ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 739

เข้าวังมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ วิ่งเต้นไปมาอยู่ครึ่งค่อนวัน ชิงฮวนเริ่มเหนื่อยนิดหน่อย

มู่หรงฉีส่งนางกลับไปที่จวนอ๋องฉีอย่างเอาใจใส่ แล้วตัวเองก็เข้าวังไปจัดการเรื่องนี้

ชิงฮวนไม่ได้ยืนกราน การตั้งครรภ์ในครั้งนี้ค่อนข้างทรมาน นึกถึงตอนที่ตั้งท้องอวิ๋นเช่อครั้งแรก สามารถฟันฝ่าการต่อสู้และทดสอบมาอย่างโชกโชน ถูกมู่หรงฉีแบกเป็นถุงกระสอบปลอดภัยหายห่วง แต่ครั้งนี้ เปราะบางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ระมัดระวังก็คงไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เธอและมู่หรงฉีเข้าวังไปด้วยกัน แต่ถ้าย้อนกลับไปอีก ต้องทำให้ชายชราประหลาดใจแน่นอน ถามหาเหตุผลที่เข้าวังไป

โดนพี่น้องสวมหมวกเขียวให้ เรื่องแบบนี้คนทำให้คนโกรธ ไม่กล้าที่จะพูดกับชายชราแน่นอน ไม่เช่นนั้นชายชราคงจะโกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกแน่

มู่หรงฉีมักจะเข้าออกวังอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้พระสนมฮุ่ยเฟยก็ควบคุมวังหลัง ทั้งสองร่วมมือกัน ก็น่าจะสามารถเล่นงานไต่สวนรองผู้บังคับบัญชาเว่ยได้

ชิงฮวนผ่อนคลายรออยู่ตลอดทั้งบ่าย จนถึงกลางดึก สะลึมสะลือมู่หรงฉีเพิ่งกลับมาถึงจวนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่ต้องรอให้ชิงฮวนได้ถาม ตัวเองก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนเข้าวังหลวงไปอย่างละเอียด

หลังจากที่เขาเข้าวังหลวงไป ก็จัดการรองผู้บัญชาการเว่ยจนเขาตั้งตัวรับมือไม่ทันจริงๆ อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมการไว้ และไม่เคยคิดเลยว่า นางกำนัลเล็กๆคนหนึ่งจะทำให้มู่หรงฉีตื่นตระหนกจนต้องมาถามด้วยตัวเอง

ช่วงระหว่างการไต่สวนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผู้สมรู้ร่วมคิดผลักไสเฝิงซวงออกจากวังหลวง มีคนอื่นยอมรับสารภาพผิด รองผู้บังคับบัญชาเว่ยสารภาพอย่างตรงไปตรงมา แต่เหตุผล เขาสารภาพแค่ว่ามีความแค้นส่วนตัวกัน ไม่ได้มีคนบงการสั่งฆ่าปิดปากแน่นอน

ผลสุดท้าย เมื่อโทษฐานสมคบคิดเสด็จอารองได้รับการยอมรับแล้ว ไร้ซึ่งหนทางมีชีวิตรอดแล้ว เขากัดฟันปิดปากแน่น ถึงตายก็ไม่ยอมรับผิด

ล่าช้าอยู่นานสองนาน ข่าวลือก็แพร่เข้าไปถึงหูของฮ่องเต้ อย่างไรก็ตามตำแหน่งของรองผู้บังคับบัญชาการเว่ยมีความสำคัญต่อวังหลวง เกิดเรื่องขึ้นกับเขาแน่นอนว่าย่อมมีคนเอาข่าวไปบอกกันปากต่อปาก

ชายชราส่งลู่กงกงมาไต่ถามเรื่องราว พระสนมฮุ่ยเฟยให้รองผู้บังคับบัญชาการเว่ยพูดเรื่องเคืองใจส่วนตัวฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาก่อน จากนั้นก็บอกกับลู่กงกงอย่างหนักแน่นว่า : ขุดไช้เท้าขึ้นมาย่อมติดดิน คนที่พัวพันเบื้องหลังเป็นคนกว้างขวาง ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ประโยคที่พัวพันกับคนกว้างขวาง ก็ไม่มีใครกล้าขอความเมตตาแทนรองผู้บังคับบัญชาการเว่ยแล้ว กลัวว่าตัวเองจะถูกสาวไส้ออกมา ฮ่องเต้ทรงปวดหัว ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้มาก ปล่อยให้พระสนมฮุ่ยเฟยจัดการ

ฮ่องเต้ทรงยินยอมแล้ว งั้นก็จัดการได้ง่ายขึ้น วิธีการทรมานคนมีหลายพันหมื่นวิธี บางอย่างก็ตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่

ในที่สุดรองผู้บังคับบัญชาการเว่ยก็ทนไม่ไหว สารภาพผิดออกมาอย่างเชื่อฟัง เหมือนกับเทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่

เขาถวายตัวรับใช้เสด็จอารองจริง ตอนที่เสด็จอารองออกจากเมืองหลวง มุ่งหน้าไปที่เหอซี ก็อธิบายช่องทางการติดต่อและวิธีการออกคําสั่งอย่างชัดเจน

เขาอาศัยช่องทางนี้ในการสืบข่าวและรายงานข่าวให้กับเสด็จอารองมาโดยตลอด และรวมไปถึงการรับคำสั่ง

จนกระทั่งเสด็จอารองเสียชีวิต เดิมทีคิดว่าเมื่อต้นไม้ล้มพวกลิงค่างชะนีก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง ภายภาคหน้าตัวเองก็จะปลอดภัย ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิ คำสั่งใหม่ก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง!

กล่าวก็คือมีคนมารับช่วงอำนาจในวังหลวงต่อจากเสด็จอารอง ตัวเองยังต้องอุทิศตนรับใช้ต่อไป แต่คนๆนี้เป็นใครนั้น สถานะอะไร เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

อีกอย่าง วิธีการติดต่อก็ดูลึกลับมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

มู่หรงฉีถามถึงวิธีการติดต่อ วิธีการง่ายมาก ก็คือใช้เส้นทางร่องน้ำในวังหลวงในการส่งข่าว

ร่องน้ำในวังหลวงเชื่อมต่อกับนอกพระราชวัง ใช้วิธีการติดต่อผ่านตัวอักษรที่แตกต่างกัน ใช้เข็มสลักข้อความลงบนใบไม้ ปล่อยให้ไหลเท่านี้ก็สามารถไหลออกไปนอกวังได้แล้ว

วิธีการนี้ค่อนข้างเป็นความลับ อย่างไรเสียไม่มีใครสนใจใบไม้แห้งในร่องน้ำอยู่แล้ว หรือต่อให้มีคนหยิบใบไม้ที่มีสลักตัวอักษรขึ้นมาได้ ความหมายของตัวอักษรจีนที่เป็นรูเข็มบนนั้นก็ไม่มีใครเข้าใจได้ แล้วก็คงคิดว่ามีข้าหลวงในวังทำขึ้นมาเล่นๆก็เท่านั้น

ในแต่ละวันในวังหลวงมีเรื่องหดหู่ใจ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่หรือเทศกาลสำคัญ ก็จะมีนางกำนัลในวังหลวงละเมิดกฎแอบปล่อยโคมลอยดอกบัว เพื่อฝากความกังวลใจและความอาลัยอาวรณ์ให้ไหลออกไปนอกวังหลวง

อย่างเช่นเรื่องราว “ใบไม้แดงเปลี่ยนผ่านในวังหลวง” ก็คือนางกำนัลในวังหลวงเขียนบทกลอนบรรยายความรู้สึกลงบนใบไม้ แล้วปล่อยให้ไหลไปตามร่องน้ำ ได้รู้จักกับคนรัก ทั้งสองใช้วิธีการนี้ในการเขียนบทกลอนแสดงความรัก ผลสุดท้ายก็ได้ครองรักกัน

หลังจากที่เสด็จอารองตาย ภารกิจแรกที่เขาได้รับมอบหมายจากคนๆนั้น ก็คือสอบสวนเฝิงซวงว่าเคยคุยเรื่องเยี่ยนผินกับพระสนมฮุ่ยเฟยหรือไม่ และพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดนาง

พระสนมฮุ่ยเฟยเพิ่งจะทักทายกับผู้บังคับบัญชาไป ส่งเฝิงซวงไปประจำการที่แผนกผ้าพิธีการเย็บปักถักร้อยอยู่เงียบๆ ดังนั้นรองผู้บังคับบัญชาเว่ยจึงไม่กล้าที่จะทำตามอำเภอใจจนเกินไป จึงสั่งให้ลูกน้องขันทีวางกลอุบาย ให้เฝิงซวงโดนโทษฐานลักลอบได้เสียกัน

สำหรับข้อนี้ มู่หรงฉีมีข้อสงสัยบางอย่าง ในเมื่ออีกฝ่ายกลัวว่าเฝิงซวงจะรู้ความลับเกี่ยวกับเสด็จอารอง การจะฆ่าคนเพื่อปิดปาก ทำไมถึงไม่ลงมือด้วยตัวเอง?

นางไม่กลัวว่า เฝิงซวงจะสารภาพทุกอย่างกับรองผู้บังคับบัญชาเว่ย ถูกรองผู้บังคับบัญญาเว่ยจับจุดอ่อนตัวเองได้เหรอ?

นางสามารถปิดปากเยี่ยนผินได้อย่างเงียบกริบ และวิธีการอันชาญฉลาดเช่นนั้น การกำจัดเฝิงซวงน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายไม่ใช่เหรอ?

อีกฝ่ายไม่สะดวกที่จะลงมือ?

หลังจากสอบสวนต่อไป รองผู้บังคับบัญชาเว่ยก็ยอมรับอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงหลายปีมานี้อำนาจในวังหลวงของเขาที่สลับซับซ้อนยากเกินจะแก้ไข แล้วยังมีตะปูของเสด็จอารองที่วางกระจาย ลูกน้องที่รับผิดชอบในการติดต่อ เหมือนกับเทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ ขอร้องมู่หรงฉีอย่างเต็มที่

มู่หรงฉีไม่ทิ้งเบาะแสที่รองผู้บังคับบัญชาการเว่ยพูดออกมาทั้งสิ้น อีกด้านหนึ่งล่องูออกจากถ้ำ โปรยใบไม้แห้งลงไปในร่องน้ำ สั่งให้ตามหาคนที่มาเก็บกู้ตามทางเดินร่องน้ำ

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ตามคําสารภาพของรองผู้บังคับบัญชาเว่ย จับตัวลูกสมุนของเขาและคนที่รับผิดชอบส่งข่าวสาสน์ทั้งหมด มาไต่สวนอย่างละเอียด

ครั้งนี้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการถอนรากถอนโคนอำนาจทั้งหมดในวังหลวงของเสด็จอารอง แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีนักโทษบางส่วนหนีรอดออกไปได้ ส่วนนี้ยากที่จะเลี่ยงได้

เรื่องนี้กลายเป็นวุ่นวายฮือฮากันไปใหญ่ แทบจะพลิกวังหลังจนหมดสิ้น พัวพันไปถึงใครอีกหลายคน

แม้ว่าสุดท้าย ก็ไม่สามารถสืบสาวได้ว่าผู้หญิงที่แอบนัดพบกับเสด็จอารองเป็นใครกันแน่ แต่สามารถตัดแขนซ้ายแขนขวาของนางได้ เป็นที่น่ายินดีนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา