หลังจากนั้นเหลิ่งชิงฮวนออกจากวังไปโดยมิได้นั่งรถ เอามีดปลายแหลมที่ถือไว้ในมือใส่ไว้ในแขนเสื้อ ไปที่ศาลาว่าการของเสิ่นหลินเฟิง
นักการในศาลาว่าการรู้จักนาง มิกล้าเฉยเมย และเชิญนางเข้าไปโดยตรง
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มตาหยี และพูดอย่างสุภาพ ดูอ่อนโยนเข้าถึงง่าย มีท่าทางโกรธเกรี้ยวที่ไหนกัน?
เสิ่นหลินเฟิงรีบออกไปต้อนรับทันทีเมื่อได้ยินข่าว “พี่สะใภ้ เหตุใดวันนี้ท่านถึงมีเวลามาที่ศาลาว่าการของข้าล่ะ คดีมีความคืบหน้ารึ?”
มิพูดถึงคดีก็ดีอยู่แล้ว พอพูดขึ้นมา ก็ยิ่งโกรธ ถึงมีความคืบหน้า แล้วจะมีประโยชน์อันใด? ก็มีคนปกป้องนางอยู่ดี พูดถึงฟังผิ่นจือ จือฉิว และซื่ออี๋เหนียง ชีวิตคนตั้งเท่าไหร่แล้ว แต่ฆาตกรยังลอยนวล กินดีอยู่ดีอยู่ในจวนงั้นรึ?
นางโบกมือ “ท่านบอกว่าสุนัขตำรวจสองตัวนั้นมิค่อยเชื่อฟังมิใช่รึ? วันนี้หม่อมฉันว่างพอดี”
เสิ่นหลินเฟิงเห็นมีดในมือของนาง ก็อดตะลึงมิได้ “จะทำอันใด?”
เหลิ่งชิงฮวนแสร้งยิ้ม “จะเอามาฝึกผ่าตัดทำหมันให้มันน่ะ”
“การทำหมันคืออันใดรึ?”
“ท่านบอกว่าพวกมันอยู่ในกระบวนการช่วยเหลือท่านในคดี แล้วก็มักจะได้รับการรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอกมิใช่รึ? หม่อมฉันก็แค่อยากช่วยตัดให้มัน คราวหลังเขาจะได้เลิกสนใจ แต่นี่ก็จะทำให้สมรรถภาพของพวกมันแย่ลงด้วยเช่นกัน จะสูญเสียนิสัยบ้าระห่ำที่โหดเหี้ยมไป หากท่านเห็นด้วย หม่อมฉันก็สามารถทำให้พวกเขาได้ตอนนี้เลย”
ตอนนี้เสิ่นหลินเฟิงบูชาสุนัขพวกนั้นเหมือนกับบรรพบุรุษ เมื่อได้ยินเหลิ่งชิงฮวนพูดอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น จึงตัวสั่นอย่างเลี่ยงมิได้ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “มิได้ๆ ข้าคิดว่าเยี่ยงนี้มันก็ดีมากๆ แล้ว ค่อยๆ ฝึกไป ประเดี๋ยวพวกมันก็เชื่อง”
เหลิ่งชิงฮวนผิดหวังเล็กน้อย และยักไหล่ “ถ้าเช่นนั้นก็ดี หม่อมฉันไปละ”
เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกว่าวันนี้นางมิปกติเล็กน้อย “พี่สะใภ้มาคนเดียวรึ? เหตุใดถึงมิมีคนรับใช้ตามมาด้วยล่ะ?”
เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ “ฮิๆ ”
“หม่อมฉันกลัวว่าพวกนางจะอายน่ะ”
มันน่าอายจริงๆ เสิ่นหลิงเฟินก็รู้สึกว่าพี่สะใภ้ของตนมุทะลุดุดันเกินไป เรื่องนี้มิใช่เรื่องที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่ทำได้
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปส่งท่านกลับเอง”
“มิต้อง” เหลิ่งชิงฮวนโบกมือ “หม่อมฉันจะกลับมาอีก”
นางก็มิมีที่ให้กลับไปเช่นกัน จึงกลับไปกลับมา แล้วกลับไปที่หอหงปิน
เจ้าของร้านรีบแจ้งให้โฉวซือเส่าทราบทันที โฉวซือเฉ่ารีบขี่ม้ามาโดยเร็ว และคิดว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เห็นใบหน้าอันขมขื่นของนางในระหว่างการซักถาม เหลิ่งชิงฮวนก็มิได้ปิดบังอันใด และด่าเปิงมู่หรงฉีอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อด่าทอจบแล้ว ความโกรธก็หายไป แต่เมื่อเหลิ่งชิงฮวนยิ่งด่าก็ยิ่งโกรธ ก่อนจะตบโต๊ะอยากจะรื้อหลังคาออกมาอย่างอดรนทนมิไหว
โฉวซือเส่าอดทนต่อเสียงเอะอะโวยวายของนาง มองไปที่การด่าทอในที่สาธารณะของนางอย่างตกตะลึงพรึงเพริด ท้ายที่สุดก็แยกเขี้ยวยิงฟันซ้ำเติมเข้าไป “ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามู่หรงฉีไว้ใจมิได้ ลูกไม้หล่นมิไกลต้น ตอนนี้เจ้ายอมรับผู้หญิงสองคนนั้นมิได้ แต่ต่อไปในอนาคตถ้าเกิดเขามีสามพระตำหนักหกหมู่เรือนเจ็ดสิบสองพระสนม เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่?”
เหลิ่งชิงฮวนจ้องเขม็งไปที่เขา “นี่เป็นการปลอบใจของท่านรึ? คิดจะเติมเชื้อไฟกันหรืออย่างไร? ท่านพูดอีกสองสามคำ ข้าคงกระโดดลงจากหอของท่านลงไปอย่างทนมิไหวแน่”
“อย่าเลย” โฉวซือเส่ารีบเกลี้ยกล่อม “เจ้าโดดไปได้มิเป็นไร อย่างมากก็แขนขาหัก แต่ลูกชายของเจ้าน่ะ จะทำเยี่ยงไร? เรื่องนี้ของเจ้า ข้าก็มิรู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเช่นไร มิสามารถถือดาบบุกเข้าไปที่จวนอ๋องฉีเพื่อฆ่ามู่หรงฉีได้นี่? เจ้ามิทุกข์ใจตายรึ? พูดอีกอย่าง ข้าคงทำมิได้แน่
“ข้าต้องไปที่สำนักแม่ชี”
“ดอกไม้งามบานสะพรั่งในเมืองหลวงก็มิอยู่ในสายตาของท่านเลยรึ? ปรี่ไปรบกวนการทำวัตรของพวกนางถึงสำนักแม่ชี แย่จริงๆ ”
“รอข้ากลับมาเมื่อไหร่ จะอธิบายให้เจ้าฟังละกัน”
เหลิ่งชิงฮวนใจกระตุก “ท่านจะไปที่สำนักแม่ชีหนานชานรึ?”
โฉวซือเส่าพยักหน้า “คราก่อนเราทั้งสองก็คิดว่าในสำนักแม่ชีนั่นมีเรื่องลับลมคมในมิใช่รึ? ข้าตั้งใจคิดเกี่ยวกับมันดูว่าในสำนักแม่ชีจะซ่อนความลับอันใดได้บ้าง? และเมื่อฝ่ายราชการไปตรวจสอบอย่างละเอียดในคราแรก เหตุใดพวกเขาถึงมิทำลายทิ้ง หรือเอาไปล่ะ? นั่นก็แสดงว่า ในสำนักแม่ชีแห่งนี้อาจจะมีกลไกทางลับพิเศษบางอย่างก็เป็นได้ ฉะนั้น วันนี้ข้าก็เลยนัดกับเสวียนจีจือผู้ช่ำชองด้านกลไกทางลับ เพื่อไปสำรวจทางกันก่อน”
เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกสะเทือนอารมณ์เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ “ข้าก็แค่พูดไปเรื่อย คิดมิถึงว่าท่านจะสนใจเรื่องนี้...”
พูดยังมิทันจบ ก็ถูกโฉวซือเส่าขัดจังหวะ “เจ้ามิต้องคิดเอาเองฝ่ายเดียวหรอกน่า คิดเสียว่าข้าใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนักเช่นนี้เพราะเจ้าก็แล้วกัน ข้าให้ท่านอ๋องฉีของเจ้าสะสางทุกอย่างแล้ว ยังจะให้เขาทำอันใดอีก?”
“อ้าว แล้วท่านสนใจจะทำอันใดกัน? พวกองครักษ์มิได้หาเรื่องเจ้าเสียหน่อย”
โฉวซือเส่าหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เจ้ามิเห็นหรือว่า นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีมากๆ เลยเชียวนะ? คราวที่แล้วเจ้าบอกข้ามิใช่หรือว่า หลังจากมู่หรงฉีกำจัดองครักษ์อินทรีจนสิ้นซาก กลับมิพบแฟ้มบันทึกจุดอ่อนของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นนี่? ข้ากำลังครุ่นคิดว่า บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในสำนักแม่ชีก็ได้ คราวที่แล้วพวกเขาก็เตลิดเปิดเปิงกันไปหมด เพราะชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ต้องมิได้เอาไปอย่างแน่นอน
เจ้าคิดสิ ถ้าข้าต้องการถือของเหล่านี้ไว้ในมือและสังหารองครักษ์อินทรี ฉางเจี้ยงเก๋อของเราก็คือพี่ใหญ่เจียงหู หลังจากนั้นข้าก็จะเอาข้อมูลของพวกเขาไปขู่เข็ญรีดไถเจ้าหน้าที่เหล่านั้น และประชาชนของมัน เงินเกล็ดหิมะ มิใช่กำไรมากมาย แต่เงินทองก็ไหลมาเทมามิใช่รึ?”
เหลิ่งชิงฮวนกลายเป็นหินภายในชั่วพริบตา
บ้าเอ๊ย ข้าถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณ แต่ที่จริงแล้ว ท่านกลับใช้ประโยชน์จากข้าเพื่อความร่ำรวย ก็รู้อยู่ว่าโฉวซือเส่าอย่างท่านเป็นพวกมากแผนการ ทำทุกอย่างเป็นผลกำไร มินึกเลยว่าเงินเช่นนี้ท่านก็กล้ารับมันได้ มิกลัวว่ามู่หรงฉีจะปลิดชีพท่านรึ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...