เหลิ่งชิงฮวนทานอาหารกลางวันกับโฉวซือเส่า เมื่อกลับมาถึงจวนฉีอ๋อง รอจนฟ้ามืด มู่หรงฉีก็กลับมาจากค่ายทหาร
เธอรีบบอกเรื่องที่ตัวเองสงสัยกับมู่หรงฉี แต่ไม่ได้พูโถึงเรื่องสำนักแม่ชีหนานซานเลยแม้แต่คำเดียว
มู่หรงฉีตอบอย่างเรียบเฉย “เรื่องนี้ข้าสงสัยมานานแล้ว แอบสืบหาเบาะแสมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้ปล่อยข่าวออกไป เพื่อไม่ให้เจ้าสำนักคนนั้นระมัดระวังตัว มีการเตรียมป้องกัน”
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับค่ายทหารหรือในวังหลวง แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่าง เวลาที่มู่หรงฉีคุยเล่นกับเธอ ไม่เลี่ยงใช้คำเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เรื่องเกี่ยวกับองค์รักษ์อินทรีเท่านั้น ที่ไม่รู้ว่าทำไมทำให้เหลิ่งชิงฮวนมีความรู้สึกว่ามู่หรงฉีนั้นไม่แย้มพรายความลับกับตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยเป็นฝ่ายกล่าวถึง
รวมไปถึงครั้งนี้ด้วย โฉวซือเส่าเป็นกังวลว่าองค์รักษ์อินทรีจะตามมาล้างแค้นตนเอง จึงเตือนด้วยความหวังดี ทำไมเขาถึงไม่เอ่ยถึงเลยนะ?
เหลิ่งชิงฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกไป “รู้สึกว่า จะเกี่ยวข้องกับองค์รักษ์อินทรี ท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่หรือเปล่าเพคะ?”
มู่หรงฉีอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “ไม่ต้องคิดมาก ข้าเองก็สงสััย เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน ไม่สามารถพูดพล่อยๆได้ สุดท้ายแล้ว เรื่องใหญ่สำคัญ สามารถมีโทษตายทั้งตระกูลได้ รอจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาถี่ถ้วน ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง”
มู่หรงฉีมีคนที่สงสัยแล้วงั้นเหรอ?
เป็นใครกัน ที่ทำให้เขาห่วงหน้าพะวงหลังอย่างนี้? แค่จับคนนั้นมาสอบสวน ไต่สวนเพียงไม่กี่คำก็ปรากฎไม่ใช่หรือไง?
มู่หรงฉีไม่อยากที่จะพูดถึง เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้ซักไซร้ถามต่อ สําหรับวิธีการอยู่ร่วมกันระหว่างคนทั้งสอง เธอยึดมั่นในหลักการหนึ่งเสมอว่าต้องเว้นพื้นที่ว่างให้กันและกันและไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
ทั้งสองพูดถึงเรื่องของเหลิ่งชิงเฮ่อและฉู่รั่วซี มู่หรงฉีพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับลูกเล่นกลั่นแกล้งของเหลิ่งชิงฮวน โน้มน้าวนางให้พอเหมาะพอดี เพื่อไม่ให้มีปัญหาแทรกขึ้นมาอีก
เหลิ่งชิงฮวนไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว เธอมั่นใจว่าด้วยอารมณ์ของฉู่รั่วซี ไม่มีทางยอมยุติเรื่องราว นางยิ่งไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านโลกภายนอก ที่ประสบความพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อยก็จะเป็นจะตาย
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดเลยก็คือ เรื่องต่างๆจะเกิดขึ้นแทรกขึ้นมา
ในฐานะที่เหลิ่งชิงเฮ่อเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในวังหลวง คนจับจ้องอยู่ไม่น้อย คิดอยากที่จะดองเป็นญาติกับเสนาบดีเหลิ่ง ครอบครัวที่จะให้แต่งงานกันก็มีไม่น้อย
เหลิ่งชิงฮวนพูดว่าต้องการที่จะให้เหลิ่งชิงเฮ่อแต่งกับเครือญาติ ก็เพื่อที่จะวางมาดใหญ่โตข่มขู่ตระกูลฉู่ ใครจะไปรู้ ว่าจะมีข่าวลือปล่อยออกไปจริงๆ ในราชสำนัก ก็มีคนจับจ้องอยู่แล้ว
คนๆนี้กับเสนาบดีเหลิ่งนั้นมีเพียงมิตรภาพเพื่อนเก่าสมัยเรียน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งขุนนางเจิ้งขั้นสาม เพราะไม่มีหน้าที่ คอยแต่ประจบเสนาบดีเหลิ่งอยู่ตลอด ย้ายท่ีอยู่ก็ดี
ที่บ้านของเขาก็มีบุตรที่รักใคร่โปรดปราน รูปโฉมงดงามสะโอดสะอง ได้รับการเลี้ยงดูอบรมมารยาทมีการศึกษา ไม่ยอมให้นางแต่งงาน เลือกแล้วเลือกอีกก็หาตระกูลที่เหมาะสมไม่ได้ ทำให้ล่าช้าไปแล้ว
เขาเองก็ไม่รู้ว่าข่าวลือไปได้ยินมาจากไหน จึงรีบหาข้ออ้างเชิญเสนาบดีเหลิ่งมาดื่มเหล้าที่จวน จากนั้นก็หาโอกาส ให้เสนาบดีเหลิ่งเจอกับลูกสาวของตัวเอง
เสนาบดีเหลิ่งมองดู สาวน้อยคนนี้อ่อนหวานนุ่มนวล งามจนแม้แต่ปลายังลืมว่ายน้ำ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยดี ยังดีกว่าสาวน้อยน่าเป็นห่วงที่จวนตัวเองไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่า มองปราดเดียวก็ถูกใจแล้ว
ทั้งสองเพิ่งดื่มเหล้ากันเสร็จ สาวน้อยที่อยู่ด้านข้างถือการ้อน ทำงานคล่องแคล่วว่องไว ทั้งยังละเอียดอ่อน ไต้เท้าท่านนี้ชมสาวน้อยของตัวเองน้ำไหลไฟดับ สาวน้อยทั้งอายทั้งดีใจ ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่งเติมสีสันความงาม
อย่างไรเสียเสนาบดีเหลิ่งยิ่งมองก็ยิ่งถูกใจ แม้ว่าชาติตระกูลจะต่ำกว่า แต่ก็เป็นคนดี
ความคิดของทั้งสองคนค่อนข้างล้ำสมัย ไม่มีพ่อแม่เผด็จการ สรุปเพียงแค่ไม่กี่คำ หาสถานที่ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและผ่อนคลาย ให้เด็กทั้งสองพบเจอกัน ฟูมฟักความรู้สึก
ผู้ติดตามกลับไปรายงานกับแม่ทัพฉู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน เวลาโดยละเอียด สถานที่ แล้วก็แผนการคลุมเครือของเสนาบดีเหลิ่ง
แม่ทัพฉู่ฮึมฮัม รีบกลับจวนทันที คิดหาข้ออ้างเช่นกัน เพื่อที่จะพาลูกสาวตัวเองออกจากจวนแม่ทัพ
ตามแผนการเดิม เด็กทั้งสองคนเจอหน้ากันแล้ว เหลิ่งชิงเฮ่อถึงได้รู้ว่าเป็นแผนการของพ่อตัวเอง ไม่พูดอะไร ท่าทางงกๆเงิ่นๆ
เดิมทีแม่นางก็เหมือนกับฉู่รั่วซี มาตราฐานสูง ชอบคนมีเจ้าของ แต่ต่อมาเห็นเขาซื่อบื้อ ไม่ชอบพูด ก็เลยไม่ค่อยชอบใจ
คนแก่ทั้งสองรีบเสริม นึกว่าตัวเองขัดขวางการพูดคุยของทั้งคู่ ดังนั้นจึงระมัดระวัง จากนั้นเอาตัวรอดหลบออกไปอยู่ด้านข้าง เปิดโอกาสให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
สถานที่ที่เสนาบดีเหลิ่งเลือกนั้นค่อนข้างดี เป็นลานเล็ก ๆที่เงียบสงบ ปกติจะเป็นสถานที่ที่พวกข้าราชการมานั่งดื่มชา แม้ว่าเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ก็มีรสนิยม
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน ยิ่งอึดอัด เหลิ่งชิงเฮ่ออยากที่จะลุกขึ้นหนีไป คนยังไม่ทันไป นายพบฉู่ขวางทางเดินเขาไว้
“ดูสิหากวันนี้้ข้าไม่ให้บทเรียนแก่เจ้าคนที่พลิกแพลงเล่ห์เหลี่ยมปั่นหัวคนอื่นเล่น ไอ้คนเดรัจฉานที่ได้ใหม่ก็ลืมเก่า”
กำปั้นขนาดเท่าบาตรตรงเข้ามาทักทายที่หน้าของเหลิ่งชิงเฮ่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...