จามาลให้นาธาลพามณีอินมาส่งที่บ้าน ส่วนตัวเขายังอยู่กับน้องสาวที่โรงพยาบาล สิ่งที่เขาทำยิ่งเป็นการตอกย้ำให้หญิงสาวคิดว่าชายหนุ่มเกลียดเธอ เมื่อกลับมาถึงบ้านหญิงสาวจึงโทรหา บก.ของเธอทันที
“บก.คะให้นพมาศมาทำงานแทนอินทีนะคะ อินขอร้อง” หญิงสาวไม่สามารถที่จะกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ได้ อมรเดชตกใจมากเมื่อรู้ว่ามณีอินร้องไห้
“อินเป็นอะไรใครทำอะไรเธอหรือเปล่าบอกฉันมาซิ”
“เปล่าค่ะ บก. เพียงแต่ว่าอินอยากกลับบ้านนะคะ บก. อินคิดถึงแม่อินอยากกลับบ้านให้อินกลับนะคะ อินไม่คิดค่าแรงเดือนนี้ก็ได้แต่ขอร้องนะคะ” อมรเดชได้ฟังแล้วก็ยิ่งแปลกใจคนอย่างมณีอินถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆครั้งนี้คงหนักหนามาก เขาคงต้องเปลี่ยนตัวจริงถ้าทางโน่นจะว่าอะไรก็ช่างเขาต้องแคร์ลูกน้องมากกว่าอยู่แล้ว “ได้แล้วผมจะให้นพมาศเดินทางไปในวันมะรืนนะคุณรอได้ไหม” ชายหนุ่มถาม
“ได้ค่ะ อินจะรอนะคะขอบคุณมากนะคะ บก.” หญิงสาววางโทรศัพท์ลงและอดที่จะใจหายไม่ได้ ห้องนี้ทุกคนที่นี่เธอรู้สึกผูกพันกับที่นี่อย่างไม่รู้ตัว และเมื่อนึกไปถึงใบหน้าคมเข้มของผู้ชายอีกคนก็ทำให้หญิงสาวต้องโถมตัวลงนอนร้องไห้กับที่นอน
ยามีนะเดินเข้ามานั่งลงข้างๆกับพี่ชายของตนเอง จามาลนั่งทอดสายตามองออกไปนอกระเบียงห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาล
“ว่าไงคะพี่ชายคิดได้หรือยัง”
“คิดอะไร” ชายหนุ่มถามกลับแต่สายตายังคงมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย
“ก็เรื่องพี่อิน พี่ชายจะเลือกใคร”
“พี่ก็ต้องเลือกผู้หญิงที่พี่คบมานานแล้วนะซิ”ชายหนุ่มบอก ยามีนะหันไปมองพี่ชายอย่างแทบไม่เชื่อหูตนเอง
“พี่ไม่ได้รักพี่อินเขาหรือคะ”
“เขาต่างหากที่ไม่ได้สนใจพี่เลยแถมยังรังเกียจพี่ด้วยซ้ำไป แค่พี่เข้าไปใกล้เจ้าหล่อนก็แทบจะลุกวิ่งหนีพี่ด้วยซ้ำไป” ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาว
“แล้วพี่คิดว่าผู้หญิงอย่างฟีน่าดีพอสำหรับพี่แล้วหรือคะ”
“เธอหมายความว่าไง” ชายหนุ่มถามน้องสาวอย่างสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย
“มีนะจะบอกความจริงให้ก็ได้ว่า พี่อินแอบถ่ายรูปของพี่ฮาติมกับพี่ฟีน่าได้ที่โรงแรมนอกเมืองแล้วแบบนี้ใครกันที่คู่ควรกับพี่”
ชายหนุ่มเบิกตากว้างทั้งตกใจและโกรธปนกัน แต่เขาก็ต้องมีหลักฐานและต้องเห็นมันเสียก่อน
“แล้วตอนนี้รูปนั้นอยู่ที่ใคร” ชายหนุ่มถามความรู้สึกโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ
“ใจเย็นๆก่อนพี่ชายตอนนี้รูปอยู่ที่พี่อินค่ะ”
“แล้วทำไมเขาไม่ยอมบอกพี่หรือว่าต้องการแก้แค้นพี่ ร้ายมากนะมณีอิน”ชายหนุ่มใบหน้าแดงด้วยความโกรธขบกรามเข้าหากันแน่น ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไร
จามาลขับรถออกมาจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่ได้บอกกับนาธาล เขารู้สึกเสียหน้าที่ทั้งน้องชายและคู่รักของเขาเล่นมาหักหลังเขาแบบนี้และยิ่งแค้นไปถึงหญิงสาวอีกคนที่รู้เรื่องทั้งหมดดีแต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“คุณคิดว่าตำรวจเขาจะเชื่อหรือว่าคุณถูกข่มขืนในเมื่อสภาพของคุณไม่มีอะไรขาดวิ่นแม้แต่ชิ้นเดียว”
“คนบ้า ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวดันอกเขาแต่ก็เหมือนไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ชายหนุ่มไม่สนใจกับคำพูดของหญิงสาวแม้แต่น้อยเขาจ้องมองใบหน้าเนียนอย่างหลงใหล
“คุณทำให้ผมโมโหนะอิน” หญิงสาวชะงักเมื่อเขาเรียกชื่อเธออย่างคนสนิท
“ใช่ไปยั่วโมโหคุณตั้งแต่เมื่อไร ฉันอยู่ของฉันดีๆคุณต่างหากที่เขามาวุ่นวายกับฉันเอง”
“อย่ามาเถียงนะ” เขาตวาด
“ฉันไม่สำคัญสำหรับคุณไม่ใช่หรือปล่อยฉันซิแล้วก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก” หญิงสาวมองจ้องตาเขาเขม็ง ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวจ้องลึกลงไปในแววตา มณีอินจึงเป็นฝ่ายหลบสายตาคมของเขา
“ทำไมไม่อยากเห็นหน้าผมมากขนาดนี้เลยหรือไง” ชายหนุ่มเสียงแข็งขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่ ทั้งรังเกียจทั้งขยะแขยงด้วยซ้ำ ปล่อย” หญิงสาวสั่ง
“ได้ ผมจะดูซิว่าปากกับใจของคุณมันตรงกันหรือเปล่า”
“คุณจะทำอะไร อย่านะจามาล...” เสียงของหญิงสาวกลืนหายเข้าไปในลำคอเพราะถูกปิดด้วยปากของชายหนุ่ม ผ้าคลุมเตียงถูกดึงออกจากตัวของหญิงสาวด้วยความชำนาญของอีกฝ่ายและตามด้วยเสื้อผ้าของเขาเอง ในเวลาไม่ถึง 2 นาทีร่างทั้งสองก็เปล่าเปลือย ชายหนุ่มจูบอย่าเรียกร้องและโหยหามีหรือที่หญิงสาวที่ไม่เคยผ่านผู้ชายมาอย่างมณีอินจะไม่รู้สึกสั่นสะท้านการดิ้นรนขัดขืนในตอนแรกแปลเปลี่ยนมาเป็นตอบสนองเขาอย่างอัตโนมัติในเมื่อใจของทั้งสองผูกพันกันมีหรือที่จะต้านความต้องการของตนเองบทเพลงแห่งรักจึงถูกบรรเลงขึ้นท่ามกลางแสงดาวที่ส่องระยิบระยับอยู่บนฝากฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง