เฉียนซื่อหน้าแดงเล็กน้อย นางเอ่ยอย่างเขินอายว่า “พี่สะใภ้ยกย่องข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
เส้นผมของเฉียนซื่อถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย ใบหน้าของนางดูเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เพียงเวลาไม่กี่เดือน รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางจางลงจนแทบมองไม่เห็น ไม่มีรอยนูนที่น่ากลัวอีกต่อไป ส่วนจ้าวซื่อเองก็ยืดหลังตรงมากขึ้น ใบหน้าที่อ่อนโยนของนางดูมีชีวิตชีวา
จ้าวซื่อมีดวงตาที่ไม่ใหญ่ แต่องค์ประกอบบนใบหน้าเรียบง่ายและดูอ่อนหวาน นางเคยชินกับการก้มหน้าอยู่เสมอ แต่เมื่อยกศีรษะขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา ใครที่มองนางนานสักหน่อยก็จะรู้สึกได้ถึงความงามซ่อนเร้น
สำหรับรอยแผลเป็นบนใบหน้าของจ้าวซื่อนั้น แม้จะไม่อาจลบออกได้จนหมดสิ้น แต่กลับกลายเป็นเหมือนรอยน้ำที่ดูคล้ายปาน ไม่สะดุดตามากนัก หากไม่สังเกตให้ดี ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าคือรอยแผล
ครีมลบรอยแผลเป็นที่ซูเสี่ยวลู่ทำขึ้นนับว่าประสบความสำเร็จ นางจึงตัดสินใจที่จะใช้สิ่งนี้เป็นสินค้าทำเงิน และเมื่อเห็นเฉียนซื่อมีสภาพดีขึ้น นางก็เริ่มวางแผนที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
หลังรับประทานอาหารร่วมกันเรียบร้อย จ้าวซื่อและเฉียนซื่อช่วยกันเก็บล้าง ขณะที่ซูซานหลางและเฉินหู่ช่วยงานและพูดคุยกันไป
ส่วนเด็กๆ พากันไปเรียนรู้การอ่านเขียน
ตั้งแต่โจวเหิงเข้าเรียนในเมือง เขากับซูหวาก็ช่วยสอนซูเสี่ยวหลิงอ่านเขียนไปด้วยในยามว่าง และเฉินต้าหนิวกับเฉินเอ้อร์หนิวก็มักมาร่วมฟังอยู่เสมอ
แม้แต่เฉินสือ เด็กน้อยที่อายุน้อยที่สุด ก็ฟังอย่างตั้งใจ
ส่วนซูเสี่ยวลู่ นางนั่งพิงอยู่มุมหนึ่ง หลับตาพักสายตาพลางเคลิ้มไป
ในครัว
ซูซานหลางกล่าวว่า “ช่วงนี้ เจ้าของร้านฝูหมั่นไหล กำลังสืบหาสูตรอาหารใหม่ๆ อยู่ เหมือนกับที่มีหลายโรงเตี๊ยมพยายามค้นหาเช่นกัน เจ้าของร้านฝูหมั่นไหลได้พูดคุยกับข้า บอกว่าพร้อมจะเพิ่มเงินค่าซื้อสูตรอาหารอีกสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งสูตร แม้จะไม่ได้เพิ่มมากนัก แต่ฝูหมั่นไหลมีร้านสาขาในฝูหรงโจว และอีกหลายแคว้น เขาบอกว่าจะนำสูตรอาหารของเราไปขยายต่อในที่อื่นๆ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เงินที่เราจะได้รับก็จะเพิ่มมากขึ้น”
พื้นที่ที่นิยมอาหารรสจัดนั้นมีอยู่มาก และสูตรอาหารของเฉียนซื่อย่อมเหมาะสมกับพื้นที่เหล่านั้น
คำพูดของเจ้าของร้านฝูหมั่นไหลทำให้ซูซานหลางรู้สึกสนใจ แต่เขายังไม่ได้ตอบรับในทันที โดยกล่าวว่าจะขอกลับมาพิจารณาก่อน
เพราะร้านนี้เป็นกิจการของทั้งสองครอบครัว การตัดสินใจเรื่องสำคัญใดๆ ซูซานหลางย่อมต้องหารือกับเฉินหู่และภรรยาก่อน เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันตัดสินใจ
เมื่อซูซานหลางพูดจบ เฉินหู่ก็กล่าวด้วยความกังวลว่า “พี่ใหญ่ หากดูจากสถานการณ์เช่นนี้ การร่วมมือกับฝูหมั่นไหลต่อไปย่อมดีที่สุด แต่หากต้องออกจากบ้านไป ข้าก็รู้สึกกังวลไม่น้อย”
เฉียนซื่อส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้าเองก็ไม่อยากออกจากบ้านไปเช่นกัน”
จ้าวซื่อยิ้มพร้อมกล่าวว่า “น้องสะใภ้ไม่ต้องไปไกลถึงที่นั่นหรอก เพียงแค่สอนพ่อครัวของร้านฝูหมั่นไหล ให้เข้าใจสูตรอาหารก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินหู่และเฉียนซื่อก็เบาใจขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา