ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 625

พระชายารุ่ยเข้าใจขึ้นมาทันที “ที่แท้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีนี่เอง นั่นแม่นมรีบไป อย่าได้รอช้า”

แม่นมหลินถวายความเคารพนาง จึงรีบเดินออกไป

เหลิ่งชิงฮวนประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเหรอ? พิถีพิถันอะไรกัน?”

พระชายารุ่ยมองเธอแปลกๆ “ได้ยินทุกคนพูดมาตั้งนางแล้วว่าท่านเป็นพระแม่กวนอิมประทานบุตร ข้าก็ยังไม่เชื่อ ตอนนี้ได้เห็นแล้ว ชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงด้วย ครั้งนี้ ท่านกลายเป็นคนที่มีอำนาจอีกแล้วนะ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ่งงุนงง “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

“เมื่อครู่แม่นมบอกว่า น้องสามของท่านช่วงนี้ประจำเดือนไม่มา ประกอบกับอาเจียนอย่างรุนแรง กลัวว่าจะมีเรื่องมงคลแล้ว หญิงตั้งครรภ์นั้นไม่สามารถส่งพระศพได้ นางไม่กล้าที่จะไร้ความรับผิดชอบอย่างแน่นอน ต้องกลับไปรายงานให้พระสนมหลินเฟยทราบ

“ตั้งครรภ์?”

เหลิ่งชิงฮวนคาดไม่ถึง ท้ายที่สุดแล้ว เหลิ่งชิงเหยาแต่งเขาจวนอ๋องเซวียนมานานแล้ว ตลอดมาก็ไม่เคยท้อง นึกไม่ถึงเลยเมื่อได้ยินข่าวนี้ น่าตกใจมากจริงๆ

ตัวเองเคยตรวจร่างกายให้เหลิ่งชิงเหยาแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ก่อนหน้านี้ ตัวเองเข้าใจผิดมาโดยตลอด ว่าอ๋องเซวียนมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า ขณะนี้พอมองดูแล้ว โชคชะตายังมาไม่ถึงจริงๆ โอกาสนี้มาถึงแล้ว เด็กก็มาเองโดยธรรมชาติแล้วเหรอ?

พระชายารุ่ยพยักหน้า “เห็นแบบนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ท่านดูสิ พี่ชายของท่านกับน้องสาว แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีลูกสักที ท่านกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็มีข่าวดีอยู่ต่อเนื่อง ฝีมือการแพทย์ของท่านนั้น ทำให้ข้าเลื่อมใสอย่างใจจริง ครั้งนี้อ๋องเซวียน ก็เติมเต็มความปรารถนาของตัวเองแล้ว”

ฉู่รั่วซือตั้งครรภ์แล้วก็ไม่เป็นไร ชิงเหยาเองก็บังเอิญขนาดนี้ ประจวบเหมาะพอดี หลังจากที่ตัวเองกลับมาเมืองหลวง ก็ตั้งครรภ์ แต่ปัญหาก็คือ ตัวเองยังไม่เคยรักษาเหลิ่งชิงเหยาเลยนะ?

ตัวเองเป็นพระแม่กวนอิมประทานบุตรที่โชคดีจริงๆเหรอ?

หลังจากนั้นไม่นาน พระสนมหลินเฟยก็เดินตามแม่นมหลินเข้ามาอย่างรีบร้อน พูดกับเหลิ่งชิงเหยาอยู่สองสามคำ ก็รีบสั่งให้นางกำนัลรับใช้ประคองเหลิ่งชิงเหยากลับไป

ในขบวนส่งพระศพมีหมอหลวงตามไปด้วย ทว่าวันนี้ยุ่งวุ่นวาย อีกทั้งยังต้องรีบออกเดินทางอีก ไม่สามารถมัวเสียเวลาเพราะนางได้ พระสนมหลินเฟยก็คงจะไม่มีเวลามากพอที่จะให้คนไปตามหมอหลวงมาตรวจดูอาการ ก็ได้แต่ปล่อยให้เหลิ่งชิงเหยาได้พักผ่อน

ขบวนพระศพออกเดินทางทันที มุ่งหน้าตรงไปยังสุสานหลวงอย่างยิ่งใหญ่

อากาศที่หนาวเหน็บ ตลอดทางเป็นหลุมบ่อ เดินทางตลอดจนฟ้ามืดค่ำ เพิ่งจะทำพิธีฝังพระศพของฮองไทเฮาลงสุสานหลวงเสร็จ

พระสนมหลินเฟยไม่ได้กลับมาด้วย

นางนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าป้ายวิญญาณ คุกเข่าเป็นเวลานาน บอกว่าต้องการที่จะเฝ้าพระศพฮองไทเฮาเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน เพื่อแสดงความกตัญญู

ฮ่องเต้ซาบซึ้งในความกตัญญูของนาง ก็อนุญาตแล้ว

พระสนมฮุ่ยเฟยแอบมาบ่นกับเหลิ่งชิงฮวน ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เห็นพระสนมหลินเฟยจะขยันเสด็จไปที่วังฉืออัน มีความรักผูกพันกับฮองไทเฮาสักเท่าไหร่เลย ทำไมก่อนที่ฮองไทเฮาจะเสด็จสวรรคต ไม่เห็นฮ่องเต้ ไม่เห็นลูกหลานจะกตัญญู กลับเรียกหาแต่พระสนมหลินเฟยให้เข้าไปในห้องพระบรรทมคุยอยู่นานสองนาน ส่งตัวเองจนลมหายใจสุดท้าย

และพระสนมหลินเฟยทำไมจู่ๆถึงนึกจะมาอยู่เฝ้าพระศพฮองไทเฮา?

อยากจะรู้ ว่าตอนนี้ในวังหลัง ฮองเฮาถูกเขี่ยทิ้ง มีตำแหน่งเทียบเท่ากับพระสนมฮุ่ยเฟยและคนอื่นๆ ส่วนตราประทับ ฮ่องเต้ประทานมอบให้พระสนมหลินเฟยและพระสนมฮุ่ยเฟยช่วยกันดูแลรักษา นี่เป็นเวลาที่ดีที่จะรวมอํานาจของตัวเองในพระราชวัง พระสนมหลินเฟยบอกให้ไปก็ไป

โดยปกติพระสนมหลินเฟยไม่ชอบแย่งชิงอำนาจชื่อเสียง นิสัยไม่ยินดียินร้ายในลาภยศ และไม่ชอบแย่งชิงตำแหน่งกับเหล่านางสนม ขัดเกลาจิตใจอยู่ในตำหนักของตัวเอง เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกไปไหน จิตใจของอ๋องเฮ่าก็คล้ายคลึงกับนางอยู่เหมือนกัน

เหลิ่งชิงฮวนคิดว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจ อยู่ที่นี่ทิวทัศน์ที่สวยงามน่ารื่นรมย์ เงียบสงบแบบนี้ไม่ดีหรือไง?

เพียงแต่ว่า เหลิ่งชิงเหยาเพิ่งบอกว่าเหมือนกำลังตั้งครรภ์แล้ว พระสนมหลินเฟยไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ? ยอมใจเลยจริงๆ

เป็นไปตามที่เซวียอี๋เหนียงคาดหวังเอาไว้ ภายภาคหน้าเหลิ่งชิงเหยาสามารถให้กําเนิดบุตรชายและบุตรสาวให้กับอ๋องเฮ่าได้ ตำแหน่งนางในจวนอ๋องเฮ่าก็จะไม่สั่นคลอนแล้ว

วันหยุดผ่านไปสองวัน เมื่อมองดู ก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว

ความเศร้าโศกต่อการสวรรคตของฮองไทเฮาก็จางหายไปอย่างหมดจด แม้ว่าจะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ในเมืองหลวงไม่สามารถที่จะติดกลอนคู่สีแดง แขวนโคมไฟสีแดงได้ แต่ทุกบ้านต่างก็ยุ่งอยู่กับการจับจ่ายของที่จะใช้ในวันขึ้นปีใหม่ ส่งของรับของไปมา ในบรรยากาศมีกลิ่นหอมของบรรยากาศตรุษจีนอย่างชัดเจน

มู่หรงฉีเข้าวังบอกเรื่องราวของทางใต้อย่างละเอียดชัดเจน ฮ่องเต้ส่งคนเดินทางไปที่เจียงหนานทันที ตรวจสอบเรื่องที่ขุนนางเจียงหนานสมคบคิดกับเสด็จอารอง ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปยังเหอซีเพื่อค้นหาแหล่งของอาวุธชุดนั้นร่วมกับผู้ตรวจการเหอซี และแหล่งกองกำลังทหารของเสด็จอารอง

สำหรับชาวมั่วเป่ยที่สามารถผลิตอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ฮ่องเต้เองก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขายังเชื่อว่า การที่เหลิ่งชิงฮวนยิงเสด็จอารองภายใต้เหตุฉุกเฉินนั้น เป็นสิ่งที่จําเป็นจริง ๆ

สำหรับเรื่องนี้ราชสำนักไม่ได้เป็นประเด็นร้อนสักเท่าไหร่ พวกเฒ่าสารพัดพิษกลุ่มนี้มองได้ชัดทะลุปรุโปร่งมากกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก แม้ว่าชิงฮวนบุ่มบ่ามพลั้งมือ แต่ก็เพื่อเป็นการขจัดหอกข้างแคร่ของฮ่องเต้ ก็มีแต่พวกนั้นที่ตาบอด ถึงได้วิ่งมาร้องเรียนยื่นฎีกา

ดูสิ ว่าพวกปากเสีย หัวรั้นอย่างผู้ตรวจการเหยียน เพียงเขาหยีตามอง ก็ไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว

ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกเสนาบดีเหลิ่งและแม่ทัพฉู่ เช่นเดียวกับซ่างซูฝ่ายกงปู้และคนอื่นๆเข้าวัง หารือเกี่ยวกับแผนการรับมือ

เนื่องจากคำสารภาพของชาวมั่วเป่ยคนนั้นและขุนนางที่มีรอยแผลเป็นบนหน้า ข้อตกลงนี้ดำเนินการโดยเสด็จอารองและไต้เท้าหลู่เป็นการส่วนตัว หลังจากทุกคนแสดงความคิดเห็นกันเสร็จแล้ว ต่างก็เห็นด้วย ที่จะยกทัพไปปราบที่แคว้นมั่วเป่ย ให้ชาวมั่วเป่ยส่งตัวไต้เท้าหลู่ให้แก่ฉางอัน

ไม่เช่นนั้น หลังจากที่ปลายฤดูหนาว ทหารจะเดินทางไปมั่วเป่ยทันที ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายยังไม่แข็งแกร่ง ติดตั้งอาวุธปืนไม่แข็งแรงมากพอ บุกยกทัพฝ่าโจมตี ไม่สามารถปล่อยให้มั่วเป่ยเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวได้

ระหว่างแคว้นต่อแคว้น ก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีถูกมีผิด มีเพียงแค่ผลประโยชน์

แผนกลอุบายของเสด็จอารองในครั้งนี้ ทำให้ฉางอันมีข้ออ้างเหมาะสมที่จะส่งกำลังทหารไปปราบมั่วเป่ย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา