ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 237

เหลิ่งชิงฮวนได้พบยายหลิงอีกครั้ง จึงแอบสังเกตโดยไม่รู้ตัว ดังคำพังเพยกล่าวเอาไว้ไปสงสัยผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริง ในใจมีข้อสงสัยก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอมีพฤติกรรมแปลก ๆ โดยเฉพาะแววตานั้น เย็นชาและว่างเปล่า ไร้อารมณ์ เห็นแล้วรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

เธอเคยถามมู่หรงฉีเป็นการส่วนถึง ถึงความเป็นมาของคนนี้

คิดไม่ถึงว่ามู่หรงฉีเองก็ไม่รู้ เพียงแต่เคยได้ยินมาว่าแต่เดิมนั้นเป็นแม่นมของจิ่นอวี๋ หลังจากที่จิ่นอวี๋เข้าวังไป ก็ไใารู้จะไปที่ไหน หลังจากผ่านไปหลายปี ก็ปรากฎตัวขึ้น และติดตามจิ่นอวี๋เข้าไปในวัง

คนในวังหลวงของพระสนมฮุ่ยเฟยก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของนาง บอกเพียงแค่นางนั้นเป็นคนแปลก ทว่า ดวงตาดั้งเดิมของเธอไม่ได้แปลกเช่นนี้ แม้ว่าเธอจะอายุมากขึ้น กลับใสแจ๋วเหมือนกับน้ำเหมือนคลื่นฤดูใบไม้ร่วงที่ไหลผ่าน

นี่ก็เป็นเรื่องที่แปลกมาก โรคตาของจิ่นอวี๋นั้นเป็นโรคติดต่ออย่างนั้นเหรอ?

มีประโยคหนึ่ง รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เหลิ่งชิงฮวนคิดว่าตัวเองนั้นควรจะหาคนมาสืบเรื่องประวัติของยายหลิงไหม? รวมถึงหลายปีที่ผ่านมานางไปไหนอยู่ที่ไหนมา มีความสามารถอะไรกันแน่?

หลังจากที่จิ่นอวี๋ประกาศสงครามไปในวันนั้นก็ไม่ได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับเหลิ่งชิงฮวนอีก และหลังจากท่ีห้องเครื่องใหญ่ทำเสร็จ ก็ให้บ่าวรับใช้เอามาให้ที่ตำหนักฉาวเทียน เวลาเข้า-ออกก็มีไต้มั่วคอยปรนนิบัตรับใช้ ยายหลิงไม่ค่อยออกมาปรากฏตัว ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ไม่รู้ว่าเสี้ยมสอนอะไรอยู่ด้่านใน

เหลิ่งชิงหลางก็มีข้ออ้างในการเข้าออกตำหนักฉาวเทียน มักจะไปเสิร์ฟน้ำชาให้จิ่นอวี๋ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เหมือนกับน้องสะใภัที่ถูกรังแกอย่างนั้นแหละ

มู่่หรงฉีไปซ่อนตัวอยู่ที่ค่ายทหารเพื่อหาที่สงบๆ เหลิ่งชิงฮวนเองก็ตาไม่เห็นก็จะไม่นึกถึก มักจะไปที่ร้านของตัวเอง

จากการที่ฟังความคิดเห็นของฉีจิ่งอวิ๋น หลังจากที่ปรับปรุงใหม่ ก็เปิดทำการอีกครั้ง ฉีจิ่งอวิ๋นนั้นสมกับเป็นนักธุรกิจ มีวิธีในการทำธุรกิจ ควบคู่ไปกับได้รับการสนับสนุนจากคนอื่น ธุรกิจโรงน้ําชาก็กําลังเฟื่องฟูและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น

โดยเฉพาะประตูทางด้านหลังโรงน้ำชาอยู่ไม่ห่างจากประตูด้านหลังศาลาว่าการเท่าไหร่นัก ฉีจิ่งอวิ้นใช้ความคิดปรับปรุงซ่อมแซมประตูลานบ้านด้านหลัง แขวนป้าย ให้แขกสามารถใช้ประตูด้านหลังเข้า-ออกได้

ส่วนห้องพักชั้นสองหันหน้าเข้าถนน เขาสั่งให้ช่างฝีมือขยายช่องหน้าต่างลม ใส่แผ่นเครื่องเคลือบสีใส เวลามองจากด้านบนลงไป ก็สามารถเห็นทิวทัศน์สวนด้านหลังศาลาการได้อย่างเต็มที่

เมื่อเป็นเช่นนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่มาปฎิบัติหน้าที่โดยใช้ทางประตูหลัง จึงถูกใจโรงน้ำชาแห่งนี้ อาศัยห้องชั้นสองในการดักซุ่มจับโจร อยู่ทั้งวัน ยอมที่จะจ่าย ทำให้ห้องพักนั้นที่นั่งเต็มอยู่เสมอ

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มที่ฉีจิ่งอวิ๋นนั้นไม่เจ้าเล่ห์ขี้โกง ไม่เป็นพ่อค้า หนทางร่ำรวยอย่างนี้ก็ยังสามารถคิดขึ้นมาได้

จริงๆแล้วเธอไม่อยากอุดอู้อยู่ในจวน มาที่โรงน้ำชาสองครั้ง ก็ถูกฉีจิ่งอวิ๋นไล่กลับอยู่ตลอด บอกว่าหากเธอมาบ่อย ทำให้คนอื่นรู้ว่าแท้จริงแล้วโรงน้ำชานั้นเป็นกิจการของจวนฉีอ๋อง พวกที่จ่ายสินบนลับหลัง ทุจริตฉ้อฉล ไหนเลยจะกล้ามาที่โรงน้ำชานี้อีก?

เหลิ่งชิงฮวนอยู่ที่ตำหนักฉาวเทียนก็ดีอยู่ ทุกคนต่างคนต่างอยู่ไม่มายุ่งกัน ตราบใดที่มู่หรงฉีอยู่ที่จวน จิ่นอวี๋ก็จะทำตัวเกาะติด พัวพันกับเขาอยู่ตลอด

แม้ว่าตาของจิ่นอวี๋นั้นจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่สบายใจเลยสักนิด คนที่ดูเหมือนไม่มีอะไรมักจะหาเรื่องทำเป็นแสดงความเป็นหญิงที่จิตใจงดงามและอ่อนโยน

ส่งผ้าเช็ดหน้า ทำขนม เสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟชา เตรียมตัวอย่างขยันขันแข็ง

นางวนเวียนอยู่กับมู่หรงฉี ทุกคนวงเวียนอยู่กับนาง กลัวว่านางจะไม่ทันระวังลวกมือตัวเอง หกล้ม ร้องไห้แง ไม่จบไม่สิ้น ทุกวันก่อเรื่องวุ่นวายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนอื่นตามล้างตามเช็ดไม่จบไม่สิ้นเสียที

นางก็เหมือนกับตัวปัญหาที่เข้ามาอยู่ในตำหนักฉาวเทียน เข้ากันกับคนที่นี่ไม่ได้ แถมยังหน้าด้านไม่มียางอาย ทำให้คนรำคาญ

ดังนั้น มู่หรงฉีเองก็ถูกทำให้เดือดร้อนจนต้องย้ายมาอยู่ที่นี่อย่างน่าเบื่อหน่าย

ต่างก็พูดกันว่าคนโสดนั้นจะไม่ยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าตนเองนั้นใจกว้างเช่นนี้ อดทนให้ผู้หญิงคนหนึ่งรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง อดทนจนแทบจะกลายเป็นนินจาเต่าอยู่แล้ว

วันนี้ซ่อนตัวเพื่อความสงบ นางไปที่จวนอ๋องรุ่ยอีกครั้ง ให้น้ำเกลือพระชายารุ่ย เปลี่ยนยา ทำความสะอาดแผล ถือโอกาสไปกินอาหารบำรุงกำลังหลังคลอด

ในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ชัดเจนไม่ปิดบัง ไม่หลีกเลี่ยงการสงสัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองไปที่เสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ร่างยั่วยวนนั้นก็รู้ได้เลยว่าเป็นใคร

เหลิ่งชิงฮวนรีบลงกลอนประตูห้อง วางกล่องยาไว้ด้านข้าง จากนั้นก็ผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา

“ยิ่งนับวันยิ่งกำเริบ กลางวันแสกๆก็วิ่งมาในห้องข้า”

โฉวซือเส่านั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างจิบชาอย่างเศร้าสร้อย

“พวกเราแยกจากกันเพียงไม่ก่ีวัน ถึงกระนั้นเจ้าก็ไปมีคนรักใหม่ โผเข้าหาอ้อมกอดมู่หรงฉีเสียแล้ว ดูเขาบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นโดยพลการ นอนอยู่บนเตียงของเจ้า ในใจก็ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย”

เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “มีอะไรก็รีบพูดมา ถ้าไม่มีก็ไสหัวกลับไป! อย่ามัวแต่พูดเรื่อยเปื่อย ๆ มันไร้ประโยชน์ ข้าอยากจะทะลวงเข้าไปในอ้อมกอดเจ้า ทำได้ไหมล่ะ? เดิมทีเจ้ายังสามารถที่จะเป็นแม่นมให้ลูกข้าได้ ตอนนี้แม้แต่นมก็ป้อนไม่ได้แล้ว”

โฉวซือเส่าสูดหายใจเขา จับหน้าอกแบนราบของตนเอง “ผู้หญิงเช่นเจ้านั้น ปากเหม็นเสียจริง มิน่าล่ะที่แผงขายเต้าหู้เหม็นริมถนนต่างอวดอ้างสรรพคุณเจ้า พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เจ้าก็ใช้มีดแทงเข้ามาที่ก้นบึ้งหัวใจข้า”

เหลิ่งชิงฮวนโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้ง แล้วเดินมานั่งข้างหน้า เอื้อมมือไปหาเขาอย่างหงุดหงิด “ยื่นมือมา”

โฉวซือเส่ายื่นมือให้อย่างเชื่อฟัง ว่าง่ายกว่ามู่หรงฉีเสียอีก

เหลิ่งชิงฮวนจับชีพจรของเขา เหลือบมองเขา แล้วถาม “หายดีแล้วเหรอ?”

โฉวซือเส่ากระแอมอย่างกระอักกระอ่วน “วิ่งได้กระโดดได้แล้ว ใกล้แล้วล่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา