บทที่ 726 การร่ำลา(2)
ทั้งสองคนเห็นบุคลากรระดับสูงของมหาวิทยาลัยล้วนยืนเข้าแถวอยู่หน้าแท่นบรรยาย
เหมือนเด็กนักเรียนที่กำลังถูกสั่งสอนอย่างไรอย่างนั้น
และมีคนหัวล้านอายุไม่มากนักได้คุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังร้องไห้อย่างน้ำมูกน้ำตาไหลเลยทีเดียว
“พ่อบุญธรรม?”
สวีเหมยเหม่ยจ้องตาเขมือบอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ส่วนชายหนุ่มคนนั้นแต่งกายอย่างหรูหรา และเป็นไอ้คนยากไร้ที่จีบซูมู่หานเมื่อวาน?
ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
พูดถึงพ่อบุญธรรมของเธอก็ถือว่าโชคร้ายมากๆ ตอนที่เขาโทรศัพท์สั่งการเรื่องนี้อยู่นั้น บังเอิญให้เฉินเกอที่มีหูดีได้ยินเข้าให้
ดังนั้นจึงไม่มีดังนั้น เฉินเกอคิดจะจัดการพวกเขา แค่ใช้เวลาไม่กี่นาทีเอง
“นักศึกษามู่หาน พวกเราต้องขออภัยกับสิ่งที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ด้วยครับ คุณสามารถหาผู้นักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มาเป็นผู้สนับสนุนของมหาวิทยาลัยได้ มหาวิทยาลัยต้องขอขอบคุณจากใจจริง และอีกอย่าง นักศึกษามู่หาน คุณชายเฉินท่านนี้มีเรื่องจะคุยกับหนูด้วยครับ!”
ชายวัยกลางคนยืนออกมาพูด
“คุณชายเฉิน?”
ซูมู่หานมองไปยังเฉินเกอ เป็นผู้ชายที่แปลกพิลึกคนนี้อีกแล้ว ไม่เห็นแค่ไม่กี่วัน เขาถึงกลับเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ!
แต่ว่าเพราะกำลังสงสัยอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้อยู่ บวกกับมีความรู้สึกพิเศษกับผู้ชายคนนี้ ทำให้ซูมู่หานพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เดินตามเฉินเกอออกไป
“คุณหาฉันมีอะไรเหรอค่ะ?คุณเป็นคุณชายเฉินบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ป มีผู้หญิงชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ส่วนฉันไม่มีอะไรดีเลย ไม่คู่ควรที่จะให้คุณชายเฉินมาช่วยเหลือค่ะ?”
ซูมู่หานเริ่มพูดอย่างตรงไปตรงมา
“อันที่จริงผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้องคุณ!”
เฉินเกอมองเธอพลางเอ่ยขึ้นมา
“คุณชายเฉินคุณหมายถึงเรื่องอะไรคะ?”
ซูมู่หานถาม
“ผมอยากจะจูบหน้าผากคุณสักครั้งหนึ่ง!”
เฉินเกอกล่าว
เวลาเพียงเจ็ดวันช่างผ่านไปเร็วมาก เขาไม่มีเวลาทำอะไรเลย สิ่งที่เขาทำได้ก็คือให้ครอบครัวของซูมู่หานมีฐานะดีไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องข้าวยากหมากแพง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรที่ทำเพื่อเธอได้อีกแล้ว
แม้กระทั่งโอกาสตามจีบซูมู่หานใหม่ก็ไม่มี
ดังนั้นการจากไปครั้งนี้เฉินเกออยากจะจูบหน้าผากซูมู่หานหนึ่งครั้ง เพื่อเก็บเป็นความทรงจำและถือเป็นการร่ำลา
หลังจากที่ตนรื้อฟื้นวิถีแห่งฟ้าได้สำเร็จแล้วก็จะไม่มีทางกลับมาที่นี่ได้อีก ยิ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้เจอหน้าซูมู่หาน
เขาไม่อยากจะพลาดโอกาสเพียงช่วงเวลาสั้นๆนี้ไป
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
ส่วนซูมู่หานก็สะดุ้งตกใจกลัว และถอยหลังหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นเฉินเกอดีดนิ้ว ทันใดนั้นร่างกายของซูมู่หานก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
เธอมองเฉินเกออย่างหวาดกลัวเล็กน้อย
“มู่หานมีบางเรื่องคุณจะไม่เข้าใจ คุณในขณะนี้ไม่รู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน!ผมตามหาคุณมาตั้งนานแสนนาน แต่ว่าคุณก็เหมือนหายตัวไปอย่างลึกลับ ผมหายังไงก็หาไม่เจอ!”
