ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 346

เหลิ่งชิงฮวนอารมณ์ดีมากจึงไม่ถือสาหาความอะไรอีก อีกทั้งยังเก็บหมั่นโถวที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วลอกเปลือกออกวางไว้ด้านข้าง จากนั้นเธอก็หย่อยก้นลงตรงหน้าฮุ่ยผินและเริ่มสั่งสอนเธออย่างจริงจัง

“หม่อมฉันจำได้ว่ามีคนเคยสอนหม่อมฉันว่า เป็นผู้หญิงน่ะ ในฐานะที่เป็นภรรยาแล้วต้องใจกว้าง ต้องอ่อนโยนและเอาใจใส่ ต้องคิดเพื่อสามีของตัวเองทุกอย่าง และมีหน้าที่หลักในการมีทายาท ถ้ามีคนอยู่ข้างกายสามีมากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้นเพื่อที่จะได้ดูแลสามีได้มากขึ้น”

เธอพูดไปสองประโยคฮุ่ยเฟยก็โมโหขึ้นมา “เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ข้าอยู่กับเขามาตั้งแต่อายุสิบหก และพยายามอย่างยากลำบากในการให้กำเนิดฉีเอ๋อร์ให้เขา ใจของข้ามีแค่เขาคนเดียว ข้ามองเขาเป็นโลกทั้งใบของข้า พวกเราเป็นสามีภรรยามาหลายสิบปี แต่ว่าตอนนี้ที่ข้ากำลังลำบาก เขาไม่เห็นใจก็ช่างแต่กลับยกย่องผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา

เจ้ารู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นมีชาติกำเนิดเป็นอย่างไร นางเป็นแค่นางรำที่เสด็จลุงรองมอบให้มาเป็นของเล่น! เสด็จลุงรองมีจิตใจคิดไม่ดีอยู่ตลอด ฮ่องเต้เองก็กำลังระวังเขาอยู่ ใครจะรู้กันล่ะว่าจะโดนอุบายสาวงามเล่นงานเข้าให้แล้วจนถึงกับต้องกระพือข่าวออกไปจนแทบจะรอไม่ไหวให้คนทั้งโลกรู้แบบนี้ ตอนที่พวกเราท้องตอนนั้นยังไม่เคยเห็นเขาดีใจแบบนี้เลย...”

เธอพูดมาได้แค่ครึ่งเดียวก็ร้องไห้ออกมา

เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “ดังนั้นท่านก็เลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงมู่หรงฉีออกมาให้เป็นแบบเสด็จพ่อของเขาใช่ไหมเพคะ เพื่อให้หม่อมฉันได้ลิ้มรสประสบการณ์ที่พระองค์เคยได้รับอีกครั้ง”

“ผู้ชายจะมีเมียสักสองสามคนก็ไม่...” เธอพูดได้แค่ครึงเดียวก็พูดต่อไปไม่ได้แล้ว เธอตบหน้าตัวเอง

เหลิ่งชิงฮวนพูดออกมาเสียงอ่อนว่า “ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน ฮ่องเต้เองก็มีพระสนมมากมาย ในเมื่อท่านคิดว่าสวรรค์กำหนดมาแล้วงั้นทำไมถึงได้พยายามอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้กันล่ะเพคะ ตัวท่านเองก็รู้ว่าการที่ผู้ชายที่ท่านรักอย่างสุดหัวใจไปอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่นนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไร ดังนั้นไม่ต้องมายัดเยียดให้หม่อมฉัน

หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่เชื่อฟังคำสองของพวกท่าน ที่ต่อหน้าคนอื่นก็ยิ้มแย้มแต่ลับหลังก็มาร้องไห้ หม่อมฉันไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อีกอย่างท่านคิดว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเสด็จพ่อเป็นคนดีทั้งหมดหรือเพคะ เสด็จพ่อไม่เคยอึดอัดจากการแข่งขันกันของเหล่านางงสนมหรือเพคะ

หม่อมฉันมั่นใจว่าหม่อมฉันสามารถดูแลจวนอ๋องให้กับมู่หรงฉีคนเดียวได้โดยที่เขาไม่ต้องกังวลใจเพื่อให้เขาสามารถทำงานได้อย่างแท้จริงเพคะ ถ้าหากว่าเขามีใจเป็นอื่นแล้วและคิดที่จะมีคนอื่นหม่อมฉันเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเพคะ แต่วันนี้ท่านเองก็เห็นแล้วว่าเขาไม่ยอมกลับบ้านเพราะจิ่นอวี๋กับเหลิ่งชิงหลาง อีกทั้งยังเหินห่างกับท่าน จำเป็นด้วยหรือเพคะ”

ฮุ่ยเฟยโกรธจนถลึงตาใส่เธอ “ข้าพูดหนึ่งประโยค เจ้าตอบกลับสิบประโยค เจ้าเห็นข้าเป็นตัวตลกใช่ไหม”

เหลิ่งชิงฮวนเงียบปากไป

ร้องไห้สิ อยากร้องก็ร้องออกมาเลย

ฮุ่ยเฟยร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หยุดร้องไปเอง อย่างที่ไม่ต้องมีใครห้าม นางร้องไห้จนหมดอารมณ์และหมดแรงไปแล้ว

นางลืมตาขึ้นก็เห็นเหลิ่งชิงฮวนกำลังนอนเล่นกับลูกที่อยู่ในท้องอยู่บนเตียง

เหลิ่งชิงฮวนเปิดหน้าท้องออกครึ่งหนึ่งแล้วใช้นิ้วจิ้มลงไปหน้าท้อง “เลิกนอนได้แล้ว ตื่นขึ้นมาสิ ไม่รู้หรือไงว่าแม่ของเจ้ากำลังเบื่ออยู่ พวกเรามาคุยกันสักเดี๋ยวเถอะ”

จากนั้นที่หน้าท้องของนางก็มีการเคลื่อนไหวจริงๆราวกับกำลังตอบรับ

นางตั้งท้องกับมู่หรงฉีและสัมผัสได้ถึงความสุขและความแปลกใหม่ในการกำลังจะเป็นแม่คน พอคิดๆดูแล้วก็เหมือนกันว่าตั้งแต่ที่เหลิ่งชิงฮวนตั้งท้องมาตัวนางเองก็ไม่เคยสนใจถามและไม่เคยใส่ใจเลย

นางก็ไม่รู้จะเริ่มพูดถึงเรื่องนี้เองอย่างไรจึงเม้มปาก “ท้องกลมแบบนี้เกรงว่าจะเป็นลูกสาว”

เหลิ่งชิงฮวนขยี้ตาและพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ผิดแล้วเพคะ เป็นลูกชาย”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

ครั้งนี้ท่านคงมองผิดไปแล้วล่ะ

ฮุ่ยเฟยถือรูปภาพเอาไว้อย่างไม่ยอมวางและมองทารกน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยในท้องของเธอที่มีอายุกี่เดือนดูไม่ชัดเจนจนเหมือนกับลูกลิงตัวหนึ่งมีอะไรน่าดูกัน

ฮุ่ยเฟยจ้องภาพไปมาก็หันไปวางมือลงบนท้องของเหลิ่งชิงฮวน และยกมือขึ้นพร้อมกับลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา “ก้นของเด็กน่าจะอยู่ตรงนี้ ส่วนตรงนี้เป็นส่วนหัว โอ้ ทักทายย่าของเจ้างั้นหรือ นี่ต้องเป็นเท้าเล็กๆของเจ้าแน่ที่ถีบข้า แรงเยอะเสียจริง”

เหลิ่งชิงฮวนเพิ่งที่จะรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไป เธอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูและทำตัวไม่ถูก ต่อมาก็ไม่รู้ว่าเป็นตอนไหนที่ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกัน อีกทั้งยังคุยกันอย่างออกรส

บุคคลที่อยู่ในบทสนทนานอกจามู่หรงฉีแล้วก็คือเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้อง

“ตอนที่ฉีเอ๋อร์ยังเล็กน่ะซนสุดๆไปเลย โดยเฉพาะเรื่องชอบแกล้งคนอื่น มีครั้งหนึ่งที่เขาก่อเรื่องใหญ่ขึ้น เขาไปแอบฉี่ลงในกาน้ำชาของท่าราชครู จนท่านราชครูไปฟ้องฮ่องเต้ ฮ่องเต้โกรธมาจึงต้องย่อมลงโทษเขาและสั่งให้คนลากเขาไปโบย ไทเฮาไปขอร้องก็ไร้ประโยชน์

ตอนนั้นเขาเพิ่งจะห้าขวบ เขาถึงกับชักดาบขององครักษ์ออกมาต่อหน้าทุกคน จากนั้นเขาก็ดึงกางเกงลงแล้วคิดจะหั่นของเจ้าปัญหานั่นทิ้งเพื่อที่จะไม่ต้องถูกโบย

ผู้คนที่อยู่ในตอนนั้นตกใจกันทำตัวไม่ถูก ยังดีที่ท่านตาของเขายังมมือไวเอากระบี่ออกไปได้ทัน ท่านราชครูเองก็ไม่กล้าฟ้องอีกต่อไปแล้วและไม่กล้าบ่นเขาอีก ได้แต่ยอมรับความโชคร้ายของตัวเองและกลับไปอย่างช้ำใจ ในเวลานั้นท่านตาของเขามองไปที่เขาแล้วบอกว่าเขาเก่งมาก”

เรื่องนี้ทำให้เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกตลกจนหัวเราะจนตัวโยน และคิดไม่ถึงว่ามู่หรงฉีที่ทำหน้าตายอยู่ตลอดเวลาในตอนนี้นั้นกลับมีเบื้องหลังที่น่าตลกแบบนี้

“ถ้าหากว่าในภายภาคหน้าลูกของข้าซนเป็นลิงแบบนี้ คอยดูเถอะว่าข้าจะฟาดเขาให้ก้นลายแน่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา