ระเบิดฟ้าคำรณและสายฟ้าฟาดนั้นไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ แต่ในยุคราชวงศ์ซ่งเหนือนั้นได้มีการนำไปใช้ในสงครามแล้ว ทว่าได้รับผลกระทบจากกําลังการผลิตและเทคนิคการหลอมรูปในตอนนั้น รวมไปถึงเหตุปัจจัยในการวางแผนและกำหนดวิธีการของราชสำนัก จึงได้ยับยั้งการพัฒนาของมัน
เหลิ่งชิงฮวนก็เคยได้เห็นพลังของระเบิดฟ้าคำรณโบราณกับตาของตัวเอง รองแม่ทัพอวี๋ก็สามารถหนีรอดจากความตายในระยะประชิดได้ แสดงให้เห็นถึงพลังที่ไม่ได้รุนแรงเท่านี้
ไม่คิดเลยว่ามั่วเป่ยจะมีช่างฝีมือที่สามารถประดิษฐ์อาวุธที่มีอานุภาพทําลายล้างเช่นนี้ สําหรับประเทศที่ต้องการทำสงครามและการปล้นสะดมเพื่อขยายอาณาเขตและทรัพยากร จะต้องขยายฐานกำลังการผลิต และนำมันไปใช้ในสงครามในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันแล้ว องค์ชายอันต๋าที่ยังคงตกใจกลัว เวลาที่ทั้งสองถามไถ่กัน เหลิ่งชิงฮวนก็ใช้แสงจากไฟ ส่องหาร่องรอยที่หลงเหลือจากการระเบิดบนพื้น
นอกจากพวกเศษเลือดเนื้อแล้ว ก็ยังเจอเศษซากเหล็กด้วย
เหลิ่งชิงฮวนอยากที่จะคุกเข่าลงไปดูอย่างละเอียด ไต้เท้าหลู่ที่อยู่ข้างองค์ชายอันต๋าก็เดินมาข้างหน้า ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ “ที่นี่มีแต่คาวเลือดสิ่งสกปรก อย่าทำให้พระชายาหวาดกลัวเลย”
องค์ชายอันต๋ารอดชีวิตจากความตายมา ในฐานะผู้ดูแลเขา ยังมีเวลาว่างมาสนใจว่าจะทำให้คนอื่นตกใจกลัวหรือเปล่าอีก?
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอ่อนๆ ในใจนั้นรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าไต้เท้าหลู่นั้นตั้งใจที่จะขวางตัวเองในการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
เขาร้อนตัวแล้ว
หากองค์ชายอันต๋าใช้ระเบิดฟ้าคำรณธรรมดาจริงๆละก็ เขาก็คงไม่กังวลถึงขนาดนี้? ขนาดข้ออ้างที่จะมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองก็ยังไม่ได้คิดมาอย่างดี ท่ามกลางความตื่นตระหนก ถึงได้พูดจามีช่องโหว่แบบนี้
“ขอบคุณไต้เท้าหลู่ที่เป็นห่วง ข้าเองก็ไม่ใช่คนบอบบางอ่อนแอขนาดนั้น”
ไต้เท้าหลู่มองไกลออกไป “เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้องค์ชายอันต๋าของข้าน้อยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ยังต้องรบกวนพระชายาฉีช่วยไปตรวจดูหน่อยว่าเป็นอะไรมากหรือไม่”
ระดับเชาวน์เริ่มกลับคืนมา ข้ออ้างนี้ไม่เลวเลยทีเดียว
เหลิ่งชิงฮวนมององค์ชายอันต๋าที่เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ไม่น่าแปลกใจที่เขาเต็มใจที่จะเสี่ยงภัยเพื่อเป็นวีรบุรุษ ที่แท้ก็ไม่กลัวเพราะมีระเบิดพกติดตัวไปนี่เอง ต่อให้เสือโคร่งสองตัวจู่โจมเข้ามา ความตกใจกลัวก็สามารถทำเสือตกใจกลัวจนฉี่ราดได้
แต่จิ่นอวี๋ที่อยู่ข้างเขานั้น รอดตายมาได้สองครั้ง กลับไม่มีอาการตื่นตระหนกตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่อยู่ข้างองค์ชายอันต๋า ไม่พูดอะไรสักคำ ในเวลาปกติร้องไห้อย่างดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ขอให้มู่หรงฉีปลอบแล้ว
หรือว่าเปลี่ยนกลยุทธวิธีงั้นเหรอ เลิกเดินสายอ่อนปวกเปียก อย่างไรเสียไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจหรอก
เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่ พูดกับไต้เท้าหลู่อย่างไม่มีทางเลือก “ที่นี่ไม่มียารักษา ทำได้เพียงออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ไม่ควรอยู่ที่นี่เป็นเวลานานจริง กลุ่มคนเริ่มอพยพออกไป
เหลิ่งชิงฮวนฉวยโอกาสที่ไต้เท้าหลู่ไม่ได้สนใจ ที่ชายกระโปรงตรงปลายเท้าเตะชิ้นส่วนเศษเหล็กให้มู่หรงฉี เมื่อมู่หรงฉีเห็นก็เข้าใจได้ในทันที เก็บเศษเหล็กไว้ในมือ ไม่ได้จริงจังอะไร เดินตามคนอื่นออกจากค่ายพยัคฆ์สิงห์ไป
น่ากลัวแต่ก็ไม่มีภัยอันตรายอะไร แต่ก็แยกกันอย่างไม่มีความสุข
ออกจากค่ายพยัคฆ์สิงห์ เหลิ่งชิงฮวนตรวจอาการองค์ชายอันต๋า ทว่าที่ไหล่มีแผลรอยถลอก ไม่เป็นอะไรมาก หยิบขวดยาม่วงออกมาจากกล่องอาหาร แล้วส่งให้ไต้เท้าหลู่
ไต้เท้าหลู่ไม่ได้ถามอะไร หยิบแล้วหันกลับไปใส่ยาให้องค์ชายอันต๋า
มู่หรงฉีตระหนักได้ทันที “ครั้งก่อนข้าเคยเห็นระเบิดฟ้าคำรณด้วยตาของข้าเอง มันก็คือเหล็กก้อน ซึ่งหมายความว่า เหล็กเป็นส่วนประกอบจำเป็นที่จะประดิษฐ์อาวุธชนิดนี้ขึ้นมางั้นเหรอ?”
“ไม่ถือว่าจำเป็น ใช้เซรามิกหรือชิ้นส่วนอย่างอื่นก็สามารถทำได้ แต่ความปลอดภัยนั้นย่อมไม่ดีเท่าแผ่นเหล็กเพคะ”
“มั่วเป่ยขาดแคลนแร่เหล็ก ช่องทางที่จะได้รับมากที่สุดก็คือจากฉางอันของพวกเรา บรรพบุรุษเคยออกคำสั่งให้ลดจำนวนการส่งออกแร่เหล็กให้น้อยที่สุด และหลายปีมานี้กองกำลังประเทศมั่วเป่ยนั้นอ่อนแอ กลับเป็นพวกเราที่ชะล่าใจ พรุ่งนี้ข้าจะรีบเข้าวัง รายงานกับเสด็จพ่อ ให้ปฎิเสธคำขอนี้จากชาวมั่วเป่ย หรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้ด่านอื่นแทน”
เหลิ่งชิงฮวนคร่ำครวญ “ จิ่นอวี๋ เจ้าจอมสร้างเรื่อง สิ่งที่ทำวันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเผยธาตุแท้ความทะเยอทะยานของชาวมั่วเป่ย
“วันนี้จิ่นอวี๋บุกเข้าไปในค่ายพยัคฆ์สิงห์คนเดียว ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“จะมีจุดประสงค์อะไรได้อีกล่ะเพคะ? ถ้าคนที่เข้าไปช่วยนางคือท่าน นางก็จะมีโอกาสที่จะอยู่กับท่านตามลำพัง ง่ายต่อการลงมือ ใครจะไปคาดคิดว่าจะเป็นองค์ชายอันต๋า แทนที่นางจะหนีออกไปข้างนอก กลับนี่เข้าไปในป่าลึก หากองค์ชายอันต๋าถูกเสือกิน นางก็ไม่ต้องออกเรือน ยังไงซะก็ถือว่าไม่ขาดทุน แม่นางผู้นี้บ้าขึ้นมาก็น่ากลัวจริงๆ นางไม่กลัวเป็นศพอยู่ที่ปากเสือเลยหรือไง?”
“จะว่าไปก็น่าแปลก ตอนที่ข้ากับองค์ชายอันต๋าเจอนาง นางยืนอยู่ตรงข้ามเสือตัวหนึ่ง ในมือถืออำพันสีเหลืองอยู่ชิ้นหน่ึง ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ตอนนั้นทำให้พวกข้าทั้งสองคนตกใจมาก ในตอนนั้นข้าไม่กล้าที่จะยิงธนู กลัวว่าจะยิงไม่โดน เสือตัวนั้นโมโหจะทำร้ายคน ข้าจึงทำได้เพียงชักดาบออกมาฆ่าในระยะประชิด ให้องค์ชายอันต๋าพานางออกไปให้ไกลก่อน”
เหลิ่งชิงฮวนได้ยินมู่หรงฉีพูดอย่างนี้ก็รู้สึกแปลกใจ ตนเองกำลังจะกลายเป็นอาหารของเสืออยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ายังจะมีเวลาว่างมาอวดสมบัติกับเสือ? เอาอำพันนั้นมาทำอะไรนะ? ทุบมันเหรอ?
อีกทั้ง จิ่นอวี๋หายตัวไป องค์ชายอันต๋าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น ไม่ใช่ทหารทีี่เป็นฝ่ายมารายงาน หรือว่า นางจงใจบุกเข้าไปในค่ายพยัคฆ์สิงห์เพราะจุดประสงค์อื่น ไม่ใช่เพื่อหาโอกาสที่จะอยู่ตามลำพังกับมู่หรงฉี?
แต่ไหนแต่ไรมาเหลิ่งชิงฮวนไม่กล้าที่จะดูหมิ่นจิ่นอวี๋ ไม่ใช่เพราะนางร้ายกาข แต่เป็นเพราะนางบ้าเกินไป ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถใจร้ายกับตัวเองได้ ทําทุกวิถีทาง บนโลกนี้ไม่มีอะไรสามารถหยุดการกระทำชั่วของนางได้แล้ว
เธอคิดไปตลอดทาง จึงตัดสินใจไปหาใครสักคน ซึ่งก็คือนักบวชอวิ๋นชิงที่ปลอมเป็นผีมาหลอกในตำหนักเจียนเจีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...