ซูเสี่ยวลู่พยักหน้า นางรู้สึกง่วงเล็กน้อย อีกทั้งโจวเหิงเองก็ต้องการเวลาสงบจิตใจ
เมื่อซูเสี่ยวลู่จากไป โจวเหิงจึงพาเฉินสือไปเล่น เขามองเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและน่ารักอย่างเฉินสือ พลางพึมพำเบาๆ “ไม่รู้ว่านี่จะดีหรือร้าย ข้าจะได้กลับไปเมื่อใดกันแน่”
เมื่อยามเซินมาถึง ครอบครัวของซูซานหลางก็กลับมาถึงบ้าน
ในมื้อค่ำคืนนั้น ตาเฒ่าอู๋เอ่ยขึ้นว่า “ซูฉง ซูหวา พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรกับอาจารย์ในตอนนี้?”
คำถามที่จู่ๆ ก็ถูกถามขึ้น ทำให้ซูฉงและซูหวารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ยังตอบตามความจริง
ซูฉงกล่าวว่า “แม้อาจารย์จะเคร่งครัด แต่ท่านก็เปี่ยมไปด้วยความรู้ นับเป็นอาจารย์ที่น่าเคารพอย่างแท้จริงขอรับ”
ซูหวาเองก็กล่าวเสริมว่า “ใช่แล้ว อาจารย์ของพวกเรานั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้ ข้ากับพี่ใหญ่ต่างนับถือท่านอย่างยิ่ง เรามุ่งมั่นที่จะติดตามท่านเพื่อศึกษาวิชาความรู้ต่อไป”
หลินผิงเซิงเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดมาก อีกทั้งยังมีการสอบทุกปี หากศิษย์คนใดสอบไม่ผ่าน ท่านก็จะไม่สอนวิชาให้ต่อ
ซูฉงและซูหวายังไม่เคยผ่านการสอบ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าการสอบในปีนี้จะเป็นเช่นไร แต่ทุกครั้งที่ไปเรียน พวกเขาก็ทุ่มเทตั้งใจฟังคำสอน หวังเพียงจะได้เรียนรู้ให้มากที่สุด
ในขณะที่สองพี่น้องยังคงสงสัยว่าทำไมตาเฒ่าอู๋จึงถามคำถามนี้ เขาก็หันไปมองโจวเหิงแล้วเอ่ยว่า “เจ้าสนใจจะไปเรียนในสำนักนั้นด้วยหรือไม่?”
โจวเหิงพยักหน้า “ได้ขอรับ ขอบคุณท่านหมอ”
ตาเฒ่าอู๋รับคำด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “อืม” แล้วไม่พูดอะไรอีก มุ่งมั่นกับการกินอาหารของตนต่อ
แต่ซูฉงและซูหวากลับตื่นเต้นยินดียิ่งนัก
“น้องเหิง เจ้าจะไม่กลับบ้านแล้วหรือ เจ้าจะอยู่ที่นี่และไปเรียนพร้อมกับพวกเรางั้นหรือ?”
ซูฉงแสดงความดีใจอย่างล้นหลาม จนลืมไปว่าการที่โจวเหิงไม่สามารถกลับบ้านได้ เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเขา
ซูหวาเองก็ดีใจ แต่เขาก็คิดถึงเหตุผลเบื้องหลังได้อย่างรวดเร็ว เขามองโจวเหิงพลางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “น้องเหิง แม้อาจารย์หลินจะเข้มงวด แต่ความรู้ของท่านลึกซึ้งมาก หากเจ้าได้เรียนกับท่าน เจ้าก็จะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย”
การที่โจวเหิงต้องอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ซูหวาจึงไม่ได้ซักถามถึงเหตุผล เมื่อโจวเหิงไม่อยากพูด เขาก็เคารพ
โจวเหิงยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “อืม ขอบคุณอาฉง อาหวา ข้าจะตั้งใจเรียนเช่นกัน”
ซูฉงเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรผิดออกไป เขาลูบหัวตัวเอง พลางกล่าวด้วยความละอายใจว่า “น้องเหิง ข้าขอโทษ ข้าไม่น่าดีใจจนเกินไปเลย”
โจวเหิงยิ้มอ่อนโยนตอบ “อาฉงไม่ต้องโทษตัวเอง ความดีใจของเจ้า แสดงว่าเจ้าใส่ใจข้า ข้าย่อมไม่โกรธ”
ซูฉงยิ้มเขินๆ “ไม่โกรธก็ดีแล้ว”
ซูซานหลางและจ้าวซื่อต่างมองหน้ากัน ก่อนที่ซูซานหลางจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเหิง อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถิด เรียนไปพร้อมกับเจ้าฉงและเจ้าหวา ถือเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้าอีกหลังหนึ่ง”
จ้าวซื่อเองก็ยิ้มให้โจวเหิง พลางพยักหน้าอย่างอ่อนโยนเพื่อยืนยันคำพูดของซูซานหลาง
ในใจของโจวเหิงอบอุ่นนัก เขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ คู่สามีภรรยาที่เรียบง่ายและจิตใจงดงามอย่างซูซานหลางและจ้าวซื่อนั้นหาได้ยากยิ่ง และที่สำคัญ พวกเขากลับปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา