ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 421

หมอหลวงยังคงลองเบี่ยงประเด็น “พระชายารองอย่าได้คิดเหลวไหลนะขอรับ ท่านต้องเลี้ยงดู…”

“ข้าต้องการฟังความจริง!” เหลิ่งชิงหลางตวาดลั่น

หมอหลวงเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ขอเพียงแค่พระนางรักษาอารมณ์ให้ดี พักผ่อนอยู่บนเตียงก็ยังพอมีหวังขอรับ”

เหลิ่งชิงหลางยกยิ้มเย็น “เจ้าพูดแค่นี้ก็พอ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะรักษาตัวอยู่บนเตียง ไม่ให้เท้าแตะพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว หากยังรักษาเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ เจ้าก็ระวังชีวิตของเจ้าเอาไว้!”

หมอหลวงได้ยินดังนั้นก็รีบคุกเข่าลง เหงื่อไคลไหลย้อยราวกับสายฝน

เหลิ่งชิงหลางเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “หรือยังไม่ยอมพูดความจริงงั้นหรือ?”

หมอหลวงถึงได้เอ่ยตามความจริง “อันที่จริงพระชายาได้รับบาดเจ็บลึก โอกาสที่เด็กคนนี้จะคลอดออกมาได้นั้นมีไม่มาก รวมทั้งบางครั้งพระนางก็ยังโมโหทำให้ครรภ์ได้รับการกระทบกระเทือน หากไม่ได้พระชายาปกป้องไว้ เกรงว่าเด็กคนนี้คงหลุดออกไปแล้ว”

ใบหน้าของเหลิ่งชองหลางซีดเผือก “เจ้าหมายความว่าการที่ข้าจะคลอดเด็กคนนี้ออกมาให้ปลอดภัยนั้นยากมาก ใช่หรือไม่?”

หมอหลวงลังเลอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า แล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยฝีมือไม่มากพอ บางทีพระชายาอาจจะช่วยได้ขอรับ”

เหลิ่งชิงหลางเอนตัวพิงหมอนด้านหลัง โบกมือให้หมอหลวงอย่าไร้เรี่ยวแรง “ออกไปเถอะ”

หมอหลวง ก่อนจะรีบยกกล่องยาออกไปทันที

เหลิ่งชิงหลางนอนไม่พูดไม่จาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและตัดสินใจได้

นางเรียกแม่จ้าวเข้ามา “ข้าอยากกินผลไม้เชื่อมของกุ้ยฟางไจ้ เจ้าไปเอามาอย่างละนิดอย่างละหน่อย”

มู่หรงฉีที่รู้สึกได้ถึงวิกฤติบางอย่างก็รีบไปหาเสิ่นหลินเฟิงทันทีที่ออกจากเรือนจื่อเถิง

เมื่อครู่เขาวิ่งตามหาเหลิ่งชิงฮวนไปทั่วจนเหนื่อยหอบ ดังนั้นเมื่อออกมาจากจวนอ๋องแล้วเห็นรถม้ารออยู่ด้านหน้าก็รีบขึ้นไปทันที

เมื่อมาถึงศาลาว่าการของเสิ่นหลินเฟิงกลับต้องคว้าน้ำเหลว เจ้าหน้าที่ที่ศาลาว่าการบอกว่าเสิ่นหลินเฟิงไปที่กรมอาญา แต่คงจะใกล้ได้เวลากลับมาแล้ว

มู่หรงฉีกระวนกระวายใจ คิดว่าหากวันนี้ไม่สามารถถามให้ชัดเจนตัวเขาเองก็คงไม่สบายใจ

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจรออยู่ในรถม้า

คนขับรถม้าเป็นพวกไม่ค่อยพูด พวกเขาคนหนึ่งอยู่ในรถ คนหนึ่งอยู่ข้างนอก ต่างไม่มีใครพูดอะไร

เมื่อมู่หรงฉีเปิดท่านขึ้น เขาก็รีบทิ้งแส้ในมือแล้วลุกขึ้นยืนทันที “ท่านอ๋องมีอะไรรับส่งหรือขอรับ”

มู่หรงฉีเหลือบมองเขา “ไม่มีอะไร เจ้านั่งเถอะ ข้าแค่อยากถามอะไรเจ้าสักหน่อย”

คนขับรถม้าไม่กล้านั่ง “หากท่านอ๋องมีเรื่องอะไรก็รับสั่งมาเลยขอรับ”

มู่หรงฉียังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะกระแอมเบาๆ “งานเลี้ยงคืนไหว้พระจันทร์เจ้ายังจำได้หรือไม่”

ดวงตาของคนขับรถม้าไหวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจำได้หรือจำไม่ได้กันแน่

มู่หรงฉีเอ่ยเพิ่มอีก “พูดมาตามจริง”คนขับรถม้ายกยิ้มร่า เอื้อมมือไปจับท้ายทอย “จำได้นิดหน่อยขอรับ”

“เจ้าเล่าให้ข้าฟังตั้งแต่ต้นจนจบ”

คนขับรถม้ารู้สึกกังขาเล็กน้อย ท่านอ๋องของเขามีงานอดิเรกเช่นนี้หรือ? เรื่องพรรคนี้ท่านเป็นคนทำเอง ยังจะต้องให้คนอื่นมาบรรยายอีก? ตัวเขานอกจาตามน้ำไปก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

เขาอ้ำๆ อึ้งๆ “ข้าน้อยได้ยินท่านพูดวันนั้นก็หนีไปหลบไกลๆ ไม่ได้มอง ไม่ได้ฟังอะไรเลยขอรับ”

“แล้วทำไมวันนั้นเหลิ่งชิงหลางถึงได้ขึ้นรถม้าของข้าได้”

“ข้าน้อยตาถั่ว มองพระชายารองเป็นพระชายา ดังนั้นจึงไม่ได้ห้ามนางขอรับ”

คนขับรถม้าเดาไม่ออกว่าแท้จริงแล้วท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ซ้ำยังคิดว่าเขากำลังพยายามรับผิดชอบถึงได้มาซักไซ้เช่นนี้

หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าวันนั้นเขาไม่ได้เมา ต้องเป็นแผนการที่เหลิ่งชิงหลางวางไว้ นางยอมเสี่ยงที่จะถูกประมาณเพียงเพื่อจะได้ร่วมค่ำคืนกับเขางั้นหรือ?

คนที่ใกล้ชิดกับจินเอ้อร์ไม่ใช่เหลิ่งชิงฮวน แต่เป็นเหลิ่งชิงหลาง

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด อาจเพราะเขาอยากจะพูดคุยกับเหลิ่งชิงฮวน รวมถึงเรื่องที่เกิดในสำนักชีหนานซาน เพราะไม่อยากปิดบังอะไร

เขาเลิกผ้าม่านขึ้น กำลังจะสั่งคนขับรถม้าให้กลับจวน แต่เสิ่นหลินเฟิงก็ควบม้าเข้ามาพอดี เมื่อเห็นเขารออยู่ก็แปลกใจ

“ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ เจ้าไปจัดการเรื่องด้านในให้เรียบร้อยแล้วไปทานอาหารกับข้า”

เสิ่นหลิงเฟิงเพิ่งจะไปส่งเหลิ่งชิงฮวนที่โมโหร้ายมา เดาจากคำพูดของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว พวกเขาทั้งคู่คงจะทะเลาะกัน ดูสีหน้ามู่หรงฉีแล้ว ก็คงจะเป็นหน้าที่เขาที่จะเกลี้ยมกล่อมสักหน่อย

เขารีบบอกเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการ ก่อนจะไปหอสุรากับมู่หรงฉี

เมื่อนั่งลงมู่หรงฉีก็เข้าประเด็นทันที เขาเอ่ยถามถึงคดีของฟังผิ่นจือ เสิ่นหลินเฟิงก็ไม่ปิดยัง เขาบอกเล่าเบาะแสที่ตนเองเจอให้มู่หรงฉีฟังทันที

“พี่สะใภ้กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองพี่น้อง บอกว่าให้ข้าพักเรื่องคดีนี้ไว้ก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่ได้สืบอะไรต่อ”

มู่หรงฉีวางจอกสุราก่อนจะลุกขึ้นจากไปทันที

เสิ่นหลิงเฟิงรีบตามมาด้านหลัง “ท่านจะไปไหน? ยังกินไม่หมดเลย”

ใครจะมีอารมณ์มาดื่มต่อกัน?

หัวเดือดปุดๆ ไปหมดแล้ว

นี่มันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขารู้แล้วว่าทำไมเหลิ่งชิงฮวนถึงโกรธ

เขาพูดจาครึ่งๆ กลางๆ จนนางเข้าใจผิด ระหว่างเขากับเหลิ่งชิงหลางคลุมเครือมาตลอดว่าเด็กในท้องของเหลิ่งชิงหลางคือลูกของเขา!

รีบกลับไปคุกเข่าสารภาพผิดจะดีกว่า!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา