ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 506

เมื่อมู่หรงฉีตื่นขึ้น ก็ไม่เห็นเหลิ่งชิงฮวนอยู่ข้างกาย และเขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ เหงื่อเย็นไหลออกมา ก่อนจะรีบวิ่งออกไปคว้าคอเสื้อทหารหน้าประตู เอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย “พระชายาอยู่ที่ไหน”

ทหารถูกเขาบีบคอจนแทบหายใจไม่ออก ยกมือขึ้นแล้วชี้ด้วยความยากลำบาก

“หลังคาขอรับ”

หลังคา?

มู่หรงฉีตกใจและมองตามทิศทางนิ้วของทหารไป เหลิ่งชิงฮวนกำลังนั่งอยู่บนหลังคาพร้อมกับโฉวซือเส่า และเสิ่นหลินเฟิง ในมือถือไหสุรากำลังพูดคุยกันอย่างออกรส

เขารู้สึกหวาดกลัว ความคิดแรกของเขาคือกังวลเกี่ยวกับลูกในท้องของนาง ปีนขึ้นไปสูงขนาดนั้นไม่กลัวจะตกลงมาหรือ?

เมื่อคำพูดกำลังจะเปล่งออกมาเขาก็ตระหนักได้ว่านี่มันผ่านมาห้าปีแล้ว เด็กในท้องของชิงฮวนก็เติบโตเป็นเจ้าก้อนตัวน้อย เขาหายไปจากชีวิตนางนานถึงห้าปี

เหลิ่งชิงฮวนเห็นเขาจากระยะไกลและโบกมือให้เขา ท่าทางดูมีความสุขมาก ก่อนจะไถลตัวลงมาตามกระเบื้องเคลือบและอ้าแขนออกกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

หัวใจของตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารีบร้องตะโกน “หลินเฟิง จับนาง!”

เขาเองก็เหาะขึ้นไปราวกับลูกธนู

โฉวซือเส่าและเสิ่นหลินเฟิงต่างก็เฉยเมยและไม่สนใจเขา

มู่หรงฉีรับเหลิ่งชิงฮวนเข้าในอ้อมแขนของเขาพอดี ขาของเขาอ่อนแรงจนแทบคุกเข่าลง เข้าก้มหน้าลงไปตำหนิ “อันตรายเช่นนี้เจ้าก็ยังจะขึ้นไป อยากให้ข้าตกใจนักหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนกลายร่างเป็นแมวน้อยภายในชั่วขณะ เธอใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบคอของเขาอย่างเขินอาย ลมหายใจคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา

“เจ้าไม่อยู่ ข้านอนไม่หลับ” มู่หรงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าดื่มสุราเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”

เป็นมาตลอด เพียงแต่เมื่อก่อนมีอวิ๋นเช่อจึงไม่อาจดื่มได้

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาและยิ้ม ยกขาขึ้นและลุกขึ้นจากแขนของเขา “ท่านมาถูกเวลาพอดี พวกเรากำลังพูดถึงชายชุดดำลึกลับผู้นั้น และหม่อมฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เรารู้จักดี ท่านรู้ไหมว่าเป็นใคร?”

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากก่อนจะชะงัก “ไม่รู้”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอแอบหวังอยู่ลึกๆ แต่เมื่อได้ยินคำตอบของมู่หรงฉีก็ใจสลาย “ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะได้พบเขาอีกหรือไม่ เมื่อครู่หม่อมฉันได้ข่าวว่ากว่าทหารของราชวงศ์จะมาถึงก็วันถัดไป ท่านจะยังโจมตีหนานจ้าวต่อไปหรือไม่?”

มู่หรงฉีพยักหน้า “ในเมื่อมาถึงแล้วข้าก็จะโจมตีไปให้ถึงที่สุด การเดินทางของกองทัพช้ามาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรอ หลังจากพักผ่อนเสร็จพวกเราเราจะออกเดินทางกลางดึกและไปถึงเมืองต่อไป อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัวบุกตะลุยเข้าไป”

เหลิ่งชิงฮวนไม่คัดค้าน น่าเยี่ยไป๋ทำการฆาตกรรมผู้คนในอวี้โจวไปมากมาย หนานจ้าวจะต้องชดใช้อย่างสาสม

วิธีที่ดีที่สุดคือตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเอาชนะหนานจ้าว จนกว่าพวกเขาจะยอมจำนน

โฉวซือเส่าที่อยู่บนหลังคาเม้มริมฝีปาก “ทำไมต้องรอถึงพรุ่งนี้จึงออกเดินทาง ทำไม่ฉวยโอกาสตอนนี้โจมตีเลยล่ะ”

“เมืองปี้สุ่ยโจมตีได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากองทัพของหนานจ้าวจะอ่อนแอ โดยเฉพาะเมืองถัดไปมีแนวกั้นธรรมชาติสามแห่งที่เป็นป่าทึบที่เต็มไปด้วยแมลงพิษทำให้ไม่โดนผลกระทบจากสงคราม การโจมตีช่วงกลางคืนจึงไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาดเอาเสียเลย”

โฉวซือเส่าดูถูกเหยียดหยามมากยิ่งขึ้น “มีชิงฮวนอยู่ แมลงมีพิษจะนับเป็นอะไร? คุ้มค่าที่จะพูดถึงหรือ?”

เสิ่นหลินเฟิงกระตุกชายเสื้อของเขาอย่างเบาๆ ท่านอ๋องฉีและพระชายาเพิ่งจะกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน อย่างน้อยก็เพื่อให้สามีภรรยาได้ใกล้ชิดกัน อ๋องฉีจึงไม่รีบร้อนที่จะโจมตีเมือง แล้วท่านจะรีบร้อนไปทำไม?

มู่หรงฉีหัวเราะ “เหล่าทหารม้าของข้าลาดตระเวนมาหลายวันแล้ว ทั้งคนและม้าต่างก็หมดแรง พวกเขาจำเป็นต้องพักเพื่อเพิ่มแรง มิฉะนั้นหากมีอันตรายและกำลังยังมาไม่ถึงก็คงจะถูกโจมตีได้ง่าย เป็นการดีที่จะชนะ แต่พวกเราต้องชนะอย่างมั่นคง ไม่อาจเร่งรีบได้ ข้ามู่หรงฉีจะไม่ถือเอาชีวิตของทหารในกองทัพเป็นเรื่องเล็ก”

เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ระหว่างคนทั้งสอง มีหรือที่เหลิ่งชิงฮวนจะไม่รู้? รวมถึงการที่มู่หรงฉีจงใจให้เธอออกไป เธอย่อมเข้าใจดี

แต่พวกผู้ชายก็มีวิธีแก้ปัญหาในแบบผู้ชาย ไม่ว่าเธอจะพยายามจัดการกับมันมากแค่ไหน เธอก็คงไม่สามารถคลายปมระหว่างพวกเขาได้

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและโฉวซือเส่า เหลิ่งชิงฮวนได้อธิบายกับมู่หรงฉีแล้ว แต่เธอไม่ได้พูดเรื่องส่วนตัวออกไป หากมู่หรงฉีได้ใจขึ้นมาแล้วหลุดปาก โฉวซือเส่าคงได้ตัดขาดกับเธอแน่

ทั้งคู่มีจุดเด่นจุดด้อยในตัวเอง อย่างมากที่สุดหากบาดเจ็บควรรักษาตัวเอง อย่างไรเสียก็ต้องยอมปล่อยให้เขาระบายความโกรธออกมา

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองดำเนินไปตั้งแต่พลบค่ำจนถึงมืด ในตอนแรกมันน่าตื่นเต้น ทหารต่างพากันชะเง้อมอง ทุกคนเตรียมพร้อมโจมตีพร้อมกันหากเจ้านายของพวกเขาเสียเปรียบ

ถ้าเขาไม่ได้ลักพาตัวพระชายาไป หลายปีมานี้ท่านอ๋องก็คงจะได้ใช้ชีวิตกับภรรยาและลูก เขาจะมีเวลามาวุ่นวายกับทหารสามเหล่าทัพนี้ได้อย่างไร?

เจ้าคนผู้นี้สมควรโดนตียิ่งนัก

ทั้งสองต่อสู้กันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทุกคนเองก็เหนื่อยกับการชะเง้อคอดู ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาออกันและชี้นิ้วดูความสนุกตรงหน้า และร้องตะโกนเป็นครั้งคราว

แต่สุดท้ายก็ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะกันได้ การต่อสู้ครั้งนี้จึงดูน่าเบื่อมาก ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปตามทางใครทางมัน เมื่อมีกิ่งไม้หักหรือเศษหินร่วงลงมาจากบนฟ้าจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร

จนกระทั่งค่ำมืด ทุกคนกินดื่มพออิ่มแล้วกลับไปนอน

ค่ำคืนวสันต์มีค่าราวพันทองคำ

มู่หรงฉีไร้อารมณ์ไล่ล่าโฉวซือเส่า เขาแกล้งทำเล่ห์เหลี่ยมก่อนจะออกจากวงต่อสู้ “วันนี้พอแค่นี้ วันอื่นค่อยมาสู้กันใหม่”

โฉวซือเส่าก็หอบเหนื่อยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้ามอะไร แต่เพียงเยาะเย้ยอย่างมีเลศนัยและเตือนเขาว่า “ระวังตอนเข้าประตูให้ดี ขอให้เจ้าโชคดี”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา