ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 610

โฉวซือเส่าไม่สามารถรอต่อไปได้อีกแล้ว เมื่อเห็นว่าผู้บัญชาการฟู่เผยท่าไม้ตายสุดท้ายออกมาแล้ว จึงยิงหินในมือออกไปทันทีโดยโจมตีไปที่ข้อมือที่ผู้บัญชาการฟู่ที่ถือปืนเอาไว้

น่าเสียดายที่ตัวเขาได้รับบาดเจ็บทั้งตัวและถูกทรมานมาหลายวัน จึงประเมินตัวเองสูงเกินไปเล็กน้อยความแม่นยำยังคงมีอยู่แต่ไม่มีพลังเอาเสียเลย

ผู้บัญชาการฟู่ก็เป็นคนที่ฝึกวิทายุทธ์เช่นกัน จึงรู้จักการฟังทิศทางเสียงเลยหลบอาวุธลับของเขาได้อย่างง่ายได้ จากนั้นก็เล็งปืนไปที่โฉวซือเส่าอย่างแม่นยำ! เผยให้เห็นรอยยิ้มอันน่ากลัวออกมา

โฉวซือเส่าเคียดแค้นผู้บัญชาการฟู่คนนี้จนกัดฟันกรามแน่น ตัวเองมีชีวิตอย่างสดใสและสวยงามมาตลอด นี้เป็นครั้งแรกที่มาตกที่นั่งลำบากและยังถูกเจ้าหมอนี้ล่ามโซ่ขังไว้ในกรงเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอีก ถ้าหากความอัปยศอดสูนี้ถูกเผยแพร่ออกไปตัวเองคงไม่มีหน้าไปพบเจอใครได้อีก

ถ้าไม่ฆ่าเจ้าคนนี้ทิ้ง ตัวเองจะลบความเกลียดชังนี้ลงได้อย่างไร?!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนสีดำ โฉวซือเส่าอยากจะพุ่งตัวเข้าไปข้างหน้าและแตะสักยกจริง ๆ จะได้สั่งสอนให้เขารู้เสียบ้าง แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ เขาทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากพวกเหลิ่งชิงฮวน

“ชิงฮวน! เขาจะฆ่าข้าน่ะ!”

หากอ้อนวอนกับชิงฮวนไม่มีอะไรที่น่าอาย เพราะเมื่อห้าปีก่อนตอนที่นางทำการผ่าตัดให้ตัวเองก็ไม่มีความอายลงเหลือตั้งนานแล้ว

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนและมู่หรงฉีกำลังเผชิญหน้ากับการถูกล้อมโจมตี จึงตื่นตัวมีไหวพริบดีสามารถสังเกตการณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์รอบด้านได้ เมื่อได้ยินเสียงอุทานของโฉวซือเส่า เธอก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเผยอาวุธสุดท้ายออกมาแล้ว เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นผู้บัญชาการฟู่กำลังลงมืออยู่ลับ ๆ แต่เขาอยู่ไกลขนาดนี้ หากตนเองอยากจะลงมือ มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น?

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ อยู่ ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นมาอย่างเฉียบไว นางรีบอัญเชิญพวกแมลงของตัวเองออกมาจากแหวนนาโน กลุ่มแรกที่ออกมาก็คือกลุ่มตัวต่อ มันพุ่งเข้าต่อยที่ศีรษะและใบหน้าทันที จากนั้นก็มีแมลงหลากสีหลากหลายชนิดที่ไม่ทราบว่าเป็นชนิดอะไรบินออกมาและกระโจนเข้าหาทหารที่อยู่รอบ ๆ

มีคำกว่าว่าสิ่งที่ทำให้ช้างตกใจได้อาจจะไม่ใช่เสื้อหรือสิงโตที่ไหนแต่อาจเป็นหนูตัวหนึ่งหรือมดก็เป็นได้

ในทำนองเดียวกันผู้บัญชาการฟู่มีวรยุทธ์สูงส่ง สามารถสู้กับศัตรูเพียงคนเดียวต่อนายพลหนึ่งร้อยนายได้ หากให้เผชิญหน้ากับมีดและคมดาบ บางทีอาจจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากลับฝูงตัวต่อเช่นนี้ เขาเองก็ตื่นตระหนกขึ้นมาแล้วรีบปัดไล่พวกมันจนมือเป็นระวิง ยังจะมีกะจิตกะใจอะไรไปสนใจยิงปืนอีก?

มู่หรงฉีมีไหวพริบว่องไว เคยได้ยินเหลิ่งชิงฮวนพูดถึงอาวุธที่ทรงพลังแบบนี้มานานแล้ว เมื่อเห็นผู้บัญชาการฟู่ยังเอาแต่สนใจตัวเองยังเอาตัวไม่รอดอยู่ครู่หนึ่ง อีกทั้งยังปิดตาดิ้นพล่านไปทั่ว จึงรีบรวบรวมกำลังเอาไว้ในมือทันทีและใช้ทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเป็นอาวุธโดยโยนทหารคนนั้นไปที่ผู้บัญชาการฟู่

โล่มนุษย์ ถ้าหากเขาจะยิงก็ยิงมาได้เลย!

ผู้บัญชาการฟู่ยังอยู่ในช่วงรับมือไม่ไหวชั่วขณะอยู่ เมื่อเห็นเงาดำพุ่งเข้าหาตัว จึงคิดว่าเป็นมู่หรงฉีหรือเหลิ่งชิงฮวนที่พุ่งมาแย่งปืนในมือของตนจึงเอาแต่ยิงใส่เงาดำนั้น

แต่ว่าปืนพกกระบอกนี้เขาเพิ่งได้รับมาจึงเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับของเช่นนี้ และมองเหมือนมันเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน มีเคยเอามาถืออยู่ในมือเพื่อลองพลังและความแม่นยำของมันเพียงสองครั้งเท่านั้น เนื่องจากเสียงปืนดังขึ้นมากะทันหันมือของเขาจึงสั่นด้วยความหวาดกลัว ปืนที่ยิงจึงยิ่งไปที่กรอบประตูแทน ถูกเหลิ่งชิงฮวนเห็นทุกอย่างเข้า

ครั้งนี้เขาใช้ปืนเล็งไปทางมู่หรงฉี แต่เพราะว่าฝูงตัวต่อสร้างความวุ่นวายให้จนลืมขึ้นลำกล้องเหนี่ยวไก จึงไม่มีการตอบสนองอะไรเกิดขึ้น ทหารคนนั้นก็พุ่งมากระแทกที่ศีรษะและใบหน้าของเขา โถมเข้ามาที่ร่างกายของเขาเต็ม ๆ เขาไม่สามารถยืนทรงตัวได้ชั่วขณะหนึ่ง จึงเซถอยหลังไปสองสามก้าวและปืนพกก็หลุดออกจากมือและตกลงบนพื้น

แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนไม่ได้มีความเกรงใจแต่อย่างใด นางใช้แส้ยาวในมือที่เหมือนกับงูมีชีวิตยังไงยังงั้น กวาดปืนพกมาไว้ตรงหน้าตัวเอง จากนั้นก็ทำสิ่งที่ไม่สามารถทำได้อย่างหนึ่งนั่นก็คือแย่งปืนมาไว้ในมือได้ จากนั้นก็หมุนตัวหันไปเล็งปากกระบอกปืนสีดำไปที่ผู้บัญชาการฟู่

“อย่าขยับ เชื่อหรือไม่ว่าหากข้ายิงกระสุนเพียงนัดเดียวเจ้าก็ม่องเท่งแล้ว?”

ทหารทุกคนล้วนวิตกกังวลไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามกลัวจะทำให้ผู้บัญชาเป็นอะไรไปจึงถอยหลังออกไปสองก้าว

ผู้บัญชาการฟู่ไม่เชื่อ เพราะปืนพกกระบอกนี้ตัวเองยังเล่นอยู่ครึ่งค่อนวันถึงจะเข้าใจกลไกของมัน ยัยผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งอย่างนางคิดว่ามันง่ายเหมือนการโก่งคันธนูยิงลูกศรอย่างงั้นหรือ?

ยังไม่ได้ขึ้นลำกล้องเลย เจ้าก็ลองยิงดูสิ?

เขายืนนิ่งไม่ขยับและหัวเราะเยาะเย้ย “ข้าไม่เชื่อหรอก!”

เหลิ่งชิงฮวนใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อมองดูปืนในมือ เพราะว่าการประดิษฐ์ของในสมัยโบราณยังมีขีดจำกัด ดังนั้นปืนพกกระบอกนี้จึงทำขึ้นมาค่อนข้างน่าเกลียด คล้ายกับปืนพกนัดเดียวในยุคก่อน ๆ ที่ทำขึ้นมาในท้องถิ่นที่เรียกว่า “ปืนเมาเซอร์” ชิ้นส่วนโดยทั่วไปที่ประกอบขึ้นกับรูปแบบการใช้งานอะไรเทือกนั้นตัวเองยังพอรู้อยู่

การฝึกภาคสนามของหน่วยรบพิเศษสุดโหดที่เคยได้รับการฝึกฝนในตอนนั้นไม่ใช่เข้าร่วมเล่น ๆ ให้ผ่านไปหรอกนะ

เธอไม่รู้เรื่องประเภทปืนหรือกระสุนอะไรมากนัก อะไรคือกล็อค โคลท์ สิ่งเหล่านี้ก็รู้แค่รูปทรงของพวกมันเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาขัดขวางการใช้งานของเธอได้!

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะอย่างมั่นใจมากขึ้น “ข้านับถึงสาม ให้พวกเขาทั้งหมดถอยออกไป มิฉะนั้น...”

ปัง เสียงกระสุนดังขึ้นหนึ่งนัด

พวกทหารรีบเก็บอาวุธและถอนทัพทันที ไม่มีใครกล้าต่อสู้ต่อ

โฉวซือเส่าจ้องมองไปที่เหลิ่งชิงฮวนอย่างตกตะลึง “น่าเกรงขาม! สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่โฉวซือเส่า…รู้จัก!”

มู่หรงฉีได้ยินคำพูดของโฉวซือเส่าที่กลับคำพูดเรียบร้อยแล้ว ก็ถอนสายตาที่มองข่มขู่ไปทางเขากลับมาและหันมองไปที่ท่าทางอันน่าเกร่งขามของเหลิ่งชิงฮวนด้วยดวงตาที่ลุกโชน

ผู้หญิงคนนี้มักจะสร้างความประหลาดใจให้อยู่เสมอ

เหลิ่งชิงฮวนยกปืนในมือขึ้นแล้วเดินต้อนเข้าไปใกล้ ๆ ผู้บัญชาการฟู่ทีละก้าวทีละก้าว จนปืนเกือบจะถึงหน้าผากของเขาอยู่แล้ว ท่านี่แหละคือท่าทางที่ดีที่สุดในการจับคนเป็นตัวประกัน

มู่หรงฉีพูดเสียงทุ้มขึ้น “ผู้บัญชาการฟู่สมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรเข้าปล้นธนาคารของตระกูลโฉว และใช้การขนส่งเสบียงทางทหารขนส่งเงินที่ถูกขโมยไปยังจิ้นโจว อีกทั้งยังคุมขังนายท่านตระกูลโฉวโฉวซือเส่าเอาไว้โดยมีเจตนาฆ่าคนปิดปาก ข้าได้รับราชโองการมาเพื่อมาจับโจรและสืบสวนคดีที่จิ้นโจว ตอนนี้หลักฐานก็มีชัดเจนแล้ว ขอแนะนำให้พวกเจ้าปลดอาวุธลงและยอมจำนน พวกเราสามารถละเว้นเรื่องในอดีตที่ทำได้และยอมอภัยโทษให้กับพวกเจ้าได้”

เหล่าทหารมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าเป็นคนนำคนแรก แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนและต่อต้านอีก

มู่หรงฉีหันหน้าไปเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการฟู่และเอ่ยถามอย่างเย็นชา “ยังไม่ยอมรับสารภาพผิดอีกหรือ?”

ผู้บัญชาการฟู่รู้ว่าปืนพกนี้ร้ายกาจมาก เมื่อยิงออกมานัดเดียว หัวตัวเองคงต้องระเบิดเละแน่ เหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลออกมาทันที แต่ก็ยังคงกัดฟันแน่นอยู่ “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?”

ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก?

เป็นโฉวซือเส่าคนแรกที่ทนดูไม่ได้อีก ก้าวไปข้างหน้าพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงทั่วทั้งร่างกายเอาไว้และพุ่งตรงไปตบที่ปากของที่ผู้บัญชาการฟู่ดัง เพี๊ยะ เจ็บจนตัวเองสั่นเทา

“ข้ายังไม่ตายเลย เจ้ายังทำเป็นแกล้งตีหน้าใส่ข้าอีกหรอก?”

ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าหากข้าแตะเจ้าจนลอย กระสุนจะยิงพลาดเป้า ข้าคงจะไม่ใช้มือตบเจ้าหรอก? เพราะมันเป็นวิธีที่ผู้หญิงที่เขาใช้ในการต่อสู้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา