ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 325

พระสนมฮุ่ยเฟยยิ่งฟังก็ยิ่งหวาดกลัว นางถอยหลัง มือเท้าเย็นเฉียบ “ตอนนี้นักพรตเต๋าเทียนอีไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ข้าควรทำอย่างไรดี? ฉีเอ๋อร์ของข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่ได้ ข้าต้องไปบอกฉีเอ๋อร์ในรีบไล่นางออกไปจากจวน!”

“ท่านพี่ไม่เชื่อหรอกเพคะ” จิ่นอวี๋หยุดนาง “หม่อมฉันเพียงกล่าวเตือนเพียงไม่กี่คำก็ถูกทุบตีจนมีสภาพเช่นนี้ เขาถูกเหลิ่งชิงฮวนใช้อาคมจนไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้นเพคะ”

“แต่จะให้ข้านั่งดูเฉยๆ ไม่ได้!”

“เหลิ่งชิงฮวนใช้คาถาปีศาจ พวกเราก็แค่คนธรรมดาจะไปสู้อะไรนางได้เพคะ? หากต้องการจะกำจัดนางทำไมพระนางถึงไม่เชิญผู้มีวิชามาทำลายวิญญาณของนางล่ะเพคะ แค่นี้ก็เปิดเผยความจริงได้แล้ว”

“งั้นเจ้าก็ว่ามาสิ ว่ายายหลิงมีวิธีอะไรจัดการกับเหลิ่งชิงฮวนได้บ้าง”

จิ่นอวี๋ส่ายหน้า “ตอนนี้ยายหลิงกำลังถูกคนของเหลิ่งชิงฮวนไล่ล่า นางจึงต้องหลบซ่อนตัวอยู่ทางทิเบต นางจะกล้าโผล่หน้าออกมาได้อย่างไรเพคะ? วันนี้เหลิ่งชิงฮวนก็ใช้ของประหลาด ซ้ำยังพาคนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไปค้นดูห้องของยายหลิง ดูเหมือนคิดจะใช้อาคมจัดการยายหลิงเพคะ”

“ถ้ายายหลิงตายอยู่ในน้ำมือนาง ใครจะกล้ายั่วยุเหลิ่งชิงฮวนเพคะ? ส่วนเรื่องรักษาดวงตาหม่อมฉันเกรงว่าคงจะกลายเป็นเรื่องยากเสียแล้ว”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ยายหลิงอยู่ที่ไหน”

จิ่นอวี๋พยักหน้า “หม่อมฉันรู้ว่านางซ่อนตัวอยู่ที่ไหนเพคะ”

พระสนมฮุ่ยเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ให้ยายหลิงเข้าไปซ่อนตัวในตำหนักเจียนเจียของข้า ดูสิว่าเหลิ่งชิงฮวนจะกล้าทำอะไรไหม”

“แต่ท่านพี่…”

“แน่นอนว่าข้าจะปล่อยให้เขาอยู่เคียงข้างเหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ ข้าจะขอให้ฝ่าบาทคิดแผนการส่งตัวฉีเอ๋อร์ออกไปจากเมืองหลวงเพื่อป้องกันตัวเอง เจ้าเด็กโง่ เรื่องใหญ่เช่นนี้ทำไมไม่รีบบอกข้า”

"หม่อมฉันเกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อที่หม่อมฉันพูด ท่านพี่ก็สั่งให้คนมาคอยจับตาดูหม่อมฉัน ถ้าวันนี้พระนางไม่มาที่นี่ก็ไม่รู้ว่าจิ่นอวี๋จะโดนใส่ร้ายถึงขั้นไหนเพคะ"

“เช่นนั้นเจ้ากลับไปที่วังพร้อมกับข้าเถอะ ข้ากลัวเหลิ่งชิงฮวนจะทำอะไรไม่ดีกับเจ้า”

จิ่นอวี๋ส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “หม่อมฉันเป็นห่วงท่านพี่เพคะ หม่อมฉันอยากอยู่ข้างกายท่านพี่”

พระสนมฮุ่ยเฟยถอนหายใจเบาๆ “น่าเสียดายที่ฉีเอ๋อร์ไม่เข้าใจความอุตสาหะของเจ้า? ยังไม่สายเกินไป ข้าจะกลับวังทันที เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้”

จิ่นอวี๋เช็ดน้ำตาและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “พระสนมฮุ่ยเฟยวางใจเพคะ ขอเพียงแค่หม่อมฉันอยู่ข้างกายเขาไม่ว่าเขาจะเข้าใจผิดมากเพียงใด จิ่นอวี๋ก็จะไม่โกรธเพคะ”

พระสนมฮุ่ยเฟยกังวลมาก นางรีบกลับไปที่วังทันที

นางคิดเรื่องนี้ตลอดทางเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าเหลิ่งชิงฮวนเป็นบุตรีของจวนมหาเสนาบดี หากสั่งคนให้ไปจัดการนางก็จะทำให้มหาเสนาบดีเหลิ่งขุ่นเคือง ซ้ำยังทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับลูกอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากกลับมาถึงวังนางก็ไปหาฮ่องเต้ทันทีโดยไม่ลังเล และอ้าวชื่อของมู่หรงฉี กล่าวว่าเขาอาสานำกองทหารไปยังเมืองติ้งโจวเพื่อปราบปรามกลุ่มโจร

เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็ทรงพอพระทัย

มู่หรงฉีผู้ไร้ความสามารถคนนี้ถึงขั้นยอมย้ายออกจากจวนอ๋องฉีไปอยู่หมู่บ้านนอกเมืองเพื่อให้เหลิ่งชิงฮวนยกโทษให้ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าบุตรของเขาช่างให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ แต่ตอนนี้พอรู้ว่าเขายังคงห่วงใยในกิจการของรัฐก็รู้สึกเบาใจ ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรก็ตอบตกลงทันทีพร้อมทั้งออกฎีกาสั่งให้มู่หรงฉีนำกองกำลังเดินทางไปปราบปรามกลุ่มโจรในวันรุ่งขึ้นทันที

มู่หรงฉีผู้น่าสงสารพยายามเกลี้ยกล่อมเหลิ่งชิงฮวนให้เปลี่ยนใจ และเมื่อเขากลับมาที่จวนยังไม่ทันจะได้อุ่นเตียงก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว

ทั้งคู่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มู่หรงฉีคิดเพียงว่าเขาอาจจะทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจจนคิดจะฝึกฝนเขา

แม่หวังออกไปรายงาน แต่จิ่นอวี๋กลับยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน

“ท่านพี่ จิ่นอวี๋มาเพื่อขอโทษเพคะ พรุ่งนี้ท่านก็จะเดินทางแล้ว หรือจะไม่ยอมเจอหน้าจิ่นอวี๋สักนิดเลยหรือเพคะ”

มู่หรงฉีกดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ “ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เดิมทีข้าก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับมันอยู่แล้ว เพียงแค่เจ้าเลิกคิดร้ายต่อผู้อื่นและเก็บตัวอยู่ในตำหนักซีสยา ข้าไม่อยู่ในจวนก็หวังว่าเจ้าจะไม่มาหาเรื่องเหลิ่งชิงฮวนถึงที่ตำหนักฉาวเทียน”

จิ่นอวี๋ที่อยู่ด้านนอกเงียบกริบ “ได้เพคะ จิ่นอวี๋จะเชื่อฟังท่านพี่ ในเมื่อพระชายาไม่ชอบหม่อมฉันก็จะไม่มาที่นี่อีก จิ่นอวี๋มีชุดเกราะที่เคยทำให้ท่านพี่แต่ยังไม่มีโอกาสได้มอบให้ วันนี้จึงนำมามอบให้ท่านพี่ หวังว่าท่านจะเดินทางโดยสวัสดิภาพและกลับมาโดยเร็ววันเพคะ”

มู่หรงฉีพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น เอากลับไป”

“เช่นนั้นจิ่นอวี๋ก็จะวางไว้ข้างหน้านี้ ท่านพี่อย่าลืมรับไปด้วยนะเพคะ เดี๋ยวพระชายาเห็นเข้าจะพาลไม่ชอบเอา”

นางวางถุงผ้าที่บรรจุชุดเกราะไว้หน้าประตู น้ำตานองหน้า ก่อนจะถูกไต้มั่วพยุงกลับไป

โตวโตววิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อรายงานเหลิ่งชิงฮวน เหลิ่งชิงฮวนยืนกอดอกอยู่ที่ประตูห้องครัวจ้องมองไปที่ จิ่นอวี๋จวิ้นจู่ผู้ไม่ย่อท้อก่อนจะจิ๊ปาก

สตรีผู้อ่อนโยน มีน้ำใจ มีคุณธรรม ผู้ใดได้เป็นคู่ครองย่อมอยู่เย็นเป็นสุข

เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้วิธีทำอาหาร ไม่รู้วิธีเย็บปักถักร้อย ไม่ต้องพูดถึงชุดเกราะ แม้แต่ชั้นในเธอยังเย็บออกมาเป็นสองสามรูได้ มู่หรงฉีต้องไม่ชอบเธอแน่ๆ หรือไม่ก็คงเอาแต่ถามว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่า?

เธอมองดูของดีที่เธอเพิ่งทำในมือ และหัวใจของเธอก็เริ่มคิดแผนการอีกครั้ง

ทำมาไม่ทำกลับถือเป็นการเสียมารยาท น้ำใจของจิ่นอวี๋จวิ้นจู่นั้นยากจะปฏิเสธเธอควรจะ “ขอบคุณ” นางไหม? ให้นางรู้ว่าหากไม่มีเรื่องอะไรก็อย่ามาเอาใจบุรุษ มันจะดูไม่ดีเอาได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา