ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง นิยาย บท 4

คุณประภาวดีหน้าซีดมองหน้ามณีอินแล้วหันมามองทางด้านอูลดาบิดาของจามาล มณีอินจึงเดินไปนั่งคุกเข่าด้านหน้าแล้วก้มลงกราบที่เท้า แล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มให้

“อย่าโกรธแม่เลยค่ะเรื่องนี้อินเป็นคนผิดเองที่บอกให้พี่กานต์ทำตามใจตนเอง ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้วท่านคงจะเข้าใจนะคะว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้และบังคับไม่ได้ด้วย” มณีอินพูดเสียงเรียบและหยุดรอฟังอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรลุงเข้าใจดีเพราะลุงก็เคยมีความรักมาก่อน ลุงบอกตรงๆนะว่าลุงชอบหนูมากไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับจามาลเลยเพิ่งมีหนูนี่แหล่ะเป็นคนแรก”อูลดาเอามือลูบศีรษะมณีอินอย่างเอ็นดู

“คุณประภาวดีไม่ต้องเป็นห่วงนะครับเรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เรื่องของเด็กๆเราปล่อยไปตามใจของพวกเขาดีกว่า” อูลดาพูดให้คุณประภาวดีเข้าใจ

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ไม่เอาเรื่องครอบครัวของเรา” คุณประภาวดียกมือไหว้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ

“เอาเรื่องอะไรกันคุณประภาวดี เรื่องแค่นี้เอง ทางคุณซิจะทำอย่างไรกับแขกที่มาในวันนี้” เขาถามออกไปด้วยความห่วงใย

“เรื่องนี้อินจัดการเองค่ะ”มณีอินส่งยิ้มให้แล้วลุกขึ้นประกาศกับแขกที่มาในงาน

“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านคะเนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางประการแต่ตอนนี้ทางเราได้เคลียร์ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และคู่หมั้นหมายทั้งสองฝ่ายก็พร้อมแล้วเราจึงจะทำพิธีหมั้นต่อค่ะ “ มณีอินส่งยิ้มให้กลุ่มคนที่เดินผ่านประตูรั้วบ้านมา เธอแอบไปโทรหาคฑาวุธตอนที่มารดาของเธอกำลังวุ่นอยู่กับการเอาตัวพี่สาวของเธอลงมาจากห้อง เธอบอกให้เขาเตรียมแหวนหมั้นและพาบิดา-มารดาของเขามา

“คุณลุงคะอยู่เป็นสักขีพยานให้เราก่อนนะคะ”มณีอินหันไปพูดเชิญผู้ที่อาวุโสกว่า

“ได้ซิ”อูลดารับคำมณีอินแล้วนั่งลงอีกครั้งหลังจากที่ลุกขึ้นมองผู้ที่มาใหม่

คฑาวุธยกมือไหว้คุณประภาวดี อูลดา และท่านผู้ว่าราชการจังหวัด คุณประภาวดีลุกขึ้นเชิญ บิดาและมารดาของคฑาวุธนั่งข้างๆตนเอง กานต์ธีราร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนผู้เป็นแม่ต้องร้องถามอย่างสงสัย

“ร้องไห้ทำไมอีกลูก”

“กานต์ดีใจค่ะแม่ ที่แม่เข้าใจกานต์” กานต์ธีราซับน้ำตาแล้วยิ้มให้มารดา

คุณประภาวดีลูบผมลูกสาวแล้วก็ยิ้มตอบ “ความสุขของลูกคือสิ่งที่แม่ทุกคนปรารถนาจ้ะ”

“เอาละได้เลิกแล้วสวมแหวนเลยครับคุณวุธ” ท่านผู้ว่ามองดูนาฬิกาแล้วหันมาบอกกับชายหนุ่ม

คฑาวุธบรรจงสวมแหวนให้หญิงสาว กานต์ธีรายกมือไหว้ แล้วต่อจากนั้นก็เป็นการถ่ายภาพร่วมกันของแขกที่มาร่วมงาน มณีอินเดินมาส่งอูลดาที่รถ

“คุณลุงจะเดินทางกลับประเทศของคุณลุงเลยหรือเปล่าคะ”มณีอินเอ่ยถามออกมา

“ยังจ้ะลุงว่าจะลงไปเที่ยวภูเก็ต เห็นเขาบอกกันว่าที่นั้นสวยมาก”

“ค่ะ ทะเลที่นั้นสวยมากค่ะ อินขอให้คุณลุงสนุกกับทิวทัศน์ที่นั้นนะคะ “มณีอินยกมือไหว้

“ลุงไปก่อนนะหนูอิน แล้วถ้ามาเมืองไทยอีกลุงจะแวะมาเยี่ยม”

“ค่ะ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ”มณีอินส่งยิ้มให้และยกมือไหว้เขาอีกครั้ง แล้วเดินหันหลังกลับเข้าบ้าน

ภายในรถเบนซ์คันหรูจามาลนั่งหน้าบึ่งมาตลอดทางจนคนที่นั่งมาด้วยหันมาถาม

“เป็นอะไรไปครับนายนั่งไม่พูดไม่จา หน้าคว่ำเป็นม้าหมากลุกเชียวครับ” คนสนิทของเขาถามขึ้น

“แกอยากจะนั่งรถไปดีๆหรือว่าจะลงไปเดินกลับโรงแรมเอง”จามาลหันมามองหน้าอีกฝ่าย

“ครับไม่พูดแล้วครับ” รถทั้งคันจึงเงียบจนมาถึงโรงแรมที่พัก ชายหนุ่มนั่งรอบิดาอยู่ที่ห้องของบิดา

เมื่อเขาเจอหน้าก็รีบถามบิดาขึ้นทันที

“ท่านพ่อมัวทำอะไรอยู่เป็นนาน ไม่อายบ้างหรือครับ” ชายหนุ่มถามผู้เป็นบิดา

“อายเรื่องอะไร มีอะไรหน้าอาย” เขาย้อนถามลูกชายแบบกวนๆ

จามาลกลับเข้ามาในห้องอย่างหัวเสียเขาไม่เคยเสียหน้าแบบนี้มาก่อนเลย รับรองเขาต้องเอาคืนครอบครัวนี้อย่างสาสมทีเดียว

“กาซิม เจ้าไปสืบเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อมณีอิน ตันพิสุทธิ์ มาให้ข้าที เอาแบบละเอียดเลยนะ”

จามาลเรียกคนสนิทเข้ามาแล้วสั่งงาน

“ครับนาย”กาซิมรับคำแล้วเดินออกไปจากห้องสูทชั้นดี ทันที

เขาจะต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนั้นให้รู้จักเขาให้มากกว่านี้เสียแล้ว จามาลนึกกระหยิ่มในใจ

“เราต้องได้เจอกันอีกแน่แม่สาวน้อย” เขารำพันกับตัวเอง

มณีอินมาถึงกองบรรณาธิการเกือบๆ บ่าย 3 โมง วันนี้มีประชุมตอน บ่าย 3 โมง เธอหันไปมองนาฬิกาแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ

“มาทันเหมือนกันนะอิน” นิตยา เพื่อนสาวของเธอร้องทักขึ้น

“ก็เกือบไม่ทันเหมือนกันน่ะรีบจะแย่”มณีอินตอบเพื่อนสาว

“เห็นเขาพูดกันว่าวันนี้มีน้องใหม่มาด้วยเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่เพื่อนของ บก. ฝากมาก็แบบว่ามีเส้นนะ” นิตยาเดินเล่าให้เพื่อนฟัง มณีอินไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะเธอไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่แล้วถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวของเธอ

“แล้วคนอื่นเขามากันหมดแล้วหรือยังจ้ะยัยนิต” มณีอินถามเพื่อนสาว

“คงจะมากันพร้อมแล้ว เรารีบเข้าไปกันดีกว่า ฉันก็อยากเห็นหน้าเด็กใหม่เหมือนกันว่าจะสวยสู้เธอได้หรือเปล่า” นิตยาหัวเราะ หญิงสาวยอมรับว่าเพื่อนสาวของเธอสวยที่สุดในกองบรรณาการแห่งนี้ ใครๆก็จ้องจะเข้ามาจีบแต่เจ้าหล่อนก็บอกปฏิเสธไปทุกรายเช่นกัน

“ไม่ต้องมาปากหวานเลย เดี๋ยวประชุมเสร็จเราไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่า”

“ดีซิแต่แกเลี้ยงนะเพราะแกชวนฉันเอง” หญิงสาวยิ้มและเดินกอดคอกันเข้าไปที่ห้องประชุม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง