ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง นิยาย บท 31

จามาลมีท่าทางกระวนกระวายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีการติดต่อมาจากคนร้ายที่ลักพาตัวสองสาวไป ชายหนุ่มสั่งให้คนของเขาออกตามหาและสืบข่าวทุกวิถีทางใบหน้าหมองคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซาฮาและอูลดาเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม

“พักผ่อนบ้างก็ได้นะจามาล พ่อเชื่อว่าทั้งสองคนจะต้องปลอดภัย หนูอินเป็นคนฉลาดต้องหาทางเอาตัวรอดออกมาได้” อูลดานั่งลงข้างๆบุตรชาย

“ใช่ วิญญาณของบรรพบุรุษเราจะต้องช่วยปกป้องยามีนะกับมณีอินให้ปลอดภัยกลับมาได้” ซาฮาลูบผมหลานชายเบาๆ จามาลมองหน้าทั้งสองคนก่อนจะฝืนยิ้มให้

“ผมก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้นครับ”

“พี่อินเราจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้ยังไงกันคะ มีนะมองไปทางไหนก็เจอแต่กำแพงทั้งนั้นเลย” ยามีนะใช้มือตบผนังห้องอย่างขัดใจ

“ต้องมีซิจ้ะ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออกของมันเองเพียงแต่เราต้องรอและดูอย่างรอบคอบ” มณีอินมองหน้าสาวน้อยตรงหน้า วันนี้พวกมันไม่ได้มัดพวกเธอเหมือนเคยคงเพราะรู้ว่ายังไงเสียทั้งสองก็ไม่มีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้ เสียงชายหนุ่มทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ด้านนอกมณีอินและยามีนะจึงเดินเข้าไปเอาหูแนบกับบานประตูเพื่อจับใจความถึงเรื่องที่พวกมันคุยกัน

“นายบอกว่าอีกสองวันจะมีคนมารับตัวนังสองคนที่นี่ ให้ดูแลมันให้ดีๆ”

“ดี จะได้หมดหน้าที่ของพวกเราเสียที” เสียงคนด้านนอกเงียบไปแล้วทั้งสองมองหน้ากันอย่างใจหาย

“พี่อินมันจะขายพวกเราหรือคะ” ยามีนะถามเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองคิดไม่ผิด

“ใช่ แต่พี่ไม่ยอมแน่” มณีอินบอกและเดินไปมาอย่างครุ่นคิด

“แล้วพี่อินจะทำยังไง เมื่อไรพี่จามาลจะตามหาพวกเราเจอก็ไม่รู้” ยามีนะทำตาแดงๆ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆและใช้มือโอบไหล่เอาไว้อย่างปลอบประโลม

“เขาคงกำลังตามหาเราอยู่”

“แล้วมันจะทันหรือคะ ในเมื่ออีก 2 วันมันจะขายเราแล้วและขายให้ใครก็ไม่รู้”

“พี่เชื่อว่าพี่ชายของยามีนะต้องมาช่วยพวกเราทันแน่นอนจ้ะ” หญิงสาวยิ้ม

“ตอนนี้เราเก็บแรงเอาไว้ในยามฉุกเฉินดีกว่านะ”

“ค่ะ” เด็กสาวรับคำ

ฮาติมมาหาจามาลที่บ้านเพื่อมาสังเกตความเป็นในบ้านหลังนี้ เขาไม่ต้องการที่จะพลาดและเขารู้ดีว่าจามาลมีอิทธิพลมากแค่ไหน หูตาของชายหนุ่มมีอยู่รอบบ้านรอบเมืองเขาต้องระวังเป็นพิเศษ

“หน้าบึ้งแต่เช้าเลยนะพี่ชาย” ชายหนุ่มร้องทักขึ้นเมื่อเห็นจามาลเดินลงมาจากชั้นบน

“นายมีอะไรถึงมาหาฉันแต่เช้า” จามาลถามขึ้นเมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

“เปล่าหรอกเพียงแต่แม่ให้มาหาพ่อนะ อยู่หรือเปล่า”

“อยู่..เดี๋ยวก็คงจะลงมา” ชายหนุ่มตอบและลุกขึ้น

“แล้วนั่นพี่จะไปไหน ไม่ไปทำงานหรือไงวันนี้” ฮาติมถามขึ้น

“ไม่...ฉันมีธุระจะต้องทำ” ฮาติมมองตามหลังพี่ชายอย่างไม่พอใจ แต่มันก็น่าอยู่หรอกน้องสาวหายไปทั้งคนรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก พอดีกับที่อูลดาเดินลงมาจากห้อง

“ฮาติมสบายดีหรือเปล่าลูก”

“พ่อคิดว่าไงครับ ลูกที่ถูกทิ้งเอาไว้กับแม่ที่บ้านหลังเก่าๆนานๆครั้งถึงจะไปหาพ่อคิดว่ามีความสุขมากนักหรือครับ” ชายหนุ่มตอบและหัวเราะในลำคออย่างน้อยใจ เขาและมารดาถูกย้ายให้ไปอยู่บ้านอีกครั้งหนึ่งถึงจะกว้างใหญ่และมีคนรับใช้มากมายแต่สิ่งที่เขาต้องการคือความอบอุ่นในครอบครัวซึ่งจามาลและยามีนะแย่งมันไปจากเขา...ความเจ็บช้ำในวัยเด็กถูกกักเอาไว้ภายในจนเติบโต เขาทะทุกอย่างเพื่อให้จามาลเจ็บปวดรวมทั้งเรื่องนี้ด้วย

“พ่อขอโทษ แล้วตอนเย็นพ่อจะไปหาฝากบอกแม่ด้วย เรื่องงานเป็นยังไงบ้างเหนื่อยหรือเปล่า” อูลดาเดินเข้ามาโอบไหล่บุตรชายออกมาที่สวนหน้าบ้าน

“ไม่ครับ” ชายหนุ่มตอบและรู้สึกที่อบอุ่นที่อีกฝ่ายยังเป็นห่วงเขาอยู่

“จามาลบอกหรือยังว่ายามีนะและมณีอินถูกลักพาตัวไป” ฮาติมแสร้งทำสีหน้าตกใจ

“ถ้ายัยอินอยู่คงสนุกกว่านี้นะคะ แล้วนี่เขาโทรมาอวยพรแม่หรือยังคะ” กานต์ธีราเอ่ยขึ้นและมองหน้ามารดา

“ยังเลยสงสัยเขากำลังยุ่งนะลูก โทรมาครั้งล่าสุดเห็นบอกว่าจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วจะรีบกลับมา” ประภาวดีแก้ตัวแทนบุตรสาวคนเล็กเมื่อเห็นสีหน้าของพวกพี่สาวไม่พอใจ

“แต่วันนี้เป็นวันเกิดแม่นะคะยุ่งแค่ไหนก็ต้องโทรมาซิคะ” กานต์ธีราตำหนิน้องสาว

“ไม่เอาน่ายัยกานต์ น้องมันคงยุ่งจริงๆ” เสาวลักษณ์หันมาทำตาดุใส่น้องสาว

“ใช่แล้วค่ะ” นิตยาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องกระดาษในมือ

“ยัยอินไม่ลืมหรอกค่ะคุณป้า เขาโทรมาย้ำกับหนูว่าให้เอาของขวัญวันเกิดชิ้นนี้มามอบให้กลับคนแม่นะคะเขาทำเอาไว้ก่อนจะไปเมืองนอก” นิตยายืนกล่องให้มารดาของเพื่อนสาวเพราะเมื่อคืนก่อนหญิงสาวได้โทรมาสั่งกับเธออีกครั้ง เมื่อประภาวดีเปิดกล่องออกดูก็พบว่าเป็นต้นกล้วยไม้คริสตัสมีทั้งหมด 5 ดอกในแต่ละดอกจะมีรูปของแต่ละคนใส่เอาไว้ ประภาวดีตื้นตันจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้

“อย่าร้องไห้ซิคะคุณป้า ไม่ชอบหรือคะ” นิตยาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้

“ชอบจ้ะ...ชอบมากเลย ยัยอินลูกแม่”

“วันนี้วันมงคลนะคะแม่อย่าร้องไห้ซิคะ” เสาวลักษณ์นั่งลงข้างมารดาและกุมมือเอาไว้อย่างปลอบโยน

“พี่ก็นึกว่ายัยอินจะลืมวันเกิดแม่ซะแล้ว”

“ไม่ลืมหรอกค่ะพี่กานต์ยัยคนนั้นนะจำแม่นจะตายป่านนี้คงกำลังปั่นงานจนไม่ได้หลับได้นอนไปแล้วมั่งค่ะ ว่าแต่มีอะไรทานบ้างคะนิดหิวมากเลย” หญิงสาวมองซ้ายมองขวาและเอามือลูบที่ท้องน้อยเป็นสัญญาณ

“มีซิจ้ะตามพี่มาทางนี้ดีกว่า” กานต์ธีราเดินนำหน้าไปและตามด้วย นิตยา ผู้กกองคฑาวุธ เสาวลักษณ์ประคองมารดาเดินตามหลังมาอีกคน สนามหญ้าหน้าบ้านใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงชั่วคราวทุกคนต่างมีความสุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นแต่เพียงมณีอินเท่านั้น

“กลับมาหาแม่เร็วๆนะลูก” ประภาวดีพึมพำเบาๆและมองขึ้นไปบนฟ้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง