วังหลวง
ความมืดกำลังย่างกรายมาถึง
ทุกๆ ตำหนักล้วนเงียบลง เปลวเทียนดับมอด
อันที่จริง แม้ว่าภายในวังหลวงจะมีเจ้านายและทาสรับใช้มากมาย แต่มันก็เงียบสงัดอยู่เสมอ ถึงขนาดไร้ชีวิตชีวา แต่ก็เป็นเพียงค่ำคืนที่ถูกย้อมด้วยสีหมึก ขาดความคึกคักของพวกดอกไม้สีแดงกับใบไม้สีเขียวและจักจั่นที่กระสับกระส่ายในตอนกลางวันก็เท่านั้น
ลู่กงกงเดินโค้งไปโค้งมาอยู่ในเงามืดตรงถนนที่ขนาบด้วยกำแพงวัง ด้านหลังมีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินก้มหน้าตามมา ขันทีน้อยแทบจะงอตัวลงครึ่งหนึ่ง ปล่อยแขนเสื้อขนาดใหญ่ผิดปกติลงตรงหน้าอก เพื่อบังน้ำมันเชื้อเพลิงตรงเอวเอาไว้
หลังจากขันทีน้อยหลบกลุ่มราชองครักษ์ที่ลาดตระเวนพ้นแล้ว ก็เงยหน้ามองไปรอบๆ จากนั้นยืดตัวตรง ส่วนท้องพองฟูขึ้นมาทันที
พอลู่กงกงเห็นว่ารอบๆ ไม่มีคน จึงหันหลังไปหาคนทางด้านหลังด้วยท่าทีถ่อมตัว
“พระชายารออยู่ทางด้านนอกก่อนเถิด บ่าวจะเข้าไปทูลฝ่าบาทก่อน แล้วท่านค่อยเข้าไป วันนี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก อีกเดี๋ยวท่านโปรดระมัดระวัง”
ชิงฮวนคิดว่าตัวเองเป็นพระชายา พบฮ่องเต้ยังต้องใช้ความพยายาม ไม่เพียงแต่ต้องปลอมตัวเป็นขันที ตอนออกมาจากคุกสวรรค์ยังต้องใช้อุบายตบตาคนอื่น ลับๆ ล่อ อึดอัดจริงๆ
นางรออยู่ในเงาต้นไม้ด้านนอกตำหนักอย่างซื่อสัตย์ ลู่กงกงเข้าไปก่อน สั่งให้นางกำนัลที่คอยปรนนิบัติอยู่ภายในตำหนักออกไป ดับโคมไฟแก้วด้านนอกห้องกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้ดูเหมือนว่าฮ่องเต้กำลังจะเข้านอน หลังจากนั้นจึงตอบรับให้เหลิ่งชิงฮวนเข้ามา แล้วปิดประตูตำหนัก
ขันทีน้อยที่เฝ้ายามตอนกลางคืนก็ถูกสั่งให้ออกไปเช่นกัน ลู่กงกงทำการเฝ้าประตูตำหนักด้วยตัวเอง
ฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นชุดนอนสีเหลืองสดใส พิงโต๊ะน้ำชาที่อยู่บนเตียงหลัวฮั่น โคมไฟภายในห้องก็ถูกหรี่ลงจนมืดมาก ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขายังคงปกปิดยากเหมือนเดิม
ชิงฮวนกำลังจะคุกเข่าแสดงความเคารพ แต่ฮ่องเต้กลับโบกมือว่าไม่ต้อง แต่ไม่ได้เชิญนั่ง
ชิงฮวนได้เอามือห้อยลงและยืนอยู่ข้าง
ภายในห้องเงียบมาก
ฮ่องเต้เอ่ยปากเบาๆ ว่า “วันก่อนพระสนมฮุ่ยเฟยบอกข้าแล้ว ไม่ต้องถาม ทั้งหมดนี้เจ้าล้วนบงการใช่หรือไม่”
ชิงฮวนพยักหน้า
ฮ่องเต้ขมวดย่นหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
ชิงฮวนไม่ปิดบัง นำความสงสัยเกี่ยวกับพระสนมหลินเฟยและเสด็จอารอง แล้วก็เรื่องตรวจเลือดพูดออกมาตามความเป็นจริง
“ชิงฮวนส่งองครักษ์สัตย์จริงไปยังปาสู่เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของพระชายาเฮ่ากับลัทธินักบุญหญิงแล้ว แต่ว่าหนทางยาวไกลนัก ชิงฮวนกลัวว่าจะไม่ทันกาล ดังนั้นจึงบังอาจกราบทูลก่อน แล้วค่อยหาหลักฐานทีหลัง”
ฮ่องเต้ฟังคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนจบแล้ว ก็เงียบไปอยู่นานมาก
ชิงฮวนรออยู่ทางด้านข้างอย่างสงบตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ฮ่องเต้ถึงเอ่ยปากว่า “หมายความว่า ทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาของเจ้า ไม่มีหลักฐานเลยสักนิด”
“เหลิ่งชิงฮวน เจ้ารู้ไหมว่ามันผิดกฎหมาย”
ชิงฮวนพยักหน้า “หม่อมฉันทราบเพคะ สถานการณ์เลวร้าย ยอมเชื่อว่ามีบางอย่าง ดีกว่าเชื่อว่าไม่มี ชิงฮวนแค่อยากให้ฝ่าบาทระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่น”
อย่างไรเสียข้าก็พูดไปแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ท่าน
ฮ่องเต้เงียบไปอีกแล้ว เขานวดขมับ ใบหน้าน่าเกรงขามดูเหนื่อยล้าและซีดเซียว
เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าคิดมาสองวันแล้ว มันเหลือเชื่อไปหน่อยจริงๆ แต่ก็เหมือนที่เจ้าพูด บางเรื่องยอมเชื่อว่ามีบางอย่าง ดีกว่าเชื่อว่าไม่มี”
“ตอนนั้น ครั้นไทเฮายังมีชีวิตอยู่ เคยถกกันเรื่องฉีเอ๋อร์และคนอื่นๆ ว่าใครจะสามารถแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ได้ ในใจของข้า อ๋องเฮ่ามีความรู้กว้างไกล มีความสามารถในการปกครอง ใจกว้างและถ่อมตัวกับคนอื่น เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก”
“แต่ไทเฮากลับยกเรื่องที่อ๋องเฮ่าไม่มีทายาทมาเป็นเหตุผลเสมอ และแสดงท่าท่อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีคุณสมบัติในการสืบทอดบัลลังก์ สำหรับเรื่องนี้ข้าไม่อาจโต้แย้งได้ ถึงอย่างไรแผ่นดินฉางอันก็อยู่มานานเป็นพันๆ หมื่นๆ ปี ในฐานะฮ่องเต้ หากไม่มีทายาท ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นกับแผ่นดินอย่างแน่นอน ประชาชนก็จะไม่สบายใจ”
“กระทั่งก่อนไทเฮาจะสวรรคต ยังเคยจงใจสั่งให้ข้าพระราชทานอาณาบริเวณในการปกครองให้กับเขาหนึ่งผืน แล้วไล่เขาไปจากเมืองหลวง เจ้าน่าจะรู้ว่าในฉางอันของพวกเรา ในฐานะองค์ชาย หากมีอาณาบริเวณในการปกครองเป็นของตนเอง ก็เท่ากับสละสิทธิ์จากการสืบทอดบัลลังก์”
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดไทเฮาถึงจงใจมอบหมายเรื่องนี้ จนกระทั่งเมื่อวาน ขณะที่ข้าอยู่ท่ามกลางการปฏิเสธความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ก็เหมือนโดนรดน้ำมนต์ นึกถึงคำสั่งเสียก่อนสิ้นลมของไทเฮาขึ้นมาได้ และตอนสุดท้ายนางยังเรียกพระสนมหลินเฟยมาข้างกายเพียงลำพัง นางรู้อะไรบางอย่างมานานแล้วหรือเปล่า”
ปัญหานี้ ชิงฮวนไม่สามารถตอบฮ่องเต้ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเช่นนั้น ตอนนั้นอาสะใภ้รองเคยพลั้งปากพูดออกมา ไทเฮาเลยเรียกเสด็จอารองมาข้างกายตนเองและคุยกันตามลำพัง ต่อมาเสด็จอารองจึงจำต้องยอมรับอาสะใภ้รอง
ตอนนั้นไทเฮาน่าจะสงสัยในตัวของอ๋องเฮ่าแล้ว หรือไม่ก็รู้ความจริงแล้ว แต่ฝ่ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ ตอนนั้นตนเองตัดสินใจคนเดียวจึงทำให้เกิดสถานการณ์อย่างวันนี้ คนชราอย่างนางจะกล้าเปิดโปงเรื่องนี้ได้อย่างไร ญาติพี่น้องฆ่ากันเอง แล้วให้ลูกชายกับหลานชายคนอีกคนของตนเองต้องโทษเพราะเรื่องนี้ ถึงขนาดสิ้นชีวิต
คนชราอย่างนางเลยแบกรับความทุกข์ใจนี้ไว้คนเดียว และติดตามเสด็จอารองไป คิดจะฝังความลับนี้ไว้ในดินตลอดกาลนับจากนี้ แต่ก็กังวลว่าพระสนมหลินเฟยจะโกรธแค้นอยู่ในใจ แล้วส่งเสริมให้อ๋องเฮ่ายึดอำนาจ ดังนั้นเลยเกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้ไล่อ๋องเฮ่าออกไปจากเมืองหลวง แล้วให้เป็นประมุขปกครองอาณาบริเวณที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ และประคับประคองชีวิตด้วยตัวเอง”
แต่น่าเสียดาย การตัดสินใจของนางดูมีเมตตามากเกินไป ผลสุดท้ายเลยทิ้งหายนะเอาไว้ข้างหลัง
ส่วนฮ่องเต้ยังคงตัดสินใจไม่ค่อยได้ เพราะจู่ๆ เหลิ่งชิงเหยาก็เกิดตั้งครรภ์ จึงมีความหวังกับอ๋องเฮ่าขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นเลยไม่ได้ไล่อ๋องเฮ่าไปจากเมืองหลวงตามคำสั่งเสียของไทเฮา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...