เฉินเกอเดินมาที่ข้างกายซูมู่หานจากนั้นก็จูงมือเธอเบาๆพลางเอ่ยปากพูด
เมื่อมองดวงตาของเฉินเกอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ทันใดนั้นดวงตาที่ดิ้นรนของซูมู่หานก็ค่อยเจือจางออกไป
“ผมมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาร่ำลากับคุณอย่างเป็นทางการ ต่อจากนี้ไปผมจะต้องคอยสังเกตการณ์อยู่คฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทน……”
เฉินเกอพูดเบาๆ
ขณะนั้นเขาค่อยๆโอบกอดตัวซูมู่หาน จากนั้นก็จุมพิตไปยังหน้าผากของเธอหนึ่งครั้ง
ร่างกายของซูมู่หานสั่นเล็กน้อย ในดวงใจของเธอเหมือนได้ประสานร่วมกับบางสิ่งบางอย่างของเฉินเกอ
ทันใดนั้นจิตใจรู้สึกมีหลากหลายอารมณ์ขึ้นมา
เธอรู้สึกว่าตนเหมือนจะรู้จักผู้ชายคนนี้
ความรู้สึกนี้มันมีตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้ว
และที่สำคัญเหมือนตนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับผู้ชายคนนี้
เพราะเมื่อตนได้เจอเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
โดยเฉพาะที่เมื่อสักครู่นี้เขาได้จูบตนเบาๆ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่
เพราะว่าตนทั้งตื่นเต้นและรู้สึกเสียใจในเวลาเดียวกัน
ความเจ็บปวดในใจเช่นนี้ซูมู่หานไม่เคยมีมาก่อน และเพราะความรู้สึกเจ็บปวดนี้ทำให้ซูมู่หานน้ำตาไหลคลอเหมือนร่างกายได้แตกสลายไปแล้ว
เธอรู้สึกเหมือนจะคิดถึงคนนี้ตั้งนานแล้ว และทั้งสองก็ได้จากกันนานแล้วด้วย
เธอคิดถึงเขา คิดถึงทุกวี่ทุกวัน และทำให้ตนต้องทุกข์ใจทุกวัน
ทางที่ดีคุณอย่าเพิ่งไป อย่างน้อยๆก่อนผมจะจากไปแค่ให้ได้เห็นหน้าค่าตาว่าเป็นอย่างไรก็รู้สึกเพียงพอแล้ว!
เฉินเกอแอบพูดในใจ
บัดนี้ไม่ได้คิดอะไรต่อ บินลอยเข้าไปภายในภูเขาเพื่อไปปลุกการรับรู้วิถีแห่งฟ้า
และในหุบเขาที่ไม่ไกลนัก
มีคนชุดดำที่ปิดบังหน้าเอาไว้ ซึ่งดวงตาที่เปล่งประกายแสงสีม่วงอ่อนคู่นั้นได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?แค่ไม่กี่วันเขากลับเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
บัดนี้คนชุดดำพูดเองเอ่ยเองอยู่คนเดียว
น้ำเสียงของเขารู้สึกแหบแห้งเหมือนคนแก่เล็กน้อย แต่กลับดังอย่างมีพลัง
“ไม่สนใจแล้ว ไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
คนชุดดำจ้องเขมือบคิดจะพุ่งไปตรงหน้า
ปิ๊บ!
ทันใดนั้นมีเสียงปิ๊บดังลงมาจากบนท้องฟ้า เหมือนมีธนูดอกหนึ่งกำลังยิงมาทางตัวเอง
“หืม?”
ชายชราชุดดำเห็นว่าจะมีอันตรายเข้าหาตน
ไม่ดีแล้ว!
ตัวเขาหลบไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งสามารถรอดพ้นจากการยิงเข้าใส่อย่างหวุดหวิว
แต่จากนั้นก็มีเงาสีดำได้ลอยผ่านหน้าตนมา
ท่าทางของเขาคล่องแคล่วว่องไว เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ดึงผ้าสีดำที่คลุมหน้าตัวเองไว้ได้
ทั้งสองสบตากันในชั่วขณะนั้น
ชายชรารู้สึกหยุดชะงักชั่ววูบ จากนั้นก็รีบปกปิดใบหน้าแล้วบินหนีไป
ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นคนวัยกลางคน เพียงแต่บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ชายวัยกลางคนไม่ได้วิ่งไล่ตามไป เพียงแต่เมื่อเห็นหน้าตาของชายชราผู้นี้แล้ว ทำให้เขาต้องทื่ออยู่กับที่
ราวกับทั้งร่างกายถูกฟ้าผ่ายังไงอย่างนั้นเลย
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เขาตกใจกลัวและพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...