ฝีเท้าของเหลิ่งชิงฮวนหยุดชะงักลง กระพริบตาไปทางอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าหากลืมตาขึ้นมาอีกครา อีกฝ่ายก็อาจจะหายไป “ฟิ้ว”
มู่หรงฉียิ้มมุมปากอย่างช้าๆ “กระไร มิรู้จักข้ารึ?”
เหลิ่งชิงฮวนวิ่งพลางอ้าแขนทั้งสองข้างราวกับนกที่กำลังจะโบยบินไปทางเขาอย่างเป็นสุข
มู่หรงฉีเคลื่อนเข้าไปรับนาง จ้องมองท้องของนางอย่างระมัดระวัง กลัวว่านางจะพุ่งเข้ามาชนกับตนโดยมิกลัวว่าจะได้รับอันตรายใดๆ แล้วกระเด็นออกไปราวกับลูกบอล “ระวัง ช้าลงหน่อย”
ร่างอวบๆ ของเหลิ่งชิงฮวนพุ่งเข้ามาในอ้อมแขน แล้วก็ “จุ๊บ” ไปที่หน้าของเขา
ก่อนจะเบือนหน้าแล้วถุยออกมา “ถุ้ยๆ ๆ ” สากปากเสียจริง นี่มิได้ล้างหน้ามากี่วันแล้ว
มู่หรงฉีหัวเราะ “ฮึๆ ” เบาๆ “ข้ารีบมาหาเจ้า ฝุ่นผงตลบอบอวลตลอดทาง ยังมิมีเวลาไปล้างหน้าเลย”
เหลิ่งชิงฮวนทำหน้าตาเหยเก “ท่านเดินทางไปไกลแค่ไหนกัน ในทรายมีกลิ่นพริกจนหายใจมิออก”
“ได้ยินมาว่ามีใครบางคนคิดถึงข้ามากจนกินมิได้นอนมิหลับ ร่างกายอ่อนแรง ข้าก็เลยทิ้งกองกำลังทหาร รีบเดินทางกลับมาทั้งวันทั้งคืนอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อคืนข้าก็มิได้พักเลย รุ่งสางวันนี้ก็ยิ่งมิต้องพูดถึง แต่ว่า...”
เขาแสร้งทำเป็นมองไปยังเหลิ่งชิงฮวน “เหตุใดจึงรู้สึกว่าเจ้ามิได้ผอมลง แต่ยังกลมเป็นลูกเดียวเช่นนี้ล่ะ มิใช่สิ สองลูกเลย”
เหลิ่งชิงฮวนถลึงตาใส่เขาอย่างมิสบอารมณ์ “พอเจอหน้ากันก็มิได้จริงจังกระไร ท่านรู้หรือไม่ว่าเสด็จพ่อเรียกท่านกลับมาเพราะมีเรื่องน่ะ”
“ข้ารู้แล้ว” มู่หรงฉีส่ายหน้าอย่างจำใจ “ข้าลอบสืบมานาน แต่ก็ถูกเจ้าเปิดเผย”
“ท่านรู้ได้เยี่ยงไร ไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อมารึ?”
มู่หรงฉีส่ายหน้า “พอเข้ามาในวัง ข้าก็แอบมาหาเจ้าก่อน มิได้มิเวลาไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อหรอก เป็นตี้ทิงเว่ยต่างหากที่ส่งข่าวให้ข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว”
เหลิ่งชิงฮวนเบะปาก “ถ้าเช่นนั้นท่านก็รีบไปเถอะ มิเช่นนั้นหากเสด็จพ่อทรงทราบเข้า ก็จะเอารัดเอาเปรียบกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนจับจุดอ่อนท่านได้”
มู่หรงฉียิ้มบางๆ “เอาเปรียบรึ? เจ้าพูดถึงเสด็จพ่อหรือ?”
“เหตุใดจะมิใช่ล่ะ?” เหลิ่งชิงฮวนเพิ่งจะนึกถึงการคาดเดาของตน และวางมาดขรึม “หม่อมฉันขอบอกท่านไว้เลยว่า เสด็จพ่อของเราเป็นตาแก่ที่แย่มาก! เขา...”
มู่หรงฉีก้มหน้าใช้ริมฝีปากอุดปากนางเอาไว้ ทำให้นางต้องกลืนประโยคหลังเข้าไป
มิแม้แต่จะบอกกล่าว เล่นจู่โจมแบบมิทันได้ตั้งตัว
เหลิ่งชิงฮวนผลักเขาอย่างแรง ที่วังหลังแห่งนี้ มีผู้คนเดินไปมา หากถูกคนเห็นเข้าจะน่าอายเพียงใด จะมามีอารมณ์ทุกที่ทุกเวลาเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไรกัน?
มู่หรงฉีกลับผละจากนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มไปยักคิ้วหลิ่วตาให้นาง เห็นได้ชัดว่ามีความนัยแอบแฝงอยู่
มีคนกระแอมไอขึ้นมาจากทางด้านหลัง เหลิ่งชิงฮวนได้ยินดังนั้นจึงตกใจจนอดตัวสั่นเสียมิได้
ทุกคราที่ตนพูดว่าร้ายผู้ใดลับหลัง ก็มักจะถูกจับได้เสมอ และครานี้ก็เลวร้ายยิ่งกว่า ถูกฝ่าบาทได้ยินได้เยี่ยงไรกัน
นางยิ้มแหยหันหน้าไปหาและฉีกยิ้มให้ชายชราผู้เป็นฮ่องเต้อย่างฝืนๆ เล็กน้อย “เสด็จพ่อ...”
หลังจากพูดออกไปได้เพียงสั้นๆ ก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง มิได้มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้น แต่ยังมีเสิ่นหลินเฟิงและเหลิ่งเซียงด้วย
เหลิ่งชิงฮวนและมู่หรงฉีทั้งสองต่างถูกล้อจนใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ
มู่หรงฉีเปลี่ยนเรื่องอย่างรีบร้อน “ชิงฮวนเพียงแค่เร่งให้ลูกเดินหน้าไปรายงานเสด็จพ่อเรื่องปราบปรามกลุ่มโจรติ้งโจว แต่ใช้คำพูดมิเหมาะสม”
ฮ่องเต้โบกมือ “เรื่องปราบปรามกลุ่มโจรน่ะมิต้องรีบร้อน พวกข้ารีบร้อนมาหาเจ้า ประการที่หนึ่งคือเหลิ่งเซียงที่อยากมาดูลูกสาวของเขา ประการที่สองก็คือมีเรื่องน่าปวดเศียรเวียนกบาลในท้องพระโรง”
มู่หรงฉีกลับมาจริงจังในทันที “ใช่เรื่ององครักษ์เฟยอิงหรือไม่?”
ฮ่องเต้พยักหน้า “หลินเฟิง บอกเรื่องที่เจ้าตรวจสอบมาให้อ๋องฉีได้รู้ที”
เสิ่นหลิงเฟิงเงยหน้าขึ้น “เมื่อสองสามวันก่อน ได้รับสั่งจากฝ่าบาทให้ไปสืบหาตำแหน่งขององครักษ์อินทรีในหมู่ของเจ้าหน้าที่ในฉางอัน และก็มิรู้ว่าข่าวคราวนั้นรั่วไหลมาจากแห่งหนใด องครักษ์อินทรีได้ข่าวล่วงหน้า เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ต่างหลบหนีเงียบหาย แทบจะชั่วข้ามคืนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เบาะแสถูกตัดขาด”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ ข้อแรก เห็นได้ชัดว่าองครักษ์อินทรีสมรู้ร่วมคิดกับหนานจ้าวจริงๆ มีใจคิดจะกบฏและทรยศ ข้อที่สอง องครักษ์อินทรีเป็นพวกที่มีวิธีการเหนือคนทั่วไป
ข้าสั่งให้เสิ่นหลินเฟิงสืบคดีนี้ และทั้งหมดก็ต่างดำเนินการสืบสวนอย่างลับๆ คนนอกมิมีทางรู้ได้ แต่องครักษ์อินทรีสามารถรับรู้ข่าวล่วงหน้าได้เช่นกัน ถ้ามิได้มีหูตาอยู่ใกล้ๆ ข้า ก็เป็นตอนที่จินซ่างซูกับเสิ่นหลินเฟิงร่วมกันตรวจสอบ ข่าวจึงรั่วไหลไป”
เสิ่นหลินเฟิงมิกล้าโต้แย้ง
ฮ่องเต้ยังคงพูดด้วยเสียงเข้มต่อไป “ตอนนี้มิได้มีโอกาสหาเบาะแสที่มีค่าเท่าไหร่นัก การสืบสวนของหลินเฟิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากยากแค้น ข้าได้ยินชิงฮวนพูดว่าเจ้ากำลังไล่ตามองครักษ์อินทรีอยู่ ฉะนั้นเรื่องนี้เจ้าคิดว่าเยี่ยงไร”
“ลูกทำการสืบลับๆ มาเป็นปี เบื้องต้นได้ควบคุมเกี่ยวกับสถานที่ที่องครักษ์อินทรีปรากฏตัวในหลายแห่ง การจับกุมพวกกองทัพมิเป็นโล้เป็นพายในคราวเดียวก็มิใช่ปัญหา แต่ทว่ามิกล้ากระทำอันใดผลีผลามบุ่มบ่าม เพราะเจ้าสำนักของพวกเขามิเคยปรากฏตัวเลย
ดังคำที่กล่าวว่า กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องจัดการในทันทีก็คือการจับกุมเจ้าสำนักอินทรีทองขององครักษ์อินทรี แค่เพียงจับกุมตัวผู้ต้องหาอย่างเขาได้ เมื่อผู้มีอำนาจหมดอำนาจ พวกลูกน้องก็จะกระจายหายไป การกำจัดองครักษ์อินทรีก็จะเป็นเรื่องง่าย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...