ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 289

เหลิ่งชิงฮวนหันมาส่งสายตาให้แม่หวัง แม่หวังแอบตามไปอย่างเงียบๆ เพียงครู่เดียวก็กลับมา เข้ามาใกล้เหลิ่งชิงฮวน แล้วพูดเสียงเบา

“เป็นไปตามที่พระชายาคิดไว้เลยเพคะ เซวียอี๋เหนียงเรียกเถ้าแก่คณะละครให้พาเด็กที่อยู่ด้านหลังมารับเงินเพิ่มขึ้น เกลี้ยกล่อมให้เถ้าแก่คณะละครพูดความจริงเพคะ”

“เกลี้ยกล่อมให้พูดความจริงเรื่องอะไร?”

“เถ้าแก่คณะละครนั่นเมื่อได้รับเงินแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนทันที อะไรที่ควรพูด อะไรที่ไม่ควรพูด ต่างก็พลั่งพรูมันออกมา เขาบอกว่าเขาเห็นจริงๆ ว่าซื่ออี๋เหนียงคือนักแสดงที่เคยแสดงบทอู่ตั้นที่คณะละครของเขา สุดท้ายก็ถูกเถ้าแก่หลอกทำร้ายย่ำยี ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นก็ตั้งครรภ์ ต่อมาเมื่อท้องโตขึ้นก็ปิดไว้ไม่มิด ถูกเมียของเถ้าแก่รู้เข้า ถูกขายทิ้งไปขณะที่ตั้งครรภ์”

เหลิ่งชิงฮวนตกใจ “ไม่ได้จำผิดคนใช่ไหม?”

แม่หวังยิ้ม “ดูจากปฎิกิริยาของซื่ออี๋เหนียงแล้ว ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเพคะ ซื่ออี๋เหนียงท่านนี้ปิดปากเงียบเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองมาตลอด ทุกคนรู้เพียงแค่ว่านางถูกขายให้เป็นสาวรับใช้ให้ตระกูลจิน อย่างอื่นก็ไม่รู้เลยเพคะ คิดดูสิเพคะ กลัวว่าตระกูลจินกุมเด็กน้อยของนางไว้ในกำมือ ไม่เช่นจะเชื่อฟังตระกูลจินมากเช่นนี้ ไม่เคยกล้าฝ่าฝืนสักคํา?”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจ ทุกคนต่างมีช่วงเวลาที่ทำผิด นับประสาอะไรกับตอนที่ซื่ออี๋เหนียงเป็นเด็ก ทว่าอายุเพียงสิบสี่สิบห้า ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้มือเท้าของหัวหน้า จะต้องถูกชายแก่หลอกอย่างแน่นอน ความผิดพลาดครั้งเดียวกลายเป็นความเกลียดชังชั่วนิรันดร์ ใช้ชีวิตหลบซ่อนในเงามืดมาสิบยี่สิบปี อึดอัดจนไม่สามารถหายใจได้

ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตระกูลจินจะถูกเนรเทศ ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก เมื่อถูกเซวียอี้เหนียงกุมจุดอ่อนไว้ในมือ

“แล้วเซวียซื่อพูดอะไรอีก?”

“ดูเหมือนว่าเซวียอี๋เหนียงจะสั่งให้เพิ่มฉากละครเข้าไป เสียงค่อนข้างเบาเพคะ เถ้าแก่คณะละครก็ดูลำบากใจเล็กน้อย ไม่ค่อยเต็มใจ พูดถึงเรื่องเก่าๆ คนน่าสงสารอะไรสักอย่าง บ่าวเดาว่า เซวียอี๋เหนียงคงจะไม่ได้ฉวยโอกาสทำให้ซื่ออี๋เหนียงขายหน้าหรอกนะเพคะ?”

เหลิ่งชิงฮวนเห็นใจซื่ออี๋เหนียงผู้นี้อยู่เล็กน้อย และรู้สึกว่าเซวียซื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็ไม่มีความอดทน มีความข่มตนเล็กน้อย

ตอนนี้จวนเสนาบดีอยู่ในน้ำมือของนาง ซื่ออี๋เหนียงก็ไม่ได้มีนิสัยแก่งแย่งชิงดี ไม่ได้สร้างภัยคุกคามอะไรให้กับนาง แล้วทำไมนางถึงยังทรมานจนไม่สามารถให้อภัยคนอื่น?

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าออกไปรออยู่ท่ีด้านนอกจวนจนกว่าเถ้าแก่คณะละครจะไป เมื่อเจอเขาแล้ว บอกกับเขา ว่าเป็นคำสั่งของข้า ให้เขาแสดงงิ้วอย่างสัตย์จริง ประพฤติตัวให้ดี อย่าได้กวนน้ำให้ขุ่นมัว หาเงินอย่างมีมโนธรรม”

แม่หวังตอบอย่างสุขใจ “ซื่ออี๋เหนียงโชคดีจริงที่ได้พบกับคุณหนู”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มไม่ได้พูดอะไร นี่ก็ถือว่าเป็นการเตือนเซวียอี๋เหนียงละมั้ง เมื่อถึงเวลานั้น ยังมีแขกเหรื่ออีก นางใช้งิ้วเพื่อทำให้ซื่ออี๋เหนียงอับอายขายหน้า แสดงว่าไม่เห็นตระกูลเหลิ่งอยู่ในสายตา ครอบครัวรักใคร่ปรองดองทุกสิ่งเจริญรุ่งเรือง หากนางจงใจที่จะหาเรื่อง ตนเองที่แต่งออกไปเป็นนายหญิง ก็ไม่รังเกียจที่จะเข้ามายุ่ง

เซวียอี๋เหนียงจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็กลับไปอย่างพอใจ บังเอิญเจอกับมู่หรงฉีที่มาถึง หลังจากที่คาราวะเสร็จก็ไปเตรียมโต๊ะเพื่อรับแขก ต้อนรับลูกเขยอย่างอบอุ่น

“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะเพคะ? ที่ค่ายทหารไม่มีธุระอื่นแล้วเหรอ?”

มู่หรงฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงตัดสินใจปิดบังเหลิ่งชิงฮวน พยักหน้า “วันนี้ไม่ค่อยยุ่งน่ะ พอกลับมาดื่มสักแก้วสองแก้วกับพี่ใหญ่”

“ท่านพี่อยู่ที่ห้องหนังสือเพคะ หม่อมฉันเพิ่งจะเอาจานฝนหมึกกับแท่นทับกระดาษของสองสิ่งหายากนี้ไปให้กับเขาเอง น้องสาวของหม่อมฉันขี้คร้านจะจัดการแล้วเพคะ”

มู่หรงฉียิ้มแล้วลูบที่หัวของเธอ จากนั้นตนเองก็เดินตรงไปหาเหล่ิงชิงเฮ่อที่ห้องหนังสืออย่างคุ้นเคย

เหลิ่งชิงเฮ่อไม่คิดว่าเขาจะมากระทันหัน สั่งให้คนยกน้ำชา ถอยออกไป มู่หรงฉีก็พูดอ้ำๆอึ้งๆเรื่องที่ตนเองอยากจะหย่ากับเหลิ่งชิงหลางให้เขาฟัง

เหลิ่งชิงเฮ่อลำเอียงเหลิ่งชิงฮวน สำหรับการตัดสินใจของมู่หรงฉีนั้นตนเองไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงแต่เสนาบดีเหลิ่งนั้น จะเอ่ยปากอย่างไรก็ต้องมีวิธีการ

ในตอนแรกที่มู่หรงฉีอยากจะหย่ากับเหลิ่งชิงฮวน นั่นก็เพราะนางเป็นฝ่ายผิด เสนาบดีเหลิ่งก็เลยพูดอะไรไม่ได้

แน่นอนว่าผู้ดูแลเฉินดีใจ สามารถให้ลูกๆของตัวเองได้รู้จักหนังสือ และติดตามนายน้อยไปด้วย จะได้วางแผนหาทางออกที่ดีในอนาคต

เด็กคนนี้อายุเท่ากันกับเหลิ่งชิงเจียว แต่รูปร่างผอมอ่อนแอกว่ามาก ทุกวันจะคอยเดินตามก้นเหลิ่งชิงเจียวและเด็กรับใช้ของเขา เหมือนกับหางเล็กๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องถูกเหลิ่งชิงเจียวรังแก

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนมาถึง เด็กตระกูลเฉินนอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น ผู้ดูแลเฉินกอดเขาทั้งน้ำตา ร้องอย่างเจ็บปวดใจ

“ลูกเอ๋ย เจ้าตื่นขึ้นมาสิ เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาดนะ นี่ต้องการจะเอาชีวิตพ่อไปเลยหรือไง?”

เหลิ่งชิงฮวนเดินเข้าไป ทุกคนต่างหลีกทางให้ “พระชายาเสด็จแล้ว ผู้ดูแลเฉิน รีบให้พระชายาตรวจดูเร็วเข้า อาจจะมีหนทางรอดก็ได้”

ภรรยาผู้ดูแลเฉินตรงเข้ามา โค้งหัวโขกพื้นดัง “ปึง ปึง ปึง” ให้เหลิ่งชิงฮวน “พระชายาเพคะ ขอร้องท่าน รีบช่วยลูกของข้าที เขาช่างน่าสงสารเหลือเกินเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าสีหน้าของเด็กคนนั้นเขียวช้ำ ตาปิดทั้งสองข้าง ก็รีบก้มลงไปดู ในใจก็อดเต้น “ตึกตึก”ไม่ได้ ลมหายใจของเขาอ่อนแรง หัวใจเกือบจะหยุดเต้นแล้ว

โชคดีที่ตัวเองมาเร็ว หากช้าไปเพียงหนึ่งนาที เกรงว่าจะเป็นอันตราย เหลิ่งชิงเจียวทำไมถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้นะ?

ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคุกเข่าลงทันที วางเด็กนอนเรียบร้อย ปลดเข็มขัด ก้มลงทำซีพีอาร์และผายปอดอย่างไม่ลังเล ควบคู่ไปกับค้นหาเครื่องช่วยหายใจและเครื่องกระตุ้นหัวใจในแหวนนาโน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใส่ท่อช่วยหายใจ

ผู้คนมุงดูเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงคนรับใช้ในจวนเสนาบดี ต่างพากันมามุงดูเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก

เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนไม่รีบร้อนช่วยเหลือคน กลับกัน...มันค่อนข้างขัดต่อศีลธรรมและประเพณี แม้แต่ผู้ดูแลเฉินก็ตกใจ “พระชายา นี่ ทำเช่นนั้นไม่ได้นะขอรับ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา