ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 244

ในที่สุด ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจในช่วงหลายวันมานี้ก็ได้ระบายออกมา ยิ่งรู้สึกเจ็บมือมากเท่าไหร่ ความสะใจก็มากขึ้นเท่านั้น

ร่างอันบอบบางของจิ่นอวี๋ไหนเลยจะต้านทานฝ่ามือนี้ได้ นางซวนเซและล้มลงไปกับพื้น คนทั้งคนตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง

“ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า? ท่านกำลังยั่วยวนผู้ชายของข้านะ! ลูกพี่ลูกน้องที่มิได้อยู่วงศ์ตระกูลเดียวกัน ความสัมพันธ์ไกลห่างสามพันลี้ แล้วที่เป็นญาติกันน่ะ ก็รุ่นบรรพชนโน่น ดังนั้นความสัมพันธ์ของท่านและท่านอ๋องห่างไกลกันคนละโยชน์เลย วิชาคำนวณง่ายๆ เช่นนี้ ท่านไม่รู้เลยหรือ ดึกตื่นค่ำคืนเรียกร้องให้ชายหนุ่มที่ไม่ใช่พี่น้องญาติโกโหติกามากล่อมท่านเข้านอน แล้วยังเถียงคำไม่ตกฟากอีก ขนาดคนอื่นเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ยังต้องระวังความประพฤติเลย

ได้ ท่านไม่เกรงกลัวใช่ไหม งั้นพระชายาคนนี้จะสั่งให้องครักษ์สิบคนเข้ามาดูแลท่านให้ ขอคนที่น้ำเสียงไพเราะสักนิด อารมณ์ดีสักหน่อย มีน้ำอดน้ำทน สำคัญควรมีครอบครัวเป็นพ่อคนแล้ว จะได้ร้องเพลงกล่อมเด็กได้ ไปบอกพวกเขาว่า จวิ้นจู่จิ่นอวี๋ทรงหวาดผวา ให้พวกเขามาอยู่เป็นเพื่อนจวิ้นจู่เข้าบรรทม”

วันนี้ เหลิ่งชิงฮวนโกรธมากจริงๆ ดังนั้น ถ้อยคำของนางจึงไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด หากเป็นคนอื่นที่วันๆ ต้องเจอกับตัวป่วนแบบนี้ ความอดทนก็คงจะสิ้นสุดเช่นกัน

ข้าทนเจ้ามานานมากแล้ว! หน้าไม่อายขนาดนี้ วันนี้ข้าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้ประจักษ์ ดูสิว่าเจ้ายังจะหน้าด้านหน้าทนอีกไหม

จิ่นอวี๋ร้องไห้โฮเสียงดังขึ้นมา “ฮือๆ เหลิ่งชิงฮวน ท่านกล้าตบข้าเหรอ ท่านพี่ ท่านจะไม่จัดการให้ข้าหรือเจ้าคะ”

ริมฝีปากบางของมู่หรงฉีเม้มแน่น “พี่สะใภ้คนโตประดุจมารดา อบรมบ่มนิสัยให้เจ้าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางมีไม้เท้ากำราบสามีที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ มีอำนาจดูแลเรื่องต่างๆ ภายในจวน นางสามารถตีใครก็ได้”

หากเป็นคนอื่น เมื่อเสียหน้าแบบนี้ ก็คงรีบเอาตัวรอดหนีจากไปแล้ว

แต่จิ่นอวี๋คือใครกันล่ะ เรื่องอะไรก็ไร้ความสามารถ แต่เรื่องตอแหลนั้นเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เหลิ่งชิงหลาง ยามนี้เป็นเหลิ่งชิงฮวนที่ตบนาง นางไม่ยอมเลิกราง่ายๆ หรอก

นางปิดหน้าร้องไห้ปานจะขาดใจ

“ข้าเป็นถึงจวิ้นจู่ นางมีสิทธิ์อะไรมาตบข้า แม้แต่พระสนมฮุ่ยเฟยยังไม่อาจทำใจแตะต้องนิ้วมือของข้าเลย นางสิที่ไร้อางอาย ตั้งครรภ์ก่อนการสมรส เอามลทินมาแปดเปื้อนท่านพี่ของข้า นางมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งข้า”

“หุบปาก!” มู่หรงฉีตวาดอย่างเย็นชา

“ท่านพี่ ท่านตวาดข้าเพราะนางหรือ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ มีคำไหนบ้างที่ไม่จริง นางทำได้ เหตุใดข้าถึงพูดไม่ได้ล่ะ เหลิงชิงหลางก็เคยพูดไว้ว่านางจะต้องคบชู้สู่ชาย เด็กคนนี้จะใช่...”

ยังไม่ได้พูดจบ ร่างของนางก็กระเด็นปลิวออกไปตกกระทบลงบนพื้นโคลนในสวน ก่อนจะกลิ้งอีกสองสามตลบ ทันใดนั้น เสียงสะอื้นก็หยุดลงด้วยเช่นกัน

มู่หรงฉีชักมือกลับด้วยใบหน้าที่มืดหม่นราวกับรัตติกาล “ข้าตามใจเจ้า ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะใช้อำนาจบาตรใหญ่กับชิงฮวนได้ หากข้าได้ยินถ้อยคำให้ร้ายนางออกจากปากเจ้าอีก มันจะไม่จบง่ายๆ เหมือนวันนี้แน่”

ไต้มั่วตกตะลึง นางรีบร้อนวิ่งไปพยุงจวิ้นจู่ขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าฝนจะตกหนักเพียงใด “ท่านอ๋อง โปรดอภัยให้ด้วย จวิ้นจู่จิ่นอวี๋ทรงกริ้วจึงไม่ทันได้ระวังถ้อยคำ”

ในตอนแรก จิ่นอวี๋ตกใจจนพูดไม่ออก แต่เมื่อได้สติคืนกลับมา นางกลับไม่รู้สึกรู้สา ทั้งยังเชิดหน้าใส่มู่หรงฉีอย่างดื้อรั้น ใบหน้าและดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำ

“ท่านตีข้าให้ตายไปเลย อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว! ข้าจะได้ไปอยู่กับท่านพ่อท่านแม่เสียที!”

มือของมู่หรงฉีชะงักค้าง รัศมีแห่งความชิงชังที่แผ่ซ่านออกมาร่างกายค่อยๆ จางหายไปไม่หลงเหลือ

จิ่นอวี๋ยังคงพร่ำเพ้อไม่หยุด “พวกเจ้าไม่ต้องรั้งข้า ปล่อยข้าไปตายเถอะ!”

แต่สายตาที่จับจ้องไปยังมู่หรงฉียังคงวาดหวังให้เขาเข้ามาห้ามนาง นางจะได้ถือโอกาสกระโจนเข้าไปร้องไห้ในอ้อมกอดของเขา เอาให้เหลิ่งชิงฮวนกระอักเลือดตายไปเลย

แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้มู่หรงฉีจะโกรธจัดและไร้ความปรานี แต่ก็ไม่อาจทนเห็นนางร้องหาความตายเช่นนี้ได้ เขายังคงยืนลังเลอยู่ที่ประตู

เวลานี้ เหลิ่งชิงฮวนเอามือกุมหน้าท้องแล้วทรุดตัวลง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เจ็บเหลือเกิน!”

มู่หรงฉีตกใจจนหน้าถอดสีและรีบหันกลับมาโอบกอดนางทันที “เจ้าเป็นอะไรไป”

“ข้าปวดท้อง” น้ำเสียงของเหลิ่งชิงฮวนระคนไปด้วยความคับข้องใจ “ข้าเกรงว่าจะกระเทือนต่อทารกในครรภ์”

คิดว่าคนอื่นจะตอแหลไม่เป็นเหรอ

มู่หรงฉีก้มลงกอดนางอย่างรวดเร็ว สายตาเย็นชากวาดมองไปที่จิ่นอวี๋ที่กำลังทำอะไรไม่ถูก

“หากวันนี้ชิงฮวนเป็นอะไรไป เจียวจิ่น! ข้าจะให้เจ้าชำระหนี้ครั้งนี้ด้วยเลือดอย่างแน่นอน!”

เหลิ่งชิงฮวนเองก็รู้ว่ามู่หรงฉีนั้นบริสุทธิ์ใจ ท่าทางเมื่อสักครู่นี้ก็หนักแน่นและชัดเจน แต่ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจยังคงไม่จางหาย

“อายุแปดปีนี่ยังเด็กอยู่อีกหรือ ความโอบอ้อมของท่านอ๋องฉีช่างท่วมท้นเสียเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่ท่านมีหนี้รักตามเป็นพรวนเยี่ยงนี้”

นางพลิกตัวหันหลังให้มู่หรงฉีอย่างขุ่นเคือง

คนอื่นน่าสงสาร? ข้าก็น่าสงสารเช่นกัน ไม่เห็นท่านเคยทะนุถนอมอ่อนโยนกับข้าบ้างเลย

มู่หรงฉีนอนลงข้างๆ แล้วโอบนางไว้ในอ้อมแขน “งั้นข้าจะกล่อมเจ้านอนดีไหม อย่าโกรธไปเลยนะ”

เหลิ่งชิงฮวนดิ้นรนขัดขืน “ท่านถูกเนื้อต้องตัวกับสิ่งอัปมงคลมา ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ใครอยากให้ท่านกล่อมกันเล่า”

“ข้าจะร้องเพลงกล่อมเจ้าเอง”

เหลิ่งชิงฮวนลดการดิ้นรนลงเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ร้องเพลงได้ด้วยเหรอ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? นี่เป็นหัวข้อข่าวสกู๊ปพิเศษที่น่าตื่นตะลึงจริงๆ!

มู่หรงฉีที่อยู่ด้านหลังกระแอมไอเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นตบเหลิ่งชิงฮวนเบาๆ เป็นจังหวะ จากนั้นก็ร้องเพลงขึ้นเสียงเบาที่ข้างหูของนาง “เอื้อมมือไปแตะขอบผ้าน้องนาง เมฆดำลอยผ่านเนิ่นนานเหลือทน เอื้อมมือไปกอบกุมปทุมถัน ผู้คนสุขสันต์บนสวรรคาลัย...”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกหงุดหงิด นางหันกลับมาทุบเขาทีหนึ่ง “ท่านเรียนบทเพลงอนาจารเหล่านี้มาจากที่ใดกัน”

มู่หรงฉีคว้ามือของนาง “พวกกลุ่มพลทหารในค่ายน่ะ พวกเขายังชอบนั่งล้อมวงเล่นร้องเพลงหยอกล้อกันอีกด้วย ข้าก็ฟังผ่านหูมาก็เลยพอเป็นบ้าง”

เหลิ่งชิงฮวนพ่นลมหายใจเบาๆ “ฮึ ท่านร้องเพลงเช่นนี้กล่อมให้นางนอนน่ะหรือ”

“ขี้หึงจริงเชียว!” มู่หรงฉีหัวเราะเบาๆ “พรุ่งนี้ข้าจะขับนางออกจากตำหนักฉาวเทียนระบายอารมณ์ให้เจ้า ดีไหม”

เหลิ่งชิงฮวนประคองท้องของนาง “จะขับออกไปเฉยๆ ได้อย่างไรกัน นางมีพระสนมฮุ่ยเฟยคอยให้ท้ายอยู่ ส่วนข้าก็แค่กะหล่ำปลีหัวเดียวกระเทียมลีบที่ไม่มีใครรัก เลวร้ายที่สุดก็แตกหักกันไปเลย ผู้คนจะได้ไม่คิดว่าข้านั้นรังแกกันได้ง่ายๆ และมาบีบคั้นข้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา