ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 876

“พอได้แล้ว!” อ๋องเฮ่าขัดจังหวะชิงฮวนด้วยความโกรธ “นี่คือสาเหตุที่นางทรยศข้างั้นหรือ ข้าไม่เคยขอให้นางทำอะไรเพื่อข้า นางเต็มใจเสียสละทุกอย่างเองต่างหาก!”

“นางทำด้วยความเต็มใจเถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ท่านก็บีบบังคับนางเช่นกัน!ท่านอาจไม่ได้บังคับให้นางทำอะไร แต่คนที่ทำเช่นนั้นคือพระสนมหลินเฟย!

ตอนที่พระสนมหลินเฟยใช้คำโกหกหลอกให้นาง ท่านเคยอธิบายอะไรสักคำบ้างหรือไม่ นั่นไม่ได้เท่ากับว่าท่านเองก็รอให้นางทุ่มเททำเพื่อท่านอยู่เช่นกันหรือ

พระสนมหลินเฟยขู่ให้นางรับผิดชอบลัทธินักบุญหญิงทั้งหมด ลบล้างความผิดของท่าน ตอนที่ท่านอยู่ในราชสำนัก เคยลุกขึ้นยืนปกป้องนางอย่างกล้าหาญและรับผิดชอบตัวเองบ้าหรือไม่

แม้ว่าพระสนมหลินเฟยจะขอให้นางเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ท่านจะบอกว่าไม่รู้ก็ได้ แต่หลังจากที่มาถึงที่นี่แล้ว ท่านมีโอกาสที่จะช่วยนางได้อย่างชัดเจน นางยังมีชีวิตและหวังว่าท่านจะไปช่วยเหลือ ท่านมัวทำอะไรอยู่ ท่านน่ะได้ใช้มีดกรีดเข้าไปในใจของนางด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุดไปแล้ว

ท่านมักจะผลักไสความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่น เชื่อฟังคำสั่งของเสด็จแม่ แม้ว่าพระสนมหลินเฟยจะรังแกภรรยาของท่าน ท่านทำได้เพียงยืนมองให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีก! ชายขี้ขลาดอย่างท่านพวกเราเรียกกันว่าเด็กไม่หย่านมแม่!”

เหลิ่งชิงฮวนพรั่งพรูความในใจออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ในที่สุดอ๋องเฮ่าก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

“หุบปาก! หากเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะสังหารเจ้าทิ้งเสีย!” อ๋องเฮ่ากัดฟัน ดวงตาของเขาแดงก่ำ “เจ้าโกหก! จิ่นซู่ไม่มีวันพูดจาเช่นนั้น! ข้าจะไปหานาง นางจะต้องไม่เป็นอะไร”

มู่หรงฉีก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องชิงฮวนทันที อ๋องเฮ่าผู้โกรธแค้นอาจจะเสียสติเมื่อใดก็ได้

ชิงฮวนยักไหล่อย่างเมินเฉย “แต่นางไม่ต้องการพบท่าน นางอยากจะถูกฝังไว้บนพื้นเย็นที่รายล้อมไปด้วยสัตว์พิษร้ายแรง มากกว่าที่จะกลับมาพบท่านอีก นางขอให้ข้าบอกกับท่านว่าอย่ามาร้องไห้คร่ำครวญที่นี่อีกต่อไป”

อ๋องเฮ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาดุร้ายและบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แตกต่างไปจากสุภาพบุรุษที่อบอุ่นและอ่อนโยนในอดีตอย่างสิ้นเชิง

“ข้าไม่เชื่อ! เป็นเจ้าแน่ที่สังหารนาง ข้าจะฆ่าเจ้าและฝังไปพร้อมกับจิ่นซู่!”

เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “ฆ่ามัน ทหาร! ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้”

มือของหยางรุ่ยจับมีดแน่น “ท่านอ๋องเฮ่า อ๋องฉีและพระชายาเป็นผู้บริสุทธิ์นะขอรับ”

“นี่เจ้ากำลังต่อต้านคำสั่งของข้างั้นหรือ” อ๋องเฮ่ากำหมัดแน่นและเริ่มเสียสติ

หยางรุ่ยก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับประสานมือต่อหน้ามู่หรงฉี “ท่านอ๋องฉี กระหม่อมขอประทานอภัย”

มู่หรงฉียืนเอามือไพล่หลังโดยไม่มีความกลัวบนใบหน้า “แม่ทัพหยาง เจ้าภักดีกับฉางอันมาตลอด ตอนนี้เจ้าจะชช่วยเหลือผู้กระทำความผิดและเข้าร่วมกองกำลังของเสด็จอารองงั้นหรือ”

หยางรุ่ยตอบกลับด้วยความเคารพมู่หรงฉีเป็นอย่างมาก “ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้กระหม่อมเชื่อฟังคำสั่งของอ๋องเฮ่า ดังนั้นกระหม่อมจึงต้องปฏิบัติตาม”

ทุกคนตกตะลึง

“ฮ่องเต้ถูกวางกับดักโดยอ๋องเฮ่าและคนอื่นๆ พระองค์ชถูกวางยาพิษและรับสั่งในช่วงที่ยังไม่ได้สติ พระองค์จะรับสั่งให้เชื่อฟังอ๋องเฮ่าได้อย่างไร” มู่หรงฉีถาม

“พระราชกฤษฎีกาเป็นความจริงเสมอ”

พระราชกฤษฎีกา?

มู่หรงฉีและชิงฮวนมองหน้ากันด้วยความสับสน

“มีพระราชลัญจกรหรือไม่”

“มี”

“จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพระราชลัญจกรอยู่ที่ไหน อ๋องเฮ่ามีความสามารถมากที่ปลอมพระราชกฤษฎีกาและระดมกำลังทหารขึ้นมาเช่นนั้น ควรได้รับโทษเช่นใด” ชิงฮวนถามอย่างตรงไปตรงมา

อ๋องเฮ่าเยาะเย้ย “เสด็จพ่อมอบตรามอบพระราชลัญจกรให้ข้าแล้ว ตอนนี้พระราชลัญจกรอยู่ในมือของข้า มีขุนนางในราชสำนักหลายคนเป็นพยานให้กับข้าได้ การที่เจ้ามากล่าวหาว่าข้าครอบครองของปลอมอยู่เช่นนี้ มีหลักฐานอะไรหรือไม่”

ไม่มีหลักฐาน...

หากคนของอ๋องเฮ่ายืนกรานว่าพระราชลัญจกรในมืออ๋องเฮ่ามีอยู่จริง คงทำอะไรพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป เพราะอันที่จริงมีไม่กี่คนที่เคยเห็นพระราชลัญจกรของจริง แม้ว่าพระราชลัญจกรที่อ๋องเฮ่าใช้เวลามากมายในการปลอมแปลงจะดูไม่เหมือนของจริงมากแค่ไหน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้

เธออดไม่ได้ที่จะต่อว่าชายชราในใจ ในเมื่อท่านอยากจะแกล้งตายก็ควรจะจัดการอะไรให้เรียบร้อยหน่อยสิ เอาพระราชลัญจกรให้คนกับเชื่อถือไม่ได้แบบนี้ ราชสำนักจะเกิดความวุ่นวายมากแค่ไหนกัน แถมเขายังดูไม่มีท่าทีว่าจะเอาพระราชลัญจกรออกมา แล้วต้องรอถึงเมื่อไรล่ะเนี่ย

ทันใดนั้นเด็กน้อยก็วิ่งไปหามหาเสนาบดีเหลิ่งพร้อมกับดึงช่ยเสื้อเบาๆ “ท่านตา ท่านแม่จะตีก้นข้า ท่านช่วยข้าหน่อยหรือไม่”

ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ มหาเสนาบดีเหลิ่งไม่มีเวลาที่จะเกลี้ยกล่อมเด็กจึงพูดแบบสบายๆ “ช่วยไม่ได้หรอก ไปหาท่านพ่อของเจ้านู่น”

อวิ๋นเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บก้น “ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านตาบอกว่าใครก็ช่วยข้าไม่ได้นอกจากท่านพ่อ แต่ท่านพ่อจะช่วยท่านแม่ตีข้าอยู่เลยนะ”

เสนาบดีเหลิ่งอยู่ในภาวะสับสน เขาครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไร ก่อนจะตอบไปอย่างเหม่อลอย “ท่านพ่อไม่กล้าตีเจ้า...”

พูดเพียงไม่กี่คำ มหาเสนาบดีเหลิ่งก็ตระหนักได้ว่าประโยคนั้นมีบางอย่างผิดปกติ ก่อนจะก้มหน้าลงมองเสี่ยยกย่องวิ๋นเช่อด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “เสด็จปู่พูดอะไรกับเจ้างั้นหรือ”

อวิ๋นเช่อมองด้วยตากลมโต จากนั้นยืนเขย่งเท้าและกวักมือเรียกมหาเสนาบดีเหลิ่ง

เขารีบเอนตัวลงทันที

เสี่ยวอวิ๋นเช่อลดเสียