วันรุ่งขึ้นยังไม่ทันจะได้ออกเดินทางก็มีคนจากจวนกั๋วกงมา ซ้ำเสิ่นหลินเฟิงและฉีจิ่งอวิ๋นยังมาด้วยตัวเอง บอกว่าได้เชิญญาติผู้หญิงของเจ้ากรมตรวจตราแห่งจวนสือในฐานะแขก และได้เชิญให้เหลิ่งชิงฮวนไปกับนางด้วย
เมื่อพูดถึงจวนสือเหลิ่งชิงฮวนก็ย่อมนึกถึงคุณหนูสือหรง ลูกพี่ลูกน้องทางสายแม่ของลี่ว์อู๋
เธอถามเสิ่นหลินเฟิงอย่างตรงไปตรงมา “สุดท้ายก็ตกหลุมรักแม่นางสือหรงแล้วหรือ?”
เสิ่นหลินเฟิงส่ายหน้า “ท่านแม่ชื่นชอบ บอกว่านางประพฤติตัวและกิริยางดงาม จึงอยากจะตกลงเรื่องงานแต่งให้น้องสาม”
“เช่นนั้นเมื่อวานที่ท่านป้าเข้าวังเมื่อวาน องค์หญิงหรูอี้ได้รับจดหมายของหม่อมฉันหรือไม่”
“ฮองเฮาไม่ได้พูดเรื่องนี้กับท่านแม่ แต่ตัดสินใจพระราชทานงานอภิเษกให้กับองค์หญิงหรูอี้และคุณชายสามแห่งจวนรองเสนาบดีกรมข้าราชการพลเรือน”
นั่นคือลูกพี่ลูกน้องคนที่สามของเหลิ่งชิงฮวน จินอู่
เหลิ่งชิงฮวนจำได้ว่าเซวียซื่อเคยพูดเรื่องเขาต่อหน้าเธอ บอกว่าจินซานเคยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ จินซื่อเคยคิดจะให้เหลิ่งชิงเหยาแต่งงานกับจินซาน ดังนั้นเซวียซื่อจึงคิดว่าต้องมีเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับจินซานถูกปกปิดไว้แน่ๆ
ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาจะมอบอัญมณีในมือให้กับเขา!
จวนรองเสนาบดีกรมข้าราชการพลเรือนมีลูกศิษย์มากมาย ช่างเหมือนกับก้อนเนื้อจริงๆ คราวนี้สถานการณ์เริ่มละเอียดอ่อนขึ้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอำนาจของตระกูลจินตกลงแล้ว แต่ตระกูลจินก็เป็นเครือญาติกับพระบรมวงศานุวงศ์เหลิ่งชิงหลางเองก็ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา แต่เมื่อลองพิจารณาอีกครั้ง เดิมทีตระกูลจินใกล้ชิดกับมู่หรงฉีก็เพราะเหลิ่งชิงหลาง แต่ตอนนี้ตระกูลจินกำลังจะเข้าข้างองค์ชายใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้ว่านี่เป็นคำอวยพรหรือคำสาปเพื่อให้เหลิ่งชิงหลางกลายเป็นที่โปรดปราน
ส่วนสาเหตุที่หรูอี้ไม่สนใจเสิ่นหลินเฟิงนั้น เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้สนใจ บางทีนางอาจจะคิดมากไป
เธอตามเสิ่นหลินเฟิงไปที่จวนกั๋วกง เหล่าป้าๆ ของเสิ่นหลินเฟิงเองก็ชอบพอสือหรง พวกนางรู้สึกว่าสตรีนางนี้มีมารยาท อ่อนโยนและสง่างาม
ตระกูลสือเองก็พึงพอใจจวนกั๋วกง ตระกูลที่มีความสงบสุขและสูงส่ง แม้ว่าบุตรีจะไม่ได้แต่งเข้าในฐานะชายาของรัชทายาท แต่ชีวิตในอนาคตจะต้องได้ดีแน่นอน
หลังจากมื้ออาหารเสร็จสิ้น ทั้งสองตระกูลก็หารือกันเรื่องแต่งงาน เรื่องฤกษ์ยามนั้นยังไม่รีบร้อน เพราะพี่ใหญ่อย่างเสิ่นหลินเฟิงก็ยังไม่ได้จัดงานเลย
หลังจากส่งคนจากตระกูลสือกลับแล้ว เหลิ่งชิงฮวนก็รีบกล่าวลาเพราะกลัวว่าหากเหล่าไท่จวินได้ยินอะไรจะมาสั่งสอนเธออีก
เหล่าไท่จวินไม่ปริปากถามอะไรสักคำ แต่เรียกให้เธอมานั่งที่โต๊ะแปดเซียน
“เวลาก็ล่วงเลยมาพอประมาณแล้ว มาเล่นไพ่นกกระจอกกับข้าสักหน่อย”
คุณยายคนนี้ช่างสติดีเสียจริง
ชาติก่อนเหลิ่งชิงฮวนอุทิศตนให้กับการศึกษาเธอจึงไม่เคยสัมผัสและไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ แต่เหล่าไท่จวินกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอต้องยอมกัดฟันนั่งทนฝืนเพื่อทำให้หญิงชรามีความสุข แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคยกฎอีกทั้งดวงเธอยังดีจนชนะหลายรอบ
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้คนมักพูดว่า ผิดหวังในความรัก ภูมิใจในการพนัน เล่นเพียงแค่ครึ่งวันก็ทำเงินได้มากมาย มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ และลืมความทุกข์ที่เกิดจากการหย่ากับมู่หรงฉีไป
นี่เรียกว่า มีเพียงเงินเท่านั้นที่ช่วยขจัดทุกข์ได้
จนกระทั่งตกกลางคืนวงไผ่ถึงได้ยุติลง เหลิ่งชิงฮวนจับเสือมือเปล่า เธอได้เงินจากการชนะถึงสามร้อยยี่สิบตำลึง พวกป้าๆ ที่เล่นไพ่ด้วยกันยืนกรานให้เธอมาอีกในวันพรุ่งนี้
เหลิ่งชิงฮวนถือเงินไว้ในอ้อมแขนอย่างเขินอาย นี่คือกฎบนวงไพ่ หากแพ้ก็สามารถออกมาได้ทุกเมื่อ แต่หากชนะก็จะไม่สามารถจากไปได้ตลอดกาล
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดขยี้เปลือกตา จ้องมองสีหน้าของเขา
“กระหม่อมได้ยินมาว่ามีการจัดหาคุณชายมาให้พบเจอกับพระชายาในวันพรุ่งนี้ ท่านว่าพระชายาเก่งกาจเช่นนี้ แม้ว่าท่านอ๋องจะปลดพระนางแล้วแต่นางยังไม่ทันได้ออกจากจวนก็จะหาคู่ใหม่แล้ว”
“เมื่อถึงเวลานั้นสินสอดทองหมั้นอาจถูกนำไปให้คนอื่นทันทีที่พระนางออกจากจวนท่านอ๋อง ทำให้ท่านอ๋องเสียหน้า หากใครไม่รู้ก็คงคิดว่าพระชายาเป็นคนทิ้งท่านอ๋อง หรือว่าให้กระหม่อมไล่พระชายาออกไปตอนนี้เลยขอรับ?”
มือของมู่หรงฉีกำแน่น “เจ้าไม่กลัวล่วงเกินนางหรือ?”
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดส่ายหน้า “ไม่กลัวขอรับ พระชายาพูดแล้วว่าทางใครทางมัน แต่ว่าความสัมพันธ์ที่ดีก็ยังคงมีอยู่”
คำพูดนี้ยิ่งทำให้มู่หรงฉีโมโหมากกว่าเดิม
“เจ้าอยากให้นางออกจากจวนโดยเร็วที่สุดหรือ? ถึงได้รีบมาจุดชนวนถึงที่นี่ คนรับใช้ตระกูลไหนที่เป็นเหมือนพวกเจ้าบ้าง? ยอมทำลายวัดสิบแห่งดีกว่าทำลายชีวิตคู่ แต่เมื่อข้ากับชายาหย่าร้างพวกเจ้ากลับร้องตะโกนด้วยความยินดีซ้ำยังช่วยข้าตัดขาดความสัมพันธ์อีก”
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดรู้สึกผิดเล็กน้อย “คนที่ขับไล่พระชายาก็คือตัวท่านอ๋องเอง อีกอย่างกระหม่อมทำเพื่อทวงความยุติธรรมให้ท่านอ๋องมิใช่หรือ พระชายามีหนังสือหย่าอยู่ในมือก็ย่อมเหิมเกริมไม่เห็นท่านอ๋องอยู่ในสายตา”
มู่หรงฉีกัดฟันกรอด “นางก็เหิมเกริมมาตลอด!”
“แต่ท่านอ๋องลองคิดดูนะขอรับ หากพระนางไม่มีหนังสือหย่าอยู่ในมือนางจะมีท่าทีเช่นนี้หรือ? พูดถึงเรื่องไปมาหาสู่กับบุรุษอื่น ออกเช้ากลับค่ำเช่นนี้คงไม่ได้กระมัง พระนางต้องเคารพวิถีแห่งสตรี ยึดถือสามีเป็นที่ตั้ง ต้องเชื่อฟังคำพูดของท่านอ๋องมิใช่หรือ”
มู่หรงฉีไม่ได้พูดอะไรอาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกนั้นสมเหตุสมผล ตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะควบคุมนางก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีเหตุผล ยิ่งพูดอะไรก็ไม่ได้
เป็นเพราะหนังสือหย่าฉบับนั้นเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...