ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 652

จากคำบอกเล่าของทหารยาม วันนี้นักโทษปกติดีไม่มีอาการอะไรผิดแปลก

เพราะว่ามือและเท้าของเขาถูกใส่กุญแจไว้ เวลากินข้าวก็ต้องป้อนทีละคำ อีกฝ่ายก็กินตามปกติ หลังจากกินเสร็จไม่นานเขาก็ส่งเสียงร้องออกมา ก่อนจะอาเจียนฟองสีขาวออกมา กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง ไม่ทันหมอจะมาถึงเขาก็สิ้นลมไปแล้ว

ส่วนเรื่องว่าเขาถูกพิษได้อย่างไรนั้นก็ไม่มีใครรู้ สิ่งแรกที่สงสัยย่อมเป็นอาหาร โชคดีที่ชามและตะเกียบยังไม่ถูกล้าง แต่ก็ตรวจสอบไม่พบสารพิษใดๆ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอีกฝ่ายจะเอายาพิษใส่ในอาหารแล้วป้อนเขาเพียงอย่างเดียวหรือไม่

เหลิ่งชิงฮวนเข้าไปตรวจสอบ เธอเปิดการใช้งานแหวนนาโนแล้วตรวจสอบเลือดของผู้ตาย ผลสรุปว่าถูกวางยาจริงๆ

ระยะตั้งแต่เกิดปฏิกิริยาจนถึงหมดลมสั้นเพียงครึ่งถ้วยชา ที่สำคัญคือไม่มีใครเข้าใกล้ก่อนที่เขาจะเกิดอาการ หากมีการวางยาในอาหารจริงๆ ป้อนเขาแล้วรอให้ยาออกฤทธิ์ระยะเวลาก็จะนานกว่านี้

เช่นนั้นอีกฝ่ายใช้วิธีอะไรในการวางยา?

เรื่องนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคนรับผิดชอบ

ทหารยามที่รับหน้าที่ป้อนอาหารหรือก็คือคนคุ้นเคยคนนั้น แซ่ซุน ชื่อสิอโถว คือคนที่คอยให้หมั่นโถวกับเหลิ่งชิงฮวนตอนเธออยู่ในคุกสวรรค์ ตอนนั้นเอาเงินเหลิ่งชิงฮวนไปไม่น้อย ตอนนี้พอมาคิดดูว่าเธอใช้เงินมากมายแลกหมั่นโถวก็รู้สึกเจ็บใจขึ้นมา

กระแสลมเปลี่ยนทิศแล้ว ในที่สุดก็มาถึงวันของเจ้า

ซุนสือโถวร้องไห้โฮ คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้ามู่หรงฉี “ข้าน้อยไม่กล้าสะเพร่าเช่นนี้หรอกขอรับ โทษถึงตาย ขอท่านอ๋องโปรดตรวจสอบให้ชัดเจน ข้าน้อยโดนใส่ร้าย”

ผู้คุมที่กำลังจะตกงานขอร้องอ้อนวอนเหลิ่งชิงฮวนด้วยใบหน้าเศร้าโศก “พระชายาขอรับ แม้ซุนสือโถวจะไม่รู้หนังสือ ซ้ำยังชอบฉวยโอกาสกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาไม่กล้าบ้าบิ่นเช่นนั้นหรอกขอรับ ขอพระองค์สืบสาวราวเรื่องให้ชัดเจน คืนความบริสุทธิ์ให้เขาและช่วยชีวิตกระหม่อมด้วยขอรับ”

มู่หรงฉีสอบปากคำทุกคน อย่าว่าแต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลย ช่วงสามวันมานี้ก็ไม่มีใครเข้าออกคุกสวรรค์สักคน ทหารยามเองก็ไม่ได้ติดต่อกับภายนอก

ดังนั้นซุนสือโถว ทหารยามที่รับหน้าที่ป้อนอาหารจึงน่าสงสัยมากที่สุด

มู่หรงฉีหันไปทางเหลิ่งชิงฮวน “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

เหลิ่งชิงฮวนแทบไม่ต้องคิด “นอกจากผ่าพิสูจน์ศพ หม่อมฉันก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วเพคะ”

การผ่าพิสูจน์ศพที่เธอพูดถึงไม่ใช่เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น แต่รวมไปถึงอวัยวะภายในด้วย

มู่หรงฉีลังเลเล็กน้อย “จำเป็นหรือ?”

อย่างไรเสียสถานะของผู้ตายก็ค่อนข้างพิเศษ ใครเล่าจะรู้ว่าหากผ่าเปิดท้องแล้วเกิดข้อพิพาทขึ้นมาหรือไม่

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “หม่อมฉันต้องตรวจสอบอาหารในกระเพาะ กระแสเลือด ปัสสาวะ ตับและไตถึงจะสามารถสันนิษฐานเวลาถูกพิษและสาเหตุได้เพคะ”

คำพูดนี้ทำเอาพวกทหารยามตกใจ เรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้จะปล่อยให้พระชายาเป็นคนลงมือจริงๆ หรือ? ดูท่าข่าวลือจะไม่ใช่เรื่องเท็จ

มู่หรงฉีพยักหน้า ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ได้ เอาตามที่เจ้าว่า!”

ส่วนเสิ่นหลินเฟิงกลับตื่นเต้นและกระโดดไปมา “เช่นนั้นท่านพี่ท่านก็ไปสืบคดี ส่วนข้าจะเป็นลูกมือให้พี่สะใภ้เอง”

มู่หรงฉีออกไปรวบรวมคนทั้งหมดและสอบสวนอย่างทำอะไรไม่ได้

เหลิ่งชิงฮวนผ่าพิสูจน์ศพพลางอธิบายความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้เสิ่นหลินเฟิงว่าจะสันนิษฐานและระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากอวัยวะภายในของศพได้อย่างไร

เหล่าทหารยามหลบออกไปไกลๆ มองดูทั้งสองคนพูดคุยกันพลางผ่าพิสูจน์ศพ ชี้นิ้วไปมา ราวกับกำลังดูหม้อไฟ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะละสายตาออกมาด้วยความหวาดกลัว

พระชายาฉีคือคนที่ไม่อาจล่วงเกินได้ในเมืองหลวง หนึ่งเพราะเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องฉีรักและเอ็นดูมาก ทะนุถนอมแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม สองเพราะนางสร้างเรื่องน่าอัศจรรย์ไว้มากมาย โดยเฉพาะใบมีดวิลโลว์ที่คมกริบ แค่มองก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

“ยิ่งตอนนี้อ๋องเซวียนหมดอำนาจแล้ว น่าจาอี๋นั่วก็ไม่มีสาเหตุที่ต้องฆ่าปิดปาก สมมติว่าฉางอันและมั่วเป่ยเกิดศึกเพราะเสด็จอารองจริงๆ ต่างฝ่ายต่างก็แข็งแกร่ง ต้องมีฝ่ายที่บาดเจ็บ แต่หนานจ้าวสามารถเก็บประโยชน์จากชาวประมงได้จะทำอย่างนี้ไปทำไมล่ะเพคะ? ทำไมถึงต้องทำเรื่องเสี่ยงเช่นนี้ด้วยล่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนก็คิดถึงคำถามนี้ตอนที่เจอหนอนพิษ

มู่หรงฉีและเสิ่นหลินเฟิงไม่เข้าใจเจตนาของน่าจาอี๋นั่ว

เหลิ่งชิงฮวนบอกผลสรุปกับทหารยาม ทหารยามและซุนสือโถวคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง

ทหารยามเองก็กลัว หากเกิดเรื่องขึ้นในคุกสวรรค์เขาก็จะต้องรับผิดเป็นคนแรก ตำแหน่งนี้ก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ชีวิตน้อยๆ นี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นลูกน้องคนไหนก็ตาม เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นโทษนี้ได้

ถ้าหากเรื่องนี้เปลี่ยนไปอีกด้าน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตน้อยๆ ของเขาจะรอดไหม?

มู่หรงฉีเงียบไป “แต่ข้าไปสอบถามเรื่องคนที่เข้าออกคุกสวรรค์สองวันที่ผ่านมาแล้ว ไม่มีใครน่าสงสัย พวกเราเข้าวังไปกราบทูลเสด็จพอก่อนเถอะ แล้วก็ขอสอบสวนน่าจาอี๋นั่ว”

เสิ่นหลินเฟิงเองก็ทำได้แค่มีส่วนร่วม ดังนั้นจึงไม่อาจอยู่สืบสวนได้ต่อเขาจึงกลับจวนไป

มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนออกจากกรมอาญาควบม้าเข้าวังไปทันที

ทั้งสองคนต่างตกอู่ในห้วงความคิดไม่มีใครพูดอะไร มู่หรงฉีทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดไปหลายครั้ง

เหลิ่งชิงฮวนหันหน้ามาถาม “มีอะไรหรือเพคะ? อยากจะพูดอะไรหรือ?”

มู่หรงฉีลังเลก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ที่จริงข้าไปถามทหารยามมา เมื่อวานตอนเช้าชิงเจียวมาที่คุกสวรรค์ และเขายังเป็นคนนอกเพียงคนเดียวที่เข้ามา ตอนที่ผู้ตายโดนพิษเขาก็เพิ่งจากไปได้ไม่นาน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา