"น้องชาย ก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ตอนนี้ ตระกูลฟุตาบะของพวกเราจะสามารถกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งหรือไม่ อยู่ที่น้องชายแล้วล่ะ!"
"จริงด้วย นี่เป็นช่องทางการติดต่อของฉัน ต่อไปมีเรื่องอะไรโทรมาได้เลย ขอแค่ฉันสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยอย่างแน่นอน!"
"นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของฉัน!"
"นี่คือของฉัน!"
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ทุกคนต่างเมินทากูยะ ฟุตาบะที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธาน แล้วพากันไปรวมตัวตรงหน้าเฉินเกอ ทุกคนเข้าห้อมล้อมเขาไว้ แล้วแต่ละคนก็หยิบเอานามบัตรออกมาจากกระเป๋า ยัดใส่มือเฉินเกอกันอย่างต่อเนื่อง
"ผมเก็บไว้หมดแล้วครับ" เห็นท่าทางที่เป็นมิตรของพวกเขา เฉินเกอก็ยิ้มออกมาเรียบๆ แล้วเก็บนามบัตรที่พวกเขายื่นมาให้ไว้ทั้งหมด
พอดีเลย ตัวเองยังไม่รู้จักชื่อของคนพวกนี้ ตอนนี้เก็บนามบัตรไว้แล้ว วันหลังหากได้จัดการธุระแทนตระกูลฟุตาบะ ก็จะได้รู้ว่าควรไปหาใคร
"เจ้าบ้านครับ งั้นพวกเราไม่อยู่รบกวนพวกคุณแล้ว ต่อไปหากมีเรื่องอะไรบอกได้เลย พวกเราเป็นคนของตระกูลฟุตาบะเหมือนกัน ถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันถึงจะถูก" หลังจากที่เอานามบัตรของตัวเองยื่นให้เฉินเกอแล้ว คนเหล่านี้ก็รีบหันไปพูดกับทากูยะ ฟุตาบะ
"พวกนายกลับไปกันเถอะ!" เห็นคนในตระกูลพวกนี้กลายเป็นคนประจบสอพลอ ทากูยะ ฟุตาบะก็ปวดใจไม่น้อย ขณะเดียวกันเขาก็ได้รู้ถึงสิ่งที่คนในตระกูลต้องเผชิญ ทำให้เขาสามารถเห็นชัดเจนว่าใครทำเพื่อตระกูลด้วยใจจริง และใครคิดจะหลอกใช้ตระกูลเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
เวลาไม่ถึงสิบนาที นอกจากคนที่ปกติพักอาศัยอยู่ในบ้าน คนอื่นๆ ก็พากันกลับไปหมด
"เฮ้อ" ตอนที่คนสุดท้ายเดินออกไป ทากูยะก็ได้นั่งลงที่เก้าอี้ประธาน แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง
"เจ้าบ้านครับ เรื่องพวกนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวลไป มอบหมายให้ผมจัดการก็พอแล้วครับ" เห็นอาการจิตตกของทากูยะ เฉินเกอก็ยิ้มพลางเอ่ยพูด นามบัตรพวกนี้ถูกเขาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อหมดแล้ว ไว้รอจัดการปัญหายุ่งยากตรงหน้าได้แล้ว จะเตะพวกเขาทั้งหมดออกไปจากตระกูลนี้
เฉินเกอเชื่อว่า ทากูยะจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ตัวเองทำ
"วันนี้หากไม่ใช่เพราะนายเอาหลักฐานว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลยามาชิตะ เกรงว่าพวกเขาคงไม่รู้จักพอง่ายๆ อย่างนี้หรอก แต่ต่อไปนายต้องระมัดระวังตัวนะ คนกลุ่มนี้เป็นเหมือนผีดูดเลือด ต้องอยากได้ผลประโยชน์อะไรจากตัวนายแน่นอน"
ทากูยะเป็นห่วงขึ้นมา เขารู้ว่าคนในตระกูลกลุ่มนี้มีใบหน้าที่แท้จริงเป็นยังไง และรู้สึกว่าเฉินเกอไม่ได้รู้จักตระกูลตัวเองดีพอ ถ้าหากไม่เตือนล่ะก็ อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้
"ถ้าหากถูกพวกเขาเอาเปรียบได้ งั้นผมก็คงไม่ชื่อเฉินเกอแล้วล่ะ" เฉินเกอยิ้มอย่างเรียบๆ ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
"จะว่าไปแล้ว เรื่องของตระกูลโคชิ นายเตรียมแก้ปัญหายังไง?" ไม่รู้เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ทากูยะต้องขอความคิดเห็นจากเฉินเกอทุกเรื่อง ทั้งๆ ที่ทากูยะเป็นเจ้าบ้าน ราวกับว่าเฉินเกอในตอนนี้ เป็นเหมือนเสาหลักของทั้งตระกูลยังไงยังงั้น
"เจ้าบ้าน คุณคิดว่ายังไงครับ?" เฉินเกอมองไปทางเขา
"ฉันฟังนาย" ทากูยะยิ้มพลางโบกปัดมือ
"ในความคิดผม ผมเตรียมที่จะไปเจอกับคนของตระกูลพวกเขาสักหน่อย คำพูดบางคำพูดกันต่อหน้าให้ชัดเจนจะดีกว่าครับ" เฉินเกอครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูด
"แต่ตระกูลพวกเขา ส่งนักฆ่ามาลงมือติดต่อกันสามครั้งแล้วนะ" ทากูยะหุบยิ้ม แล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ยพูดเสียงต่ำ
"เพราะอย่างนี้แหละครับ ผมถึงอยากเจอคนของตระกูลนั้น" เฉินเกอพยักหน้า
"งั้นฉันแล้วแต่นายละกัน ถึงเวลานั้นฉันค่อยสั่งคนไปคอยอารักขานาย แล้วก็คนเหล่านั้นของตระกูลยามาชิตะ นายก็ต้องพาไปด้วยนะ ภายในคฤหาสน์ยังถือว่าค่อนข้างปลอดภัย" ทากูยะไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้ดีว่าเฉินเกอพูดอย่างนี้แล้ว แสดงว่าเตรียมการไว้ดีแล้วล่ะ
"ไม่ต้องหรอกครับ ผมพาคนไปสองคนก็พอแล้ว" เฉินเกอโบกปัดมือ
"ไม่เหมือนเหรอ?" เฉินเกอเคาะขี้เถ้าบุหรี่ทิ้ง
"ได้ งั้นนายรออยู่ที่นี่ ฉันจะเข้าไปแจ้งด้านใน" คนเฝ้าประตูไม่กล้ารีรอ รีบหันหน้าแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน
ในห้องรับแขก
คาวะ โคชิกำลังทานอาหารค่ำอยู่ ซุทานิ โคชิรวมถึงหัวหน้าทีมนักฆ่าคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหน้า กำลังรอให้คาวะทานอาหารเสร็จแล้วจะหารือว่าควรใช้วิธีไหน ถึงจะช่วยไฮทาซุมิกับเอนโดออกมาได้
"เจ้าบ้านครับ ด้านนอกมีคนมาครับ บอกว่าตัวเองคือเฉินเกอ!" คนเฝ้าประตูวิ่งเข้ามาด้านใน ตอนที่ผ่านประตูเข้ามาเกือบล้มลงไปกับพื้นด้วย
"นายพูดว่าอะไรนะ? !" คาวะลุกขึ้นยืนทันที ถ้วยข้าวที่ถืออยู่ในมือ ก็ทิ้งลงบนพื้นทันที
"ด้านนอกเป็นใครมาหาเรื่องหรือเปล่า เฉินเกอจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเองได้ยังไง หรือว่าเขาไม่กลัวตาย?" หัวหน้าทีมคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความดูถูก "รีบไปไล่มันออกไป อย่าให้เกะกะหน้าประตู!"
"ไม่ใช่สิ คนธรรมดาจะรู้ได้ยังไงว่าเฉินเกอมีความแค้นกับพวกเรา ถ้าหากรู้เรื่อง จะไม่ใช่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ?" ไม่รอให้คนเฝ้าหันหน้ากลับออกไป ซุทานิก็รีบดึงเขาเอาไว้ก่อน
"ให้เขาเข้ามา ไม่ต้องสนว่าเป็นเฉินเกอตัวจริงหรือตัวปลอม ต้องเจอหน้ากันก่อนค่อยว่ากัน" ซุทานินั่งลงอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยพูด
คนเฝ้าประตูพยักหน้า แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
"ซุทานิ นายไปเรียกคนของทีมที่สองมาให้หมด ถ้าหากเขาเป็นเฉินเกอจริงๆ กล้ามาถึงที่แสดงว่าเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว งั้นพวกเราจะนั่งเฉยๆ ไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด ต้องให้เขาเอาตัวไฮทาซุมิกับเอนโดคืนมาให้ได้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...