ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 375

องค์ชายอันต๋าถูกมู่หรงฉีปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจจึงรู้สึกร้อนใจ “ท่านอ๋องฉีอาจเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่อยากจะถามว่า ท่านมีตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านหรือไม่?”

มู่หรงฉีขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ในดวงตาเผยให้เห็นถึงความเย็นยะเยือก “ข้าไม่ได้สันทัดในเรื่องนี้ ท่านถามผิดคนแล้ว”

องค์ชายอันต๋าขยิบตาใส่เขาและรู้สึกเขินอายจนพูดอย่างตะกุกตะกักออกมา “ตั้งแต่ข้าโตเป็นผู้ใหญ่ข้าก็ไม่เคยใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่นมาก่อน ข้าจึงคิดเสมอว่าตัวเองนั้นมีของดีมากมาโดยตลอด คิดไม่ถึงเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า แคก ๆ ท่านเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”

มู่หรงฉีมองไปที่องค์ชายอันต๋า และรู้สึกค่อนข้างงงงวยเล็กน้อย

“มีอะไรก็พูดมาตามตรงเถิด”

“เอ่อคือ คือว่าท่านอ๋องฉีเหตุใดท่านถึงได้มีกระปรี้กระเปร่าแรงเยอะขนาดนี้เล่า? หรือว่าพระชายาเป็นหมอเทวดา นางจึงมีสูตรลับอะไรใช่หรือไม่? ท่านคิดว่าข้าอาจจะ แคก ๆ สามารถยืดยาวอีกนิดได้หรือไม่? ถ้าหากท่านอ๋องฉียินดีที่จะแบ่งปัน อันต๋าจะซาบซึ้งใจอย่างมาก”

มู่หรงฉียังคงงุนงงอยู่อย่างนั้น สีหน้าตกตะลึงค้าง ผ่านไปอยู่นานกว่าจะถามประโยคหนึ่งออกมาว่า “ดังนั้นเมื่อวานที่ท่านต้องการลากข้าอาบน้ำด้วย? วันนี้ยังย้ายมาที่ตำหนักฉาวเทียนของข้าอีกงั้นหรือ?”

“เมื่อทั้งสองคนเปิดอกคุยกันจึงจะคุยได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืนอันเงียบสงบ” องค์ชายอันต๋ายังคงพยายามอธิบายเจตนาไม่ดีของตัวเองที่มีต่อมู่หรงฉีในช่วงสองวันนี้ว่าเกิดจากเหตุใด “ตั้งแต่วันนั้นวันที่ท่านเข้าห้องน้ำด้วยกันกับข้า ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนั้นข้าตกใจมากแค่ไหน? นี่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการมาฉางอันของข้า มันเกี่ยวข้องกับความสุขของข้าทั้งชีวิต เป็นชายชาตรีด้วยกัน จึงอยากขอให้ท่านอ๋องฉีช่วยบอกมาตามความจริง”

ดูท่ามู่หรงฉีเหมือนจะถูกฟ้าผ่าลงมาจนงงตาแตก และเหมือนมีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่เต็มหัวไปหมด

เหลิ่งชิงฮวนที่อยู่ข้างบนอดทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ อัดอั้นจนเกือบจะคลอดลูกออกมาอยู่แล้ว เธอปิดกลไกที่ใช้อยู่ลง อดทนไม่ไหวจริง ๆ จึงหัวเราะออกมาจนท้องแข็ง อยากจะนอนบนพื้นเหมือนลาแล้วกลิ้งไปมาอย่างมีความสุข

องค์ชายอันต๋าผู้นี้ได้คว้ารางวัลเรื่องตลกแห่งปีของเธอไปแล้ว เดิมทีคิดว่าเขาแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ จะต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ ใครจะไปรู้ว่าที่วางแผนอยู่นานในการทำตัวตีสนิทกับมู่หรงฉี จนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่ามีแผนการร้ายกาจอยู่ แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นเหตุผลที่น่าขบขันขนาดนี้?

รู้สึกว่าเด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตจะอยู่ที่สูงมาโดยตลอด ถูกกลุ่มขันทีทั้งหลายชมเชย ประจบประแจง จึงคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าใช่หรือไม่? เพราะมู่หรงฉีหึงหวงเลยจงใจที่จะยั่วยุเขา และผลที่ได้ก็เป็นไปอย่างที่ตั้งใจจี้จุดเขาขึ้นมาแล้วจริง ๆ และยังมาขอคำแนะนำอย่างนอบน้อมแบบนี้

เรื่องของเล็กของน้อยของชายหนุ่มคนนี้ มันพูดยากขนาดนี้เลยหรือ?

หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนกันอย่างลึกซึ้งในวันนี้เชื่อว่าทั้งสองหนุ่มคงจะมีความสัมพันธ์เป็นปึกแผ่นและมั่นคงกันแล้ว และไม่สามารถทำลายลงได้ง่ายๆอย่างแน่นอน

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะพอแล้ว ก็หายใจเข้าออกลึก ๆ จากนั้นก็เปิดกลไกใหม่อีกครั้ง ที่ชั้นล่างทั้งสองคนกำลังนั่งตัวตรงอย่างสำรวมแล้วดื่มต่อไปเรื่อย ๆ แก้วต่อแก้ว บรรยากาศไม่อึดอัดเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ ดูสนิทสนมกันมากขึ้น

เชื่อว่ามู่หรงฉีได้ทำการเผยแพร่หลักสูตรสุขอนามัยของร่างกายให้กับองค์ชายอันต๋าอย่างนุ่มนวลไปหนึ่งรอบแล้ว

เรื่องที่คุยต่อจึงมีแต่เรื่องที่น่าเบื่อและไม่มีอะไรน่าฟังแล้ว

ดูเหมือนว่ากำลังหารือเกี่ยวกับการค้ากัน ด่านหน้าหรืออะไรสักอย่าง และดูเหมือนว่าองค์ชายอันต๋าจะเป็นคนเริ่มเสนอความร่วมมือให้ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรกัน และแลกเปลี่ยนสิ่งที่ขาดของกัน เสริมสร้างการเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน ต้องการให้ฉางอันเปิดด่านเพื่อใช้ในการค้าขายโดยเฉพาะ

เนื่องด้วยปัจจัยหลายประการของภูมิประเทศและสภาพอากาศของมั่วเป่ยจึงไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลผลิตเหมือนอย่างฉางอัน ของใช้ในชีวิตประจำวันมากมายเช่นใบชา ผ้าไหมและแม้แต่กระดาษยังจำเป็นต้องนำเข้ามาจากฉางอัน

นี่คือเหตุผลที่ประเทศที่อยู่ติดชายแดนจ้องที่จะยึดครองฉางอัน และพยายามรุกรานเข้าครอบครองเมืองนี้ ประเทศมั่วเป่ยเป็นประเทศที่มีกำลังอ่อนแอ ดังนั้นจึงมีแต่ต้องใช้วิธีการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีเพื่อแลกเปลี่ยนมิตรระหว่างทั้งสองประเทศ และช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกันในส่วนที่ขาด

เหลิ่งชิงฮวนรอจนง่วงนอน จนกระทั่งทั้งสองคนเมาได้ที่

บนถนนก็เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นฉับพลัน ยังมีเสียงตีฆ้องเปิดงาน คึกคักอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนเงี่ยหูฟังและมีสติขึ้นมาในทันที นางตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายนอกอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเสียงอึกทึกครึกโครมเข้ามาใกล้ ๆ ขึ้นอยู่ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน บางคนอุทานขึ้นมา บางคนก็กรีดร้อง จากนั้นก็ตามด้วยเสียวฝูงชนที่พูดคุยกันเสียงดัง สุดท้ายแล้วเสียงก็ดังออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เมื่อกี้นี้เสียงฆ้องดังสนั่นจึงทำให้ม้าที่อยู่ข้างทางตกใจ เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น และพุ่งเข้าไปชนคนที่หามราชามังกรเอาไว้ จนราชามังกรเอียงตกลงไปที่พื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และ” บ่าวรับใช้จงใจเว้นจังวะหยุดชะงัก เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทั้งสองคน จากนั้นค่อยเอ่ยพูดต่อ “และในรูปปั้นของราชามังกรที่ว่างเปล่า คาดไม่ถึงว่าจะมีคำสั่งสอนหกคำซ่อนอยู่ ซึ่งสลักไว้อยู่ด้านใน เมื่อสักครู่นี้ที่แตกออกจึงปรากฏออกมาให้ได้เห็น”

“คำสั่งสอนหกคำนั้นคืออะไร?”

“พบองค์หญิง ตาน้ำพุโผล่” บ่าวรับใช้พูดทีละคำออกมาอย่างลึกลับ

มู่หรงฉีกับองค์ชายอันต๋ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่มันหมายความว่าอะไร?”

“เคยมีตำนานพื้นบ้านเล่าขานกันมา ความหมายโดยประมาณก็คือ ดวงตาขององค์หญิงสามของราชามังกร แท้จริงแล้วเป็นบ่อน้ำพุค่อยควบคุมน้ำฝน ถ้าหากนางเศร้า ฝนก็จะตก หากร้องไห้ ฝนก็จะตกหนัก คำสั่งสอนหกคำนี่ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับตำนานนี้”

มู่หรงฉีหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “ดังนั้นคนเหล่านี้จึงพากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกลัวงั้นหรือ?”

“นี่เป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า นายท่านท่านนี้คงยังไม่รู้ ตั้งแต่เหตุน้ำท่วมที่ฉางอันเมื่อสิบเก้าปีก่อน มีเซียนท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่าองค์หญิงสามถูกทำโทษให้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อชดใช้เคราะห์กรรม ด้วยเหตุนี้จึงจุติมาเป็นมนุษย์ ตาน้ำพุจึงถูกผนึกเอาไว้ ดังนั้นน้ำฝนจึงน้อยลงเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่านก็เห็นว่าระดับน้ำในแม่น้ำลดลงทุก ๆ ปีเช่นกัน ทุกคนต่างรอคอยให้องค์หญิงท่านนี้หมดเคราะห์เร็ว ๆ และเปิดดวงตาน้ำพุอีกครั้ง คำพยากรณ์ของท่านราชามังกรที่กล่าวไว้ ทุกคนต่างตีความพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดวงตาน้ำพุจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

องค์ชายอันต๋าฟังอย่างเพลิดเพลินอยู่ข้าง ๆ และไต่ถามรายละเอียดที่เกี่ยวข้องจากเขาไม่หยุด เจ้าหนุ่มคนนี้ก็ตีไข่ใส่สี คุยโวโอ้อวดได้อย่างมีอรรถรสเสียจริงๆ

มู่หรงฉีลูบแก้วในมือ แล้วยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

เหลิ่งชิงฮวนปิดรูกลไกลงและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ การปูทางในครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็อยู่ที่ว่าละครหลังจากนี้จะแสดงออกมายังไงแล้ว

ว่ากันว่าลูกสาวของฮ่องเต้ไม่มีความกังวลเรื่องการแต่งงาน แต่ถ้าอยากให้ท่านหญิงท่านนี้ได้แต่งงานออกไป ทำไมต้องเปลืองแรงขนาดนี้ด้วย?