ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 171

ฟังผิ่นจือดัดเสียงพูดอย่างอ่อนหวาน “เรื่องการแต่งงานขององค์ชายสามกับองค์หญิงหรูอี้ วันแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ฮูหยินจึงฝากมาถามว่าพระชายารองจะเข้าวังไปร่วมงานหรือไม่ หากไม่ไป...ก็เชิญมาดื่มเหล้ามงคลที่จวนสักหน่อย”

แม่จ้าวพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะบอกฮูหยินให้ภายหลัง ตอนนี้เชิญแม่นางกลับไปก่อนเถิด”

“อย่ากังวลไปเลย พระชายารองยังมีคำถามอะไรอีกหรือไม่ เช่น จัดงานวันไหน จัดเตรียมงานไว้อย่างไร” ฟังผิ่นจือขึ้นเสียง “เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าจะเป็นต้องเห็นพระชายารองตอบรับด้วยตาของตัวเอง”

เหลิ่งชิงหลางนอนอยู่บนโซฟาในสภาพเฉื่อยชา เมื่อนางได้ยินฟังผิ่นจือพูดจึงขอให้แม่จ้าวเรียก ฟังผิ่นจือเข้าไปด้านในอย่างอ่อนแรง

แม่จ้าวเดินตามหลังเขาเข้าไปด้านในโดยไม่มีแผนที่จะออกไปข้างนอก

เหลิ่งชิงหลางเกลียดนิสัยนี้ของแม่จ้าวอย่างมากซึ่งแตกต่างจากจือชิวที่เชื่อฟังโดยสิ้นเชิง เพราะนางมักจะชอบตำหนิคนอื่นอย่างผู้อาวุโส

ฟังผิ่นจือเห็นชามใส่น้ำน้ำตาลบนโต๊ะ จากนั้นมองใบหน้าซีดของเหลิ่งชิงหลางจึงเข้าใจทันที

เขายิ้มอย่างคลุมเครือ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะ จากนั้นถ่ายทอดรายละเอียดการจัดงานแต่งงานของจวนสกุลให้เหลิ่งชิงหลางฟัง

“ถ้าอย่างนั้นงานแต่งก็ใกล้เข้ามาแล้วสินะ”

“ถูกต้องขอรับ ที่กระหม่อมมาในวันนี้เพราะคุณชายรองมอบหมายให้มาถามพระชายารองมีเวลาว่างหรือไม่ ฮ่องเต้ทรงประทานจวนฟู่หม่าให้กับองค์หญิงหรูอี้เป็นรางวัล องค์หญิงหรูอี้จะออกจากวังในวันพรุ่งนี้เพื่อตรวจสอบจวนฟู่หม่า กระหม่อมได้ยินมาว่าองค์หญิงหรูอี้มีนิสัยเจ้าอารมณ์ คนในจวนเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อความเหมาะสม หากพระชายารองมีเวลาว่างช่วยไปต้อนรับนางสักหน่อยได้หรือไม่”

เหลิ่งชิงหลางถือว่ามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ขององค์หญิงหรูอี้ ทำให้สื่อสารเรื่องต่างๆ ในฐานะคนกลางได้ง่ายกว่า

ในตอนขอประทานพิธีสมรส นางจงใจไต่ถามเรื่องนิสัยใจคอขององค์หญิงผู้นั้น มีความคิดเห็นที่หลากหลาย ทว่าประเด็นหนึ่งที่เป็นเอกฉันท์

นั่นคือเจ้าคิดเจ้าแค้น ใจร้ายและป่าเถื่อน

ตระกูลจินรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้เล็กน้อย แม้ว่าจะต้องทำเพื่อกลายเป็นญาติของฮ่องเต้ แต่ลูกสาวของฮ่องเต้ผู้นี้เอาใจยากเสียเหลือเกิน

เหลิ่งชิงหลางต้องการให้การแต่งงานครั้งนี้ได้ประโยชน์ถึงสองอย่าง

มิฉะนั้นนางจะสูญเสียที่พึ่งพิงอย่างมู่หรงฉีไปอีกหนึ่งอย่าง

นางเคยลองใจถามมู่หรงฉีเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างนัยๆ แต่มู่หรงฉีกลับเฉยเมยไม่สนใจและไม่รู้สึกเสียใจเลยด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามเขากลับดูมีความสุข

นางรู้ว่าเป็นเพราะเหลิ่งชิงเฮ่อ เพราะนางเคยไปเยี่ยมเหลิ่งชิงเจียวที่จวนมหาเสนาบดีและได้ยินข่าวจากคนรับใช้

เมื่อนึกดังนั้น หัวใจของนางก็เต้นแรง ทันใดนั้นก็คิดแผนการยืมมือฆ่าอันชาญฉลาดขึ้น

เธอเหลือบมองไปที่แม่จ้าว “แม่จ้าว ออกไปสักพักแล้วช่วยเฝ้าประตู อย่าให้คนนอกเข้ามา”

เจ้านายอยากให้นางรู้หลบเลี่ยงออกไป แม่จ้าวรู้ดี ก่อนจะถอยออกไปและยืนเฝ้าหน้าประตูตามคำสั่ง

“นี่เป็นเรื่องในบ้านของข้า ข้าย่อมยินดีช่วยอยู่แล้ว” เหลิ่งชิงหลางเห็นด้วย “แต่เจ้าช่วยไปบอกพี่รองของข้าหน่อยว่าโปรดมาหาข้าที่นี่โดยด่วน ข้ามีเรื่องจะขอร้อง”

“พระชายารองเห็นกระหม่อมฟังผิ่นจือเป็นคนนอกใช่หรือไม่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือสามารถบอกกระหม่อมมาได้เลย หากช่วยได้ กระหม่อมยินดีช่วยเต็มที่ หากช่วยไม่ได้ค่อยบอกคุณชายรองจินก็ไม่สายนะขอรับ”

เหลิ่งชิงหลาง พูดเบา ๆ “แค่อยากให้เขาช่วยหาคนมาให้ข้าสองคนเท่านั้น”

ฟังผิ่นจือยิ้ม “หากเป็นกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณชายรองหรอกขอรับ เขาเป็นถึงลูกชายของครอบครัวใหญ่ ไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก เรื่องนี้ให้กระหม่อมเป็นคนจัดการดีกว่า”

เหลิ่งชิงหลางไม่พูดอะไร เพียงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจอย่างลับๆ

ฟังผิ่นจือมองไปนางและพูดอีกครั้ง “รวมถึงครั้งก่อนที่จินเอ้อร์ต้องการยาปลุกกำหนัดมาทำไม้จันทน์และหาชายใจกล้าสองคน ทั้งหมดนี้โปรดวางใจให้กระหม่อมเป็นคนจัดการเอง”

หัวใจของเหลิ่งชิงหลางสั่นสะท้าน นางก็เงยหน้าขึ้นมองฟังผิ่นจือและแอบด่าจินเอ้อร์ในใจ จินเอ้อร์ เจ้าโง่หรือเปล่า จู่ๆ เอาเรื่องแบบนี้ไปบอกเขาได้อย่างไร

วันนี้พวกเขาเชิญว่าที่สะใภ้ในอนาคตมาตรวจตราสถานที่ หากไม่พอใจก็ต้องปรับปรุงให้อีกครั้ง

หลังจากพูดคุยกันไม่นาน องค์หญิงหรูอี้ก็มาถึง

ถึงจะบอกว่านางเป็นพี่สะใภ้ แต่หลังจากที่นางแต่งงานเข้าจวนอ๋องฉี มู่หลงฉีปฏิเสธงานเลี้ยทุกงานเพราะเรื่องในครั้งนั้นของเหลิ่งชิงฮวน นางไม่เคยเห็นพระชายาหรือองค์หญิงองค์ไหนของฮ่องเต้เลย

น้าสะใภ้แนะนำตัวตัวเหลิ่งชิงหลางให้องค์หญิงหรูอี้รู้จัก จากนั้นองค์หญิงหรูอี้จึงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “พี่สาวคนนั้นของท่านเก่งใช้ได้เลยนี่”

คำพูดนี้สามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายอย่างชัดเจน

เหลิ่งชิงหลางเคยได้ยินเรื่องการแย่งลูกเขยในสกุลจินมาบ้าง เมื่อแพร่ออกไปจึงถูกมองว่าเป็นเรื่องตลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นเมื่อพูดถึงตระกูลเหลิ่ง องค์หญิงหรูอี้จึงมีความรู้สึกตงิดในใจเล็กๆ

เหลิ่งชิงหลางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็พูดด้วยความหมายที่ลึกซึ้งทันที “ทักษะทางการแพทย์ของพี่สาวหม่อมฉันเป็นเลิศ ตอนที่พี่ชายของหม่อมฉันป่วยหนัก แพทย์หลายคนประกาศว่าไม่สามารถรักษาได้ ทว่านางสามารถชุบชีวิตเขากลับมาได้ พี่ชายของหม่อมฉันยังมีชีวิตอยู่และสบายดีไม่ต่างจากคนทั่วไป”

องค์หญิงหรูอี้หยุดชั่วคราว “แต่ข้าได้ยินมาว่าเหลิ่งชิงเฮ่อได้รับบาดเจ็บ ต้องพักฟื้นอย่างน้อยสองสามปี”

เหลิ่งชิงหลางดูประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร ไร้สาระที่สุด ตอนนี้พี่ชายของหม่อมฉันแข็งแรง

มาก ทางครอบครัวกำลังวางแผนที่จะให้เขาแต่งงาน”

หรูอี้จำงานเลี้ยงฉงหลินครั้งล่าสุดได้ เนางกัดฟันแน่นพลางยิ้มเยาะที่มุมปาก “งั้นหรือ”

เมื่อเหลิ่งชิงหลางเห็นว่ายั่วยุไฟแห่งสงครามได้สำเร็จจึงปิดปากเงียบอย่างชาญฉลาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา