ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 23

ท่าทางเชิดหน้าของจือชิวทำให้โตวโตวโมโห “ให้พระชายาไปรักษาเท้าให้ชายารองคงมีแต่ท่านอ๋องที่คิดอะไรเช่นนี้ออกมาได้ นี่มันรังแกกันชัดๆ!”

แม่หวังที่อยู่ข้างๆ ก็สอดปากเข้ามา “ใช่แล้ว นี่มันถูกกฎเกณฑ์ตรงไหน? พระชายาไปไม่ได้เด็ดขาด”

แต่เหลิ่งชิงฮวนกลับไม่ปฏิเสธ เธอเพียงแค่ส่งยิ้มให้จือชิว แววตาเป็นประกายราวกับอ่านใจออก “นี่เป็นความคิดของท่านอ๋องหรือ?”

จือชิวเหน็บแนม “แน่อยู่แล้ว ท่านอ๋องทะนุถนอมคุณหนูของข้าขนาดนั้น พอเห็นนางบาดเจ็บก็ทุกข์ใจ ขอให้พระนางรีบหน่อยนะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นท่านอ๋องอาจจะกล่าวโทษอีกก็เป็นได้”

เหลิ่งชิงฮวนพับแขนเสื้อขึ้นไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เอ่ยตอบตกลง “ได้สิ!”

โตวโตวโมโหมาก “คุณหนู!”

เหลิ่งชิงฮวนเพียงส่ายหน้าและเอ่ยเสียงต่ำ “นิ่งไว้”

โตวโตวชำเลืองมองท่าทางเย่อหยิ่งของจือชิว ทำไมนางบ่าวคนนี้ถึงได้กล้าทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าเจ้านายของนาง? เห็นได้ชัดว่านางจงใจใช้ขนไก่เป็นลูกธนูยั่วยุคุณหนู หากคุณหนูไม่โกรธ ก็ไม่รู้ว่าพวกนางสองคนจะใช้เล่ห์กลอะไรต่อหน้าท่านอ๋อง

นางรู้ความคิดของเหลิ่งชิงหลางกับจือชิวชัดเจน จึงรู้สึกน้อยใจแทนเจ้านาย ก่อนจะเดินตามเหลิ่งชิงฮวนไปที่เรือนจื่อเถิง

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับดอกท้อต้องหยาดฝน “คนรับใช้พวกนั้นต้องจงใจกลั่นแกล้งหม่อมฉันเพราะอยากหัวเราะเยาะหม่อมฉันแน่ๆ”

มู่หรงฉีนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะเอ่ยปลอบโยน “พวกเขาได้รับคำสั่งจากข้า หากเจ้ารังเกียจกบพวกนั้น ข้าก็จะออกคำสั่งให้คนนำพวกมันไปฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวเดียว เจ้าไม่ต้องโมโห ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”

จือชิวเดินมาด้านหน้าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลไปเจ้าคะ กบพวกนั้นถูกพระชายาเอาไปใส่หม้อต้มเตรียมทำอาหารแล้วเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางได้ยินเช่นนั้นก็อาเจียนแห้งออกมาอย่างอดไม่ได้ ดวงตาของนางเบิกกว้าง “เจ้าสัตว์น้อยพวกนี้ช่างน่าสงสารเสียจริง ทำไมท่านพี่ถึงได้ใจร้ายยิ่งนัก ไม่ว่าอะไรก็กินหมด"

มู่หรงฉีเองก็กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เขาจ้องมองเหลิ่งชิงฮวนด้วยความขยะแขยง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก "ป่าเถื่อน!"

เหลิ่งชิงฮวนถือกล่องอาหารและเตะประตูเข้ามา เธอแทบจะไม่สนใจคำพูดของมู่หรงฉีด้วยซ้ำ "น้องสาวของข้าสงสารพวกกบเหล่านี้ แต่เจ้ากลับเกลี้ยกล่อมให้ท่านอ๋องลงโทษคนรับใช้ที่น่าสงสาร ข้าว่าข้าน่าจะใจดีกว่าเจ้านิดหน่อยนะ"

เหลิ่งชิงหลางสะอึก "พวกเขาทำให้หม่อมฉันลื่นล้มอับอาย หม่อมฉันแค่บ่น ไม่มีความคิดที่จะให้พวกเขาถูกลงโทษจริงๆ ด้วยซ้ำ"

มู่หรงฉีลุกขึ้นจากข้างเตียง "เท้าของชิงหลางได้รับบาดเจ็บ ภายในเนื้อมีเศษฝังอยู่ เจ้าต้องช่วยทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง"

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาปริบๆ “จำได้ว่าเมื่อวานท่านอ๋องยังดูถูกฝีมือหม่อมฉันอยู่เลยมิใช่หรือเพคะ”

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากที่เรียวบางของเขา "ถือว่าบุญคุณของข้ากับเจ้าเมื่อวานชำระแล้ว"

“ได้” เหลิ่งชิงฮวนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

มู่หรงฉีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้คาดหวังว่าเหลิ่งชิงฮวนจะตกลงอย่างง่ายดาย สตรีผู้นี้มีนิสัยแข็งกร้าว ดื้อรั้น แต่นางกลายเป็นคนพูดง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

วันนี้เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกกระตือรือร้นมาก เพราะเดิมทีเธอก็รู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นอยู่แล้ว โอกาสดีๆ เช่นนี้ ถ้าได้เห็นเท้ารูปเกี๊ยวนั่นในตอนสุดท้ายจะไปสนุกอะไร

เหลิ่งชิงฮวนเลื่อนเก้าอี้ปักด้วยตัวเอง นั่งลงข้างเตียงอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเลิกผ้าที่คลุมเท้าของเหลิ่งชิงหลางขึ้น

โตวโตวที่อยู่ข้างๆ กระวนกระวายใจ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปว่าพระชายาผู้สง่างามกำลังรักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าให้กับชายารองจะไม่ถูกคนรับใช้เอาไปติฉินนินทาหรือ? ในอนาคตจวนนี้จะเหลือที่ให้นางกับเจ้านายหรือ?

เหลิ่งชิงหลางเม้มริมฝีปากของนางอย่างมีชัย นางสบตากับจือชิวและแสดงท่าทางออดอ้อนเหลิ่งชิงฮวน "ข้ากลัวเจ็บ ท่านพี่ต้องเมตตาหน่อยนะ"

เหลิ่งชิงฮวนตอบรับก่อนจะพิจารณาเท้าของนาง เธอยังไม่ลงมือทันทีแต่เริ่มวิจารณ์ก่อน

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "ไม่ใช่ว่าน้องสาวกับท่านอ๋องให้คนไปตามข้ามาหรอกหรือ? ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าก็คงนั่งกินกบอยู่ที่เรือนแล้ว"

เหลิ่งชิงหลางโกรธจนเจ็บฟัน แต่นางก็ไม่กล้าทำตัวอวดเบ่งต่อหน้ามู่หรงฉี นางน้ำตาคลอเบ้าและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเจ็บเหลือเกินเพคะ”

มู่หรงฉีเอ่ยรบเร้าเหลิ่งชิงฮวน “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!”

เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้าถอนใจ มุมปากของเธอโค้งงอเล็กน้อย “ยาที่ดีมักมีรสขม คำพูดหวังดีมักไม่น่าฟัง ช่างเถอะ ข้าจะรักษาให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

หลังจากพูดจบเธอก็หยิบแว่นขยายออกมาจากกล่องอาหาร วางไว้หน้าเท้าของเหลิ่งชิงหลางแล้วส่อง "โอ้ น่าขยะแขยงเสียจริง ดูนี่ นี่และนี่ นี่มันอะไรกัน? เจ้าไม่ได้ล้างเท้ามานานแค่ไหนแล้ว มีเศษอะไรเต็มซอกเท้าเจ้าไปหมดเลย ไม่ได้การ ต้องฆ่าเชื้อก่อน ไม่เช่นนั้นข้าได้อาเจียนระหว่างที่รักษาเจ้าแน่ๆ"

น้ำเสียงที่ดูประหลาดใจเกินจริงทำให้มู่หรงฉีที่อยู่ข้างๆ ก็อยากรู้จนอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้ามามองดู

บาดแผลใต้แว่นขยายนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่า เขามองเพียงครู่เดียวก็รีบหันหน้าหนี คิ้วเรียวขมวดแน่นแสดงท่าทีรังเกียจอย่างชัดเจน

ในที่สุดเหลิงชิงหลางก็โพล่งออกมาด้วยความลำบากใจ "ท่านจงใจใช่หรือไม่?"

เหลิ่งชิงฮวนตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ใบหน้าของเธอยังคงไร้เดียงสาก่อนจะเอ่ยอย่างมีเหตุผล "บาดแผลของเจ้าเต็มไปด้วยเศษผงมากเกินไป ไม่ขยายใหญ่แล้วจะทำความสะอาดได้อย่างไร? "

เดิมทีเหลิ่งชิงหลางก็ต้องการทำเช่นนี้เพื่อให้เหลิ่งชิงฮวนอับอายและทำลายความมั่นใจ ไม่คิดว่าจะเอาเปรียบอะไรด้วยซ้ำ แต่กลับตกลงไปในหลุมที่ตนเองขุดไว้เสียเอง เธอรีบเอาผ้าคลุมเท้าทันที “ข้าไม่รักษาแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นอย่างสงบและผายมือไปทางมู่หรงฉี "น้องสาวของหม่อมฉันเป็นคนผิวบางเกินไป ทำไมท่านอ๋องไม่ลงมือด้วยตัวท่านเองล่ะเพคะ? ท่านรักและทะนุถนอมนางเช่นนี้ หม่อมฉันเชื่อว่านางจะต้องซาบซึ้งจนร่ำไห้แน่ๆ"

เธอยัดแว่นขยายใส่มือเขาโดยไม่ลังเล มู่หรงฉีถอยหลังไปสองก้าวราวกับกำลังหลบสัตว์อันตราย

เหลิ่งชิงฮวนคิดว่าบุรุษผู้นี้ช่างเจ้าชู้เสียจริง เขารักเหลิ่งชิงหลางหัวปักหัวปำแต่กลับได้เห็นจิตใจที่แท้จริงของเขาในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เหลิ่งชิงหลางเจ็บเท้าแต่เขากลับยืนอยู่ข้างๆ แม้ว่าจะด้วยสีหน้าเฉยเมยแต่ทำไมถึงได้ทำท่ารังเกียจด้วยเล่า?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา