเหล่านั้น ทั้งหมดมองเฉินเกอด้วยความตกใจ และรีบลุกขึ้น
“ตอนนี้คงโทรได้แล้วนะ?”
เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ค่ะ ๆ ๆ คุณชายเฉิน ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้เลย โทรหาพระแสงแกสิ! ! !”
และพนักงานต้อนรับขณะที่พูดจู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีและมองตรงไปที่เฉินเกอด้วยสายตาเย้ยหยัน
เฉินเกอขมวดคิ้วและมองไปที่เธอ
“นายมองอะไรยะ นี่โง่รึไง ไม่ได้ดูการแต่งตัวของตัวเองเลย แล้วยังกล้ามาปลอมเป็นคุณชายเฉินอีก แกรู้ไหมจินหลิงในตอนนี้ มีคุณชายเฉินเยอะขนาดไหน? แล้วก็ไม่ดูเลยว่าที่นี่มันที่ไหน? ยังจะกล้ามาทำตัวแบบนี้ที่นี่อีก!”
พนักงานต้อนรับตะโกนขึ้นดังและรุนแรง
“การ์ด ไล่นายคนนี้ออกไป เขาเข้ามาก่อกวน!”
พนักงานต้อนรับโยนปากกาคาร์บอนในมือและพูดขึ้น
ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดหลายคนเข้ามาล้อมเฉินเกอไว้
และจะลงมือ
เฉินเกอหันไปมองพวกเขา
และถอนหายใจในใจ
เอ่อ ช่างเถอะ ในเมื่อเจิ้นกั๋วกับจงหวูแหยนไม่อยู่ งั้นพรุ่งนี้ก็รีบมาแล้วกัน!
เฉินเกอนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีน้ำโหในเวลานี้ ในทางกลับกันถ้าหากมีคนกล้ายั่วเขา คงจบไม่สวยแน่
แต่ว่าตอนนี้คนกลุ่มนี้ก็เป็นพนักงานของเขาเอง อย่างที่สอง ตัวเองจะลงโทษพวกเขาก็ไม่มีความหมายอะไร
ตัวเองจะเปิดเผยตัวและโอ้อวดที่จริงแล้วมันง่ายมาก การตรวจสอบตัวตนนั้นเพียงแค่ครู่เดียวก็ทำได้แล้วแต่มันไม่มีความหมายอะไรเลย
แล้วยิ่งเฉินเกอในตอนนี้นั้นจิตใจกระวนกระวาย ไม่มีแก่ใจจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขา
งั้นก็แบบนี้แหละ!
“ได้ ในเมื่อพวกเขาสองคนกลับมาตอนเช้า งั้นฉันจะกลับมาเจอพวกเขาพรุ่งนี้!”
เฉินเกอส่ายหน้าและฝืนยิ้ม
จากนั้นใช้มือหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้วเดินจากไป
“อะไรวะ ไอ้หนุ่มนี่ใคร? แกดูมันแต่งตัวน่าเกลียดขนาดนี้ พูดจาวางก้ามใหญ่โต!”
กลุ่มบอดี้การ์ดมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างดูถูก
“คงจะเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้า โง่แบบนี้ พรุ่งนี้ถ้าเขายังกล้ามาอีก พวกเธอได้งงตาแตกแน่ อย่าให้ประธานหลี่กับประธานจง เจอกับเจ้านี่เข้าล่ะ ไม่งั้นพวกเราตกงานแน่ แถมพรุ่งนี้บริษัทเรามีงานใหญ่เสียด้วย อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเลย!”
พนักงานต้อนรับสาวเตือนกลุ่มบอดี้การ์ดด้วยความหวังดี
“วางใจเถอะ เขากล้ามา ได้หนุ่มนี่ได้เห็นดีกัน!”
กลุ่มบอดี้การ์ดกล่าวคำปฏิญาณ
พูดถึงเฉินเกอที่เดินออกมาแล้ว
ในตอนที่เขากำลังเตรียมจะมุ่งหน้าไปที่วิลล่าสปา
เขากลับพบกลุ่มชายหญิงวัยรุ่นหลายคนอยู่ตรงหน้า
“เฮ้! นายน่ะ!”
ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวที่แต่งตัวสวยงามคนหนึ่งหยุดและชี้ไปที่เฉินเกอและขอให้เฉินเกอหยุด
แน่นอนว่ามาจากเมืองเดียวกัน
สมัยมัธยมปลาย หยางฮุยมีชื่อเสียงในโรงเรียนมาก หลี่เวยเวย เองก็ชอบหยางฮุยมาตลอด
แต่พอหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะพูดยังไงดีนะ ก็เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ที่เติบโตกลายเป็นหงส์ขาว วิสัยทัศน์และรสนิยมแตกต่างจากโรงเรียนมัธยมในตอนนั้นมาก
คนที่ดูเจ๋งในสมัยมัธยมปลายสุดท้ายพอเข้ามหาวิทยาลัย ก็ดูไม่โดดเด่น เขากลับดูเหมือนคนทั่วไป และบางคนก็กลายเป็นคนที่แตกต่างกันมากขึ้นในสังคมและพวกเขาก็กลายเป็นแค่คนธรรมดา
ดังนั้นช่วงเวลาเหล่านี้ก็ทำให้จิตใจของหลี่เวยเวยเปลี่ยนแปลงไปด้วย
เธอตั้งแต่ชอบหยางฮุย จนไม่สนใจหยางฮุย ไม่เห็นหยางฮุยอยู่ในสายตา ช่วงหลังของการเรียนในมหาวิทยาลัย แม้แต่คุยหลี่เวยเวย ก็ไม่อยากคุยกับหยางฮุย ช่องทางการติดต่อจึงได้ลบทิ้งทั้งหมด
ด้วยเข้าใจว่าเมื่อหยางฮุยอยู่ในสังคมก็คงเป็นพวกพนักงานออฟฟิศ
แต่คิดไม่ถึง เธอได้ยินข่าวของเขา หยางฮุยกลายเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้นจึงได้เสียใจที่ลบช่อวงทางการติดต่อของเขาไป และคิดเสมอว่าจะไปหาทางติดต่อเขาได้จากไหน
สุดท้ายก็คิดไม่ถึงว่า ไม่รู้ว่าเป็นลิขิตจากฟากฟ้าหรือไม่ จู่ ๆ ก็ให้ตัวเองได้พบกับรูมเมทสมัยมหาวิทยาลัยของหยางฮุย นี่เรียกง่าย ๆ ว่าเหมือนมอบของขวัญให้ตัวเธอเลยนะ
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะหย่าแล้วหนึ่งครั้ง ตอนนี้กำลังมองหาเพื่อนชายคนใหม่ แต่ไม่แน่ว่าถ้าได้คุยกับหยางฮุยสักครั้ง อาจจะโชคดีได้จุดพลุก็ได้นะ! เหอ ๆ
ผู้หญิงน่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่หน้าตาสวยอย่างตนเองแบบนี้ ก็ต้องหาภูเขาใหญ่เอาไว้พักพิงไปตลอดไม่ใช่เหรอ!
หลี่เวยเวยคิด
“พวกเราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ผมมี WeChat ID ของเขาบนโทรศัพท์มือถือขอผม แต่ว่าผมไม่ได้ใช้มันมานานแล้วล่ะ!”
เฉินเกอก็ดูออกว่าหลี่เวยเวยต้องการจะทำอะไร จึงได้พูดขึ้น
“บ้าน่ะ นี่นายเพิ่งออกมาจากป่าเหรอ? นายไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือเหรอ? นี่โกหกรึไง?”
หลี่เวยเวย เบิกตาโพลง
“ผมไม่มีจริง ๆ แถมต่อให้ผมมี ผมว่าเขาคงจะเปลี่ยน WeChat ID ไปแล้วล่ะ?”
เฉินเกอจำได้ว่าในตอนที่ตนเองให้หลี่เจิ้นกั๋วจัดการบรรดาพี่น้องนั้น ดูเหมือนว่าจะให้บริษัทกับหยางฮุยไปหนึ่งบริษัท
มีมูลค่าตลาดหลายพันล้าน ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าอะไร
ของขวัญด้อยค่าแต่มิตรภาพยิ่งใหญ่แหละนะ!
แต่คำพูดนี้กลับทำให้สายตาของหลี่เวยเวย ที่มองเฉินเกอเปลี่ยนไป เพราะเฉินเกอไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“หึ ไอ้โง่ แกก็น่าจะดูออกนะ แกเป็นแบบนี้ อาฮุยจะยุ่งกับแกทำไม สวะ! เสียแรงเจ๊จริง ๆ!”
หลี่เวยเวยด่าขึ้นทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...