ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 292

“พี่รู้สึกว่า ตอนที่จื่อชิวอยู่ต่อหน้าเจ้าก็เคารพอยู่เสมอ ไม่เคยไม่เชื่อฟังเจ้า เจ้าไม่มีทางเกลียดนางสิถึงจะถูก คนที่ฆ่าจื่อชิว น่าจะมีคนอื่นด้วย ผลสุดท้าย เจ้ากลับไปหาจื่อชิวเพื่อขอจี้หยก บังเอิญไปเห็นตอนที่นางกำลังถูกฆ่าพอดี

พี่ไม่รู้ว่า ทำไมเจ้าถึงปกปิดไม่ยอมพูดความจริงเพื่อคนผู้นั้น แต่เจ้าต้องรู้ว่าหากคนที่ฆ่าจื่อชิวนั้นรู้สิ่งที่เจ้าก่อขึ้นในวันนี้ จะต้องร้อนรนเป็นแน่ สงสัยว่าเจ้านั้นเห็นทุกอย่างถึงเรียนรู้วิธีการเช่นนี้ ไม่แน่ว่า อาจจะกลับมาหาเจ้า แล้วฆ่าปิดปากก็เป็นได้”

เหลิ่งชิงเจียวพึมพำ ไร้ซืึ่งทีท่าหวาดกลัว ดูเหมือนไม่สนใจ

เหลิ่งชิงฮวนเก็บกล่องยา “ถ้าเกิดเป็นไปอย่างที่พี่พูดจริงๆ เจ้าก็คงรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าจื่อชิว ทางที่ดีบอกท่านพ่อดีกว่านะ เจ้าจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อจับกุมคนผู้นั้นแล้ว”

“ที่แท้ที่ท่านมาหาข้า ก็เพื่อต้องการที่จะซักถามจากปากข้า ข้าไม่บอกท่านหรอก”

“เจ้าจะบอกหรือไม่บอกข้าก็ไม่เป็นไร จื่อชิวไม่ใช้เด็กรับใช้ประจำตัวข้า การตายของนางสำหรับข้าไม่ได้สำคัญอะไรนัก พี่เพียงแค่อยากจะเตือนเจ้า กลัวว่าคนๆนั้นจะทำร้ายเจ้า”

“ไม่มีทางหรอก”

“ทำไมล่ะ?” เหลิ่งชิงฮวนถามต่อ

เหลิ่งชิงเจียวปิดปากเงียบ “ข้าไม่บอกท่านหรอก อีกอย่างข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และยิ่งไม่เชื่อท่านด้วย ท่านก็แค่ต้องการจับจุดอ่อนของข้ากับท่านพี่ จากนั้นก็จะกำจัดพวกเราใช่ไหมละ?”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจ ไม่ว่าตัวเองจะทุ่มเทให้เหลิ่งชิงเจียวเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเทียบได้กับประโยคที่คนอื่นยุยง

เธอลุกขึ้นยืนอย่างจนปัญญา “ในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนี้ พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เจ้าเองก็ระวังตัว ออกห่างจากคนพวกนั้น อีกอย่าง เจ้าหิวหรือไม่?”

เหลิ่งชิงเจียวทำปากสัมผัสรสชาติ ท้องว่างเปล่า ก็กระหายน้ำเล็กน้อย อยากจะดื่มชานมครั้งก่อนที่เหลิ่งชิงฮวนเอามาให้มาก แต่ก็พูดไม่ออก ปากแข็งตอบกลับไป “ไม่หิว”

เหลิ่งชิงฮวนเปลี่ยนลูกเล่น หยิบขนมออกมาจากในแขนเสื้อ วางไว้ข้างหมอนของเขา “แอบหยิบมาให้เจ้า จำไว้นะอย่าให้ท่านพ่อเห็นเป็นอันขาด”

หันกลับไปเปิดประตูแล้วเดินออกไป

มู่หรงฉีไม่วางใจเป็นอย่างมาก พิงเฝ้าประตูอยู่ตลอด เมื่อเห็นนางออกมา จึงเดินออกไปข้างนอกโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

เหลิ่งชิงฮวนตามไป “ที่พวกเราพูดกันนั้นท่านคงได้ยินหมดแล้ว?”

มู่หรงฉีพยักหน้า

“ท่านคิดว่าอย่างไรเพคะ?”

“ข้าคิดว่า เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น ตกใจกลัวจนจับไข้ แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอันตรายต่อเขาเลย นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่แปลกประหลาด”

เหลิ่งชิงฮวนกัดริมฝีปากล่างเบาๆ “หม่อมันเดาไม่ออก ว่าในจวนเป็นใครกันแน่ สามารถทำให้เขาเชื่อใจได้เพียงนี้ไม่กลัว แถมยังต้องใช้ความพยายามในการปกปิดอีก?”

“เขาเองได้ให้คําตอบแก่เจ้าแล้ว ในโลกนี้ คนที่ดีกับเขาจริงๆ มีเพียงจินซื่อและเหลิ่งชิงหลาง”

“แต่จินซื่อนั้นถูกเนรเทศ เหลิ่งชิงหลางเองก็ถูกกักบริเวณอยู่ที่หมู่บ้านชนบท จะยื่นมือเข้ามาในจวนได้อย่างไรเพคะ? ฆ่าคนไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะเพคะ”

“นางใช้ชีวิตอยู่ในจวนนี้มาตั้งหลายปี จินซื่อก็เป็นคนมีความสามารถ ทำไมจะไม่มีแม้แต่คนสนิทล่ะ? หากเอาจุดอ่อนของผู้อื่นมาข่มขู่ฆ่า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

เหลิ่งชิงฮวนชะงักฝีเท้า “แม้ว่าจื่อชิวจะขัดหูขัดตาเหลิ่งชิงหลาง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลำบากเอาชีวิตนางเลยนี่เพคะ? ทำไมถึงเลือกลงมือทำในจวนล่ะ?”

มู่หรงฉีส่ายหน้า “ก็เหมือนกับที่เจ้าว่า ลงมือในจวน นางก็สามารถหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ การตายของจื่อชิวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงสมองขนาดนี้”

“แต่พอนึกถึง ในจวนมีฆาตกรใจโหดหลบซ่อนอยู่ที่นี่ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาอาจจะลงมือกับคนอื่นอีกล่ะเพคะ?”

เหลิ่งชิงฮวนอัดอั้นไปด้วยความกังวลใจ ไม่สามารถปล่อยวางได้

ซื่ออี๋เหนียงเดินเข้าไป นั่งลงข้างเขา พูดอย่างอ่อนโยน “แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ยังไงก็ต้องกินข้าว ท่านอายุก็มากแล้ว สู้เด็กๆไม่ได้ ที่หิวโซสองมื้อก็ไม่เป็นอะไร”

เสนาบดีเหลิ่งถอนหายใจออกมายาวๆ “กินไม่ลงจริงๆ ความว้าวุ่นมันอัดอั้นตันใจไปหมด”

“หรือว่าท่านเสนาบดีคิดถึงฮูหยิน?”

เสนาบดีเหลิ่งยกมือขึ้นนวดขมับ “แม้ว่าเรื่องที่นางทำร้ายชิงเฮ่อนั้น มีความผิดจริง แต่ว่า คู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ก็ยังคงมีีความผูกพันธ์กันอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าทำผิดต่อนางจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะปีนั้นข้าละโมบในอำนาจ ปกปิดเรื่องสถานะของนางและชิงเฮ่อสองแม่ลูก ทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้น? เมื่อคิดดูแล้ว ก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ

หลังจากที่นางจากไป ข้าสัญญากับนางว่าจะดูแลชิงเจียวให้ดี ให้นางวางใจ ใครเลยจะไปรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เด็กคนนี้ ถ้าสั่งสอน ข้าก็ใจดำไม่ลง ไม่สั่งสอน ก็กลัวว่าจะต้องยอมแพ้”

ซื่ออี๋เหนียงเอื้อมมือไปจับมือเสนาบดีเหลิ่งอย่างแผ่วเบา “ชิงเจียวก็แค่เด็กคนหนึ่ง ยิ่งเป็นช่วงวัยที่ซุกซนไม่เชื่อฟังระเบียบวินัยที่สุด เมื่อโตขึ้นอีกหน่อยก็จะเข้าใจ ท่านเสนาบดีไม่ต้องเป็นกังวลใจไป”

เสนาบดีเหลิ่งพูดอย่างเศร้าใจ “ก็เป็นเจ้าที่สามารถเข้าใจความคิดของข้า ปรับทุกข์กับเจ้าได้ เซวียอี๋เหนียงนั้น ไม่สามารถเอ่ยถึงได้แม้แต่คําเดียว นางแสดงออกอ้อมค้อมอยากให้ข้าเขยิบสถานะให้นาง ไม่สนใจชิงเจียวเลยสักนิดเดียว ข้ามองดูแล้วว่า ไม่ใช่คนที่ใจกว้าง”

ซื่ออี๋เหนียงเงียบไป “ชิงเจียวนั้นจู่ๆก็ไม่มีแม่ให้คอยคุ้มครอง เห็นแล้วก็น่าสงสาร นิสัยเปลี่ยนไปมาก มีเรื่องอะไรก็ชอบที่จะเก็บงำไว้ในใจ หม่อมฉันเดาว่า ที่เขาทำแบบนี้อาจเป็นเพราะความเหงา จงใจที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นได้

เขาสนิทกับพี่คนรอง ไม่เช่นนั้นไปเชิญคุณหนูรองกลับมาอยู่ที่จวนสักสองวัน ให้พวกพี่น้องได้พูดคุยกัน อบรมสั่งสอนเสียหน่อย บางทีนิสัยพวกนี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้นะเพคะ”

เสนาบดีเหลิ่งพยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล แต่ได้ยินว่า ชิงหลางถูกท่านฉีอ๋องส่งตัวไปที่หมู่บ้านชนบท ต้องทํำความผิดอะไรแน่ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจที่จะสอบถามท่านฉีอ๋องกลัวทั้งสองฝ่ายจะอับอาย ถ้าบุ่มบ่ามไปรับนางกลับมา จะเหมาะสมหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ว่าที่จวนเชิญคณะละครมาพอดี ให้พวกนายหญิงกลับมาชมละคร สมเหตุสมผล ไม่งั้นให้คุณชายใหญ่ออกหน้าไปรับแทน เขากับท่านอ๋องสนิทสนมกัน น่าจะพูดง่ายกว่า”

ในใจของเสนาบดีเหลิ่งก็สว่างวาบขึ้นมาทันที เหลิ่งชิงหลางและเหลิ่งชิงเจียวนั้นสนิทกัน สองพี่น้องพูดคุยกัน หากเหลิ่งชิงหลางกลับมาดูแล ตนเองเบาใจขึ้น ทันใดน้ันก็ให้คนไปตามเหลิ่งชิงเฮ่อมา แล้วสั่งกำชับแบบนี้

เหลิ่งชิงเฮ่อรู้สึกว่าการที่ให้เหลิ่งชิงหลางมาอยู่เฝ้าชิงเจียวนั้นจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ท่าทีของท่านเสนาบดีนั้นหนักแน่น ประกอบกับเรื่องที่มู่หรงฉีมาของร้องตน ก็ได้ตกปากรับคำไปแล้ว รับปากว่าวันรุ่งขึ้นจะไปปรึกษากับมู่หรงฉี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา