ระหว่างทางกลับบ้าน ตาเฒ่าอู๋ได้ทดสอบบทเรียนของซูเสี่ยวลู่
ไม่ว่าจะเป็นคำตอบหรือสิ่งใด ๆ ซูเสี่ยวลู่ล้วนทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ตาเฒ่าอู๋ยิ้มพึงพอใจพร้อมลูบหนวดพลางเอ่ยว่า “ดีมาก”
บัดนี้ ตาเฒ่าอู๋สามารถยืนยันได้ว่า นอกจากความสามารถในด้านการปรุงยาสมุนไพรที่ซูเสี่ยวลู่ยังขาดพรสวรรค์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้มีด การฝังเข็ม หรือการจดจำสมุนไพร ซูเสี่ยวลู่กลับสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมักมีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่อยู่เสมอ
“แม่หนู เรียกโจวเหิงเจ้าหนุ่มนั่นมาพบข้าสักครู่หนึ่งเถิด”
ครั้นถึงเรือนแล้ว ตาเฒ่าอู๋ก็กล่าวกับซูเสี่ยวลู่ว่า
ตาเฒ่าอู๋กลับไปยังเรือนข้าง ๆ ส่วนซูเสี่ยวลู่ก็กลับเรือนของตน
บัดนี้ ในเรือนมีเฉินหู่และเฉียนซื่อกำลังวุ่นวายอยู่
เฉียนซื่อได้ถ่ายทอดวิชาให้กับพ่อครัวโรงเตี๊ยมฝูหมั่นไหลลจนสำเร็จแล้ว จึงมิได้ไปที่นั่นชั่วคราว
เมื่อเห็นซูเสี่ยวลู่ เฉียนซื่อก็ยิ้มพลางเดินเข้ามากล่าวว่า “เสี่ยวลู่ เจ้าดูข้าสิ รอยแผลเป็นของข้าดูจางลงไปอีกหรือไม่?’”
ยาขี้ผึ้งที่ซูเสี่ยวลู่ให้ไว้นั้นมีสรรพคุณยอดเยี่ยม หลังใช้มานานกว่าหนึ่งเดือน รอยแผลเป็นนูนอันน่าสะพรึงบนใบหน้าของนางก็ลดลงไปมาก ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนที่พบว่ามีอาการดีขึ้น ทุกครั้งที่ซูเสี่ยวลู่กลับมา เฉียนซื่อก็จะเข้ามาให้ซูเสี่ยวลู่ช่วยดูให้อีกครั้งเสมอ
ซูเสี่ยวลู่ตรวจดูใบหน้าของเฉียนซื่ออย่างจริงจัง แล้วจึงยิ้มหวานพร้อมพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ดีขึ้นกว่าสองสามวันก่อนมากเลย ท่านอาสะใภ้เล็กเพียงทายาต่อไปก็พอเจ้าค่ะ”
“ดี ขอบใจมากนะเสี่ยวลู่ เจ้าไปพักผ่อนเถิด เดินทางไกลมาเพียงนี้ คงเหนื่อยมากแล้ว”
เฉียนซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จากนั้นนางก็ยินดีหวนกลับไปหาซบเฉินหู่เพื่อทำผักดองเผ็ดต่อ
“ซูเสี่ยวลู่ยิ้มพลางเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ โจวเหิงกำลังเล่นกับเฉินสืออยู่ เมื่อเห็นซูเสี่ยวลู่ เขาก็ยิ้มบางเบาและกล่าวว่า “กลับมาแล้วหรือ”
ซูเสี่ยวลู่เดินไปหยิกแก้มกลมอิ่มของเฉินสือเบา ๆ พลางยิ้มเอ่ยกับโจวเหิงว่า “พี่โจวเหิง ท่านอาจารย์เรียกให้เจ้าไปพบ มีเรื่องจะคุยกับเจ้า รีบไปเถิด ส่วนเจ้าสือข้าจะดูแลเอง”
ซูเสี่ยวลู่คาดว่าคงเป็นเรื่องของคนในครอบครัวของโจวเหิง
โจวเหิงเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที เขากล่าวคำขอบคุณแก่ซูเสี่ยวลู่หนึ่งประโยค แล้วจึงออกไป
โจวเหิงเดินไปยังเรือนข้างเคียง พบว่าตาเฒ่าอู๋กำลังรอเขาอยู่ในเรือน
โจวเหิงมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้าง เขาจึงก้าวเข้าไปด้านใน
ตาเฒ่าอู๋หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ พร้อมกล่าวว่า “นี่คือจดหมายที่ส่งกลับมา”
เมื่อจดหมายส่งมาถึง ตาเฒ่าอู๋ก็หาได้สนใจว่าโจวเหิงจะมีความรู้สึกเช่นใด เขาลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินเข้าไปห้องในพร้อมมือไขว้หลัง
โจวเหิงถอนหายใจยาวหนึ่งครา กลืนน้ำลายลงคอเพื่อระงับความไม่สบายใจในจิตใจ จากนั้นจึงค่อยแกะซองจดหมายออกอ่าน
เขาเคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าเมืองหลวงยังคงไม่สงบ และเขาคงยังกลับไปไม่ได้ แต่เมื่อความจริงปรากฏเช่นนี้ หัวใจของเขาก็ยังคงปวดร้าวนัก เขาจากบ้านมานานถึงสองปีแล้ว
หยาดน้ำตาคลออยู่ในดวงตา ก่อนหยดลงบนกระดาษจดหมาย เขายกมือขึ้นเช็ดออก แล้วอ่านเนื้อความจดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดจึงพับเก็บไว้ดังเดิม
เขารู้ดีว่าตนยังมิอาจกลับไปได้ในเร็ววันนี้ ส่วนเมื่อใดจึงจะกลับได้ ก็ต้องรอคอยข่าวสารส่งมาบอกอีกครา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา