ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 623

คดีสุดตื่นเต้นเดิมทีกำลังจะจบลงอย่างสวยงาม นำตำลึงเงินที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาและพาตัวอาชญากรทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงเช่นนี้

มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนมองหน้ากันยิ้มอย่างขมขื่นและทำอะไรไม่ถูก ทั้งคู่รู้สึกหนักใจอยู่ครู่หนึ่ง

เรื่องเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ จึงได้แต่รอให้ฮ่องเต้มาจัดการเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง

เขาสั่งให้คนนำจัดการกับพระศพของเสด็จอารอง โลงศพสำเร็จรูปถูกนำกลับไปวางที่เมืองชั่วคราว

จากนั้นเขาก็สั่งให้คนขุดเงินและทองทั้งหมดที่ฝังอยู่ในสุสานฝังศพในหมู่บ้านอี้คืนสู่เจ้าของเดิม

โฉวซือเส่าไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้นาน ดังนั้นเขาจึงอำลาทั้งสองและนำทหารม้ารักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งคุ้มกันตำลึงเงินกลับไปที่เจียงหนานเพื่อรักษาสถานการณ์โดยรวม

มู่หรงฉีเขียนรายละเอียดทั้งหมดของคดีและข่าวการสิ้นพระชนม์ของเสด็จอารองลงในจดหมาย จากนั้นสั่งใครนำกลับไปส่งยังเมืองหลวง

ตัวเขาไม่สามารถกลับไปเมืองหลวงได้ในขณะนี้ เพราะยังต้องสอบปากคำชายผู้มีรอยมีดบนใบหน้าและคนอื่นๆ รวมถึงตามหาที่อยู่ของทหารส่วนตัวของเสด็จอารองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และอาวุธที่ชาวมั่วเป่ยนำมาซ่อนอยู่ในเมืองฉางอัน

ชายผู้มีรอยมีดบนใบหน้าถูกทรมานจนมาจทนได้อีกต่อไป เขายอมสารภาพทุกอย่างในวันรุ่งขึ้น ทว่าเบาะแสที่ได้มานั้นเป้นสิ่งที่มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนพอจะเดาได้อยู่แล้ว

และได้รับการยืนยันจากเสด็จอารองแล้วเช่นกัน อย่างมากที่สุดพวกเขาอาจแค่ได้รายละเอียดบางอย่างเพิ่มเติม

ส่วนเรื่องการติดต่อกับชาวมั่วเป่ยและการบัญชาการทหารอื่นๆ เสด็จอารองได้มอบหมายให้คนข้างกายเป็นคนดำเนินการจนเสร็จสิ้น นั่นคือคนที่เสด็จอารองได้ฆ่าปิดปากไปแล้วนั่นเอง

เห็นได้ชัดว่าเสด็จอารองกลัวว่าคนติดตามของเขาจะตกอยู่ในเงื้อมมือของมู่หรงฉี กลัวว่าเขาจะสารภาพเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นจึงเลือกที่จะปลิดชีพก่อนตัวเองตาย

แต่ชายผู้มีรอยมีดบนใบหน้าไม่รู้อะไรเลย มิเช่นนั้นเขาคงไม่ถูกปล่อยให้ดูแลทองที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านอี้

ทุกอย่างเข้าสู่ทางตันอีกครั้ง ไม่มีเบาะแสใดๆ เจำเป็นต้องสืบสวนตั้งแต่ต้นและสถานที่น่าจะเป็นเมืองเหอซี

มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนยังจัดการกับธุระในจิ้นโจวไม่เสร็จ พวกเขาเดินทางไปยังเหอซี ในเวลาเดียวกันพระราชกฤษฎีกาด่วนจากพระราชวังถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีผู้ส่งจดหมายยังเหงื่อตกแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว เมื่อเห็นคนทั้งสอง เขาแทบหยุดหายใจและรีบอ่านกฤษฎีกาทันที “ท่านฉีอ๋อง พระชายา เพลงนี้องค์ไทเฮาพระพลานามัยไม่แข็งแรงนัก ฮ่องเต้รับสั่งให้ท่านทั้งสองกลับเมืองหลวงโดยด่วน”

มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจในเวลาเดียวกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ขันทีคนนั้นยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ร้อนผ่าว “ไทเฮาทรงทราบเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง ทำให้กระอักออกมาเป็นพรโลหิต หลังจากนั้นพระองค์ไม่ยอมเสวยและฟังคำทัดทานของใคร ตอนนี้อาการของพระองค์ทรงไม่สู้ดีนัก”

อาจเป็นเรื่องจริง หากไทเฮาแค่โวยวายเล็กน้อย ฮ่องเต้คงจะไม่ส่งคนมาแจ้งข่าวและสั่งในเขากลับวังอย่างรีบร้อนขนาดนี้

สุขภาพของไทเฮาาไม่สู้ดีนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพระชนวายุมากขึ้น อวัยวะภายในต่างๆ จึงแย่ลงตามไปด้วย

การตายของเสด็จอารองสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อไทเฮา

หัวขาวส่งหัวดำ ทำให้นางได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง

เกรงว่านางอาจจะไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้

การช่วยชีวิตผู้คนก็เหมือนการดับไฟ แม้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะรู้ว่าหากตนเองกลับไปเมืองหลวงอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เธอไม่ใช่เทพเจ้าที่ชุบชีวิตคนตาย แต่ตราบใดที่ยังมีความหวังริบหรี่ เธอจะต้องทำให้ดีที่สุด

ทั้งสองขี่ม้ากลับไปเมืองหลวงทันที พวกเขามอบงานที่เหลือให้แม่ทัพอวี๋พาผู้บัญชาการฟู่และคนอื่นๆ รวมทั้งโลงศพเสด็จอารองไปที่เมืองหลวง

หลังจากเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงพระราชวังและตรงไปที่พระราชวังฉืออัน

หัวใจของชิงฮวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง

ตั้งแต่เธอเดินทางข้ามเวลามาที่นี่ ไทเฮาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีและอดทนอยู่เสมอ เพราะการปกป้องจากนาง ทำให้เธอมีความมั่นคงในวันนี้ แม้ว่านางจะไม่ชอบเธอจริงๆ แต่เหลิ่งชิงฮวนก็รู้สึกขอบคุณที่นางทำให้ตัวเองได้สัมผัสถึงความรักของครอบครัวในราชวงศ์

เธอคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้าพลางสะอึกสะอื้นร้องเรียก “เสด็จย่า” โดยไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร

สี่กงกงน้ำตาไหลทันที “ไทเฮา เหตุใดท่านถึงยังเป็นเช่นนี้ ท่านอยากให้พวกเราทำอย่างไร ” ไทเฮาค่อยหันพระพักตร์หนีอีกครั้ง ก่อนจะชำเลืองมองชิงฮวนและเอ่ยปากพูด “ตอนนี้ทุกคนสุขสบายดี มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีเหลนตัวน้อย ข้าพึงพอใจแล้ว ถึงเวลาของข้าแล้ว พวกเขาจะเสียใจแค่ไม่นาน เจ้าเองก็ไม่ต้องเสียใจ เรียกพระสนมหลินเฟยมาหาข้า ข้ามีอะไรจะบอกกับนาง”

ดูเหมือนสี่กงกงจะเข้าใจความคิดขอไทเฮา เขาถอนหายใจพร้อมกับเช็ดน้ำตาและสั่งให้คนรับใช้ออกไป

ชิงฮวนลุกขึ้นจากพื้นอย่างเศร้าสร้อยและเดินออกไปช้าๆ

พระสนมหลินเฟยเดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อย

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น พระสนมหลินเฟยมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย จากนั้นก้มศีรษะลงและเดินผ่านไป

ทันทีที่เหลิ่งชิงฮวนออกมา มู่หรงฉีก็เดินมาหาเธอและถามด้วยเสียงต่ำว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเสียใจจนไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นเธอจึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมู่หรงฉีและร้องไห้อย่างเงียบๆ ไหล่ของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง

มู่หรงฉีเข้าใจและตบหลังเธอเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องร้อง”

ไม่รู้จะปลอบคนในอ้อมแขนอย่างไร

เธอพยายามอย่างหนักมาเป็นเวลานาน ทั้งเหนื่อยและกังวลใจมาตลอด แต่ใครจะรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นเธอจึงอ่อนไหวและรู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา