ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 132

เหลิ่งชิงฮวนรู้ว่าผลสอบนั้นประกาศออกมาแล้ว เธอลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น หมิงเย่ว์กำลังถือแส้ม้าและวิ่งเข้ามาด้านใน เค้าดีใจจนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และกระโดดโลดเต้นตะโกนออกมาว่า “ทั่นฮัว ทั่วฮัว! คุณชายใหญ่สอบได้ทั่นฮัว!”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกดีใจจนตัวสั่น ตัวของเธอแทบจะลอยราวกับจะยืนไม่ไหว

บัณฑิตทั่นฮัว ทำไมพี่ชายของเราถึงได้เก่งแบบนี้นะ

เซวียอี๋เหนียงตบเข่าดังฉาด “ได้เป็นบัณฑิตทั่วฮัวมาสองรุ่นติดต่อกันแล้ว เป็นเรื่องมงคลจริงๆ รางวัล รีบไปเอารางวัลมาเร็ว เอารางวัลไปแจกให้หมดทั้งจวน วันนี้ทุกคนต้องได้รางวัล!”

“แล้วท่านพี่ของข้าล่ะ” เหลิ่งชิงฮวนถามอย่างใจร้อน

หมิงเย่ว์กลืนน้ำลาย “พระชายาเองก็ใจร้อนเกินไปแล้วนะขอรับ คุณชายใหญ่กำลังเข้าวังเพื่อพบกับฮ่องเต้อยู่ และยังต้องอยู่หรอเรียกชื่อประกาศตำแหน่ง ท่านอ๋องฉีทราบว่าพระชายากำลังเป็นกังวลรออยู่ จึงได้ให้นำข่าวมาแจ้งก่อนขอรับ ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศรายชื่อออกมาเลย”

ที่แท้แล้วภายในราชสำนักก็มีคนที่เป็นขุนนาง มู่หรงฉีนั้นได้ใช้เส้นสายให้กับเธอมาสามสี่ครั้งแล้วแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นเมื่อไรจะกลับจวน”

“หลังจากที่เข้าเฝ้าฯเสร็จแล้วขอรับ คุณชายใหญ่ยังต้องขี่ม้ารอบเมืองอีกนาน เกรงว่าจะกลับมาไม่ได้แล้วขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนได้ยินก็ยิ่งดีใจ ในใจของเธอก็ลิงโลดเป็นอย่างมากเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับโกหก เรื่องดีงามแบบนี้ตัวเธอจะไม่ไปชื่นชมสักครั้งได้อย่างไร

เมื่อมองไปที่ดวงอาทิตย์ก็เป็นเวลาที่กำลังร้อนที่สุดและไม่รู้ว่าตัวของท่านพี่นั้นจะไหวหรือไม่ เธอจึงออกคำสั่งให้หมิงเย่ว์ไปสืบข่าว และรอคอยข่าวว่าเวลาที่จะเริ่มขบวนนั้นเป็นเวลาเท่าไร และยังออกคำสั่งให้คนครัวไปเตรียมของว่างอีกทั้งยังให้ไปเตรียมซุปถั่วเขียวไว้ดับร้อน โตวโตวกับเธอทั้งสองคนก็ได้เดินไปหลบใต้เงาของร่มไม้แต่เนิ่นๆ

แต่หลังจากนั้นไม่นาน อีกด้านหนึ่งของถนนก็เริ่มคึกคักขึ้นมา คุณจำนวนมากส่งเสียงดัง เหล่าเด็กๆเองก็ตะโกนขึ้นมา “ขบวนของจองฮวนมาแล้ว รีบไปดูบัณฑิตทั่นฮัวรูปหล่อเร็ว”

เหลิ่งชิงฮวนกับโตวโตวรีบพุ่งเข้าไปเพื่อแย่งที่ และเห็นอยู่ไกลๆว่าถนนกำลังเปิดโล่งและมีคนคอยคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังของขบวน คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือจอหงวน ดูแล้วอายุราวสามสิบถึงสี่สิบปี คิ้วของเขาเข้มและดวงตากลมโต ศีรษะของเขาสวมหมวกประจำตำแหน่งและอยู่ในชุดราชสำนักสีแดง มือของเขาถือราชาองค์การเอาไว้อยู่ เขากำลังนั่งอยู่บนม้าตัวใหญ่ที่ห้อยคู่สีแดงเอาไว้อย่างมีความสุขและภูมิอกภูมิใจ

ด้านหลังนั้นตามาด้วยปั๋งเหยียนและทั่นฮัว

เนื่องจากเหลิ่งชิงเฮ่อนั้นป่วย ดังนั้นร่างกายของเขาจึงดูผ่ายผอม เขาที่อยู่บนมานั้นดูราวกับคุณชายที่บอบบาง และเต็มไปด้วยความหล่อเหลาแสดงให้เห็นถึงความสูงส่ง

ผู้คนต่างพากันแห่เข้าไปใกล้เพื่อมาดูผู้สอบได้สามลำดับแรก เมื่อพวกเขาเห็นเหลิ่งชิงเฮ่อ ดวงตาของพวกเขาก็ล้วนสว่างวาบขึ้นมาและลอบชื่นชมเขาภายในใจ

และยังมีผู้หญิงจำนวนมากที่ได้โยนผ้าเช็ดหน้าและดอกไม้บนศีรษะของพวกเธอเข้าไปที่อกของเขา ความได้หน้าของจอหงวนนั้นได้ถูกเหลิ่งชิงเฮ่อแย่งชิงไปกว่าครึ่ง

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาลงมอง ภายในของเธอนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่นั้นต่างเริ่มโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างดีใจราวกับว่าเป็นการได้พบกับดาราในโลกสมัยใหม่

โตวโตวจูงมือของเธอเอาไว้ “คุณหนูคะ ดูนั่นเร็ว!”

เหลิ่งชิงฮวน เอาแต่มัวสนใจพี่ชายรูปหล่อของเธอและมองไปตามนิ้วของโตวโตวที่ชี้ไป ก็เห็นคนคนหนึ่งกำลัง ขี่ม้าตัวใหญ่สีแดงพุทธะชาอยู่ เขาอยู่ในชุดปักลายเมฆสีฟ้าเข้ม บนหัวของเขามีปิ่นหยกไว้อยู่ สีดำสนิทของเขาระบ่า เขามาจากทางด้านท้ายขบวน

ดวงตาของเขาระยับราวกับดวงดาว คิ้วของเขาเป็นแนวตรง รูปร่างอันโทรมส่วนของเขานั้นแผ่บรรยากาศอันสูงส่งอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ เหลิ่งชิงฮวน สรรหาคำมาบรรยายชายหนุ่มรูปงามที่ราวกลับร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์ตรงหน้าได้เลย เธอทำได้เพียงรอบชื่นชมเขาในใจ หล่อชะมัด

มู่หรงฉีหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เบื่อกวาดสายตามองรอบๆ ไม่เพียงแต่เธอที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ เมื่อครู่นี้บนถนนเป็นเหลิ่งชิงเฮ่อที่ดึงดูดผู้หญิงมากมายเอาไว้ แต่ในเวลานี้นั่นสายตาของพวกเขานั้นได้เปลี่ยนทิศแล้วและมองมายังเขา มองเสียจนน้ำลายไหลออกมา หญิงสาวเหล่านั้นแสดงความสนใจต่อเขา น่าเสียดายว่าแต่ละคนนั้นไม่สามารถกลายเป็นกระสุนปืนได้ ไม่อย่างนั้นคงได้พุ่งตัวเข้าหาเขากันหมดแล้ว

โตวโตวเตือนเธออย่างงกๆเงิ่นๆ “คุณหนูเจ้าคะ พวกนางถึงกัดกล้าอ่อยท่านอ๋องต่อหน้าท่านเลยนะเจ้าคะ”

มู่หรงฉีนั้นมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะแรงของเหลิ่งชิงฮวนนั้นพวกคุณหนูตระกูลใหญ่ที่กินข้าวไม่อิ่ม ดังนั้นมู่หรงฉีจึงแผ่ไอเย็นออกมาทันที เมื่อจ้องมองไปก็พบกับแสงสีขาว รูปร่างกลมๆนั้นไม่รู้ว่าเป็นอาวุธลับอะไร

ถ้าหากเขาหันข้างมันก็จะผ่านเขาไป แต่เขากลัวว่าหลิ่งชิงเฮ่อที่อยู่ด้านข้างจะต้องมารับเคราะห์ ดังนั้นมู่หรงฉีจึงยกมือขึ้นแล้วรับอาวุธลับนั่นเอาไว้ด้วยมือด้วยพละกำลังมหาศาล

เสียง “เผละ” ดังออกมา น้ำซุปไหลทะลักราวกับคนกำลังฉี่ออกมาอย่างไม่เปล่าประโยชน์เลยสักนิด น้ำซุปทั้งหมดนั้นกระเด็นไปบนใบหน้าและด้านหน้าลำตัวของเขา

เหลิ่งชิงเฮ่อนิ่งไป มู่หรงฉีเองก็ชะงักไป คนที่ชื่นชมเขาบ้านไหนที่โยนซาลาเปาเข้ามา?

เขาก็ขี่ม้าและกลับไปยังทางเดิม เหลิ่งชิงฮวนลงมือครั้งเดียวก็สำเร็จเธอจึงรีบนวดคอ และคิดที่จะแอบหนีออกไป

โตวโตวยังคงนิ่งใบ้ไป ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ

“เหลิ่งชิงฮวน!” มู่หรงฉีกำลังขี่ม้าพร้อมกับเรียกชื่อเธอไปด้วย

จะหยุดเหรอ? แน่นอนว่าไม่!

“ฮูหยิน!”

ฝูงชนต่างพากันอุทานออกมาอย่างผิดหวัง จากนั้นก็มองตามสายตาของมู่หรงฉีมาที่เธอที่กำลังหนีอยู่

ฝีเท้าของเหลิ่งชิงฮวนชะงักลง เธอนึกว่าตัวเองฟังผิดไป เธอนิ่วหน้าและชำเลืองไปมองอย่างรวดเร็วก็เห็นมู่หรงฉีกำลังยกยิ้มอยู่น้อยๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองมาที่เธอ จนเธออดรู้สึกไม่ได้ว่าที่ด้านหลังคอของเธอมีลมปีศาจพัดมาอย่างแรงและพัดผ่านไปทั้งร่างเข้าไปถึงในกระดูก

เจ้าหมอนี่คิดจะก่อเรื่องอะไรต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา