ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 8

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ หยิบไนโตรกลีเซอรีนที่เหลือออกมาวางไว้ข้างหมอนของหญิงชรา "นี่เป็นยาฉุกเฉินที่ออกฤทธิ์เร็ว หากเสด็จยายรู้สึกปวดจนทนไม่ได้ เพียงอมไว้ใต้ลิ้นอาการก็จะบรรเทา"

เหล่าไท่จวินตะคอกเบาๆ “นี่ก็แค่ให้ข้าใช้ฆ่าเวลาหรอกหรือ”

“ยาที่ใช้ทั่วไปนั้นภายในจวนคงไม่มี รอชิงฮวนกลับจวนแล้วจะกลั่นยาให้คนนำมามอบให้ เสด็จยายเสวยให้ตรงเวลานะเพคะ”

หญิงชราจ้องมองเธออย่างดุดัน "คนอื่นจะไปรู้เรื่องอะไร ไม่กลัวว่าพวกมันจะเอายามาให้ข้ากินซี้ซั้วหรือ? พรุ่งนี้เจ้ามามอบให้ข้าด้วยตัวเอง! มีอะไรน่าอายกัน”

คำถามที่รัวมาทำให้เหลิ่งชิงฮวนสับสนเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเปิดปากอธิบาย เหล่าไท่จวินก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า พลิกตัวไปอีกทางและไม่สนใจเธอ

ฮูหยินเสิ่นดึงแขนเสื้อเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเหล่าไท่จวิน ขอให้พระชายาเข้าใจด้วยนะ”

เหลิ่งชิงฮวนเข้าใจได้ทันทีว่าเหล่าไท่จวินกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาของเธอก็ชื้นขึ้นมาชั่วขณะ ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไปทำความผิดใหญ่หลวงอะไรไว้ถึงขั้นทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสีย แต่ยังทำให้ไทเฮาและเหล่าไท่จวินยังคงปกป้อง โดยเฉพาะเหล่าไท่จวินที่ดูท่าจะเอ็นดูเธอมาก

จวนกั๋วกงไม่ว่าจะหมออะไรล้วนมีพร้อม แล้วจะให้เสิ่นหลินเฟิงรีบร้อนไปตามเธอถึงที่พระราชวังทำไม?

ตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งโลกใบนี้ก็ช่างโหดร้ายกับเธอไม่หยุดไม่หย่อน แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเหล่าไท่จวินเป็นครั้งแรก เธอกลืนก้อนสะอื้นก่อนจะน้อมรับคำสั่ง “ขอบพระทัยเหล่าไท่จวิน พรุ่งนี้หลานสะใภ้จะมาเยี่ยมอีกครั้ง ขอทรงพักผ่อนให้สบาย”

เหล่าไท่จวินไม่พูดอะไรสักคำ เหลิ่งชิงฮวนจึงตามฮูหยินเสิ่นออกไปอย่างเงียบๆ มู่หรงฉีที่รออยู่ด้านนอกเริ่มหมดความอดทนเมื่อเห็นคนทั้งสองออกมาพวกเขาจึงตรงไปหาฮูหยินเสิ่นและถามด้วยความเป็นห่วง "เสด็จยายเป็นเช่นไรบ้าง"

ฮูหยินเสิ่นส่ายหัวอย่างเป็นกังวล "พูดไปก็เสียเปล่า เหล่าไท่จวินเป็นห่วงแต่เรื่องของท่านอ๋องเท่านั้น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาพระนางก็จะมีอาการเจ็บหน้าอกจนหายใจไม่ออก ตอนนี้เห็นว่าพวกท่านทั้งสองมิได้ขุ่นเคืองกันแล้วก็วางใจจนอาการดีขึ้นไม่น้อย”

สีหน้าของมู่หรงฉีเข้มลง เขาเอ่ยสั้นๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ฮูหยินเสิ่นพูดพร้อมกับรอยยิ้ม "ต้องขอบคุณทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของพระชายา เสด็จยายของท่านทรงพอพระทัยมาก แต่เกรงว่าจะเป็นการรบกวนหากต้องให้มาทำการรักษาบ่อยๆ พระชายาเองก็บาดเจ็บ เหล่าไท่จวินกำชับมาว่าให้ท่านอ๋องดูแลนางให้ดีด้วย"

ท่าทีของมู่หรงฉีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสนุ่มนวลขึ้นเป็นกอง ไร้ซึ่งท่าทางเย็นชาดุร้าย ดวงตาของเขากวาดไปที่เหลิ่งชิงฮวนและเขาค่อยๆ เอ่ย “ย่อมเป็นเช่นนั้น”

เมื่อส่งคนกลับไปกราบทูลพระสนมฮุ่ยเฟยในพระราชวังแล้ว ทั้งสองคนก็กล่าวลาและออกไปจากเรือนหลัง

รอจนรอบข้างไม่มีคนนอกแล้วมู่หรงฉีจึงหยุดฝีเท้า กวาดสายตามองเหลิ่งชิงฮวนและเอ่ยอย่างประชดประชัน “เมื่อครู่เจ้าเอายาอะไรให้เสด็จยายดื่ม ถึงได้เข้าข้างเจ้าเช่นนี้”

“ทำไมท่านอ๋องถึงได้เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ แสร้งทำเป็นแสดงความรักยิ่งทำให้หม่อมฉันกลายเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”

“เท่าที่ข้ารู้” มู่หรงฉีก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ “คุณหนูใหญ่แห่งจวนมหาเสนาบดีไม่มีความรู้ด้านการแพทย์เลยสักนิด นับประสาอะไรกับโรคหัวใจที่แม้แต่หมอที่มีชื่อเสียงในจวนก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจ้ากำลังเล่นเล่ห์กลอันใด? ทั้งยังสามารถใช้เข็มภมรที่หายไปหลายร้อยปีได้อย่างไร?”

“คนอื่นไม่รู้ มิได้หมายความว่าหม่อมฉันจะไม่รู้ ท่านอ๋องคงลืมไปแล้วว่าตอนหม่อมฉันอายุได้สิบกว่าปีถึงได้กลับมาที่เมืองหลวงแห่งนี้ ช่วงสิบปีนั้นหม่อมฉันกับท่านแม่ต้องเผชิญอะไรบ้างคาดว่าท่านคงตรวจสอบชัดเจนแล้ว วันพรุ่งหม่อมฉันจะมาที่จวนกั๋วกงอีกครั้ง หากท่านไม่วางใจ กลัวว่าหม่อมฉันจะคิดร้ายต่อเหล่าไท่จวิน คิดร้ายต่อท่าน ก็เชิญท่านตามมาจับตาดูได้ อย่าได้ปล่อยโอกาสให้หม่อมฉัน”

มู่หรงฉีตะคอกอย่างเย็นชา "หากมิใช่ว่าเสด็จยายทรงกังวลเกี่ยวกับข้า เจ้าคิดว่าข้าจะเต็มใจงั้นหรือ? ข้าให้เวลาเจ้าก่อนที่เสด็จยายจะหายดี ข้าจะไม่คิดบัญชีอะไรกับเจ้า”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องฉีจะขอร้องให้หม่อมฉันเล่นละครกับท่าน เช่นนั้นก็ขอให้ใช้ท่าทางที่ดี อย่าใช้ท่าทางสูงส่งเช่นนั้นกับหม่อมฉันอีก”

“ล้อเล่นหรือ หรือนี่ไม่ใช่วิธีที่เจ้าใช้ข้อร้องข้า? เจ้าหน้าด้านหน้าทนอยู่ในจวนของข้าก็ถือว่าข้าไว้หน้าเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว อย่าพยายามโดยไม่จำเป็น แค่มองเจ้าข้าก็รู้สึกขยะแขยงเต็มทน”

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้นมาหรี่ตาลง ก่อนจะฉีกยิ้มให้มู่หรงฉี “ท่านเป็นโรคลึกซึ้งถึงกระดูก โอสถอันใดก็ไร้ผล”

เหลิ่งชิงฮวนพยายามยืดตัวให้ตรงและรักษาความสงบ “ก่อนที่ท่านกับหม่อมฉันจะหย่ากัน ก็ทำตามประสงค์ของฝ่าบาท หม่อมฉันคือพระชายาของจวนอ๋องฉี พักที่เรือนหลักก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าวันหนึ่งคิดจะขู่ท่านก็คงจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย กับเรื่องเล็กแค่นี้หม่อมฉันไม่ทำหรอกเพคะ"

“ปากเอาแต่พูดว่าไม่อยากแต่งงานกับข้า แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะย้ายไปเรือนหลัก ปีนขึ้นเตียงข้า เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่าจิตใจเจ้าสกปรกแค่ไหน”

ผู้ชายคนนี้ปากเสียมาก อย่างกับไปกินมูลสัตว์ผัดทุเรียนมา

เหลิ่งชิงฮวนสูดหายใจลึก “หากท่านอ๋องรังเกียจก็อยู่ให้ห่างจากหม่อมฉัน รอวันที่หม่อมฉันไปจากจวนอ๋องฉี หม่อมฉันจะจุดไฟเผาทั้งจวน ท่านมีเงินทองมากมาย แค่ท่านซื้อใหม่ก็ได้แล้ว”

“นั่นมันจวนของข้า!” มู่หรงฉีโมโห

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาของเธอและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เหลิ่งชิงหลางยังอยู่ในเรือนของนางรอคอยความโปรดปรานจากท่านอ๋อง ท่านอ๋องเองก็สามารถย้ายไปพักที่เรือนของนางได้ รูปร่างอรชร คอยปรนนิบัติ รับรองว่าท่านจะสุขจนลืมชาติบ้านเมืองไปเลย”

เธอยกยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งมู่หรงฉีที่กำลังโกรธเอาไว้

มู่หรงฉีที่อยู่ด้านหลังโกรธจัด “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”

โตวโตวกลัวจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ “คุณหนู ดูเหมือนท่านอ๋องจะโกรธมากๆ เลยนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนท้าทายมู่หรงฉีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีหรือที่เธอจะหวาดกลัว มุมปากของเธอฉีกยิ้มขึ้น "ร้านขายของชำตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกล หากพวกเราตายอยู่ในนั้นก็ไม่มีใครรู้ อยู่ได้เหรอ? "

ทันใดนั้นโตวโตวก็ตระหนักว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณหนูของเธอจะยอมเสี่ยงขนาดนี้ แม้ว่าท่านอ๋องจะขัดต่อประสงค์ของไทเฮาและเหล่าไท่จวิน ทำความลำบากใจให้คุณหนูของเธอเช่นวันนั้น แต่ก็เป็นการยากที่จะป้องกันการโจมตีจากเหลิ่งชิงหลาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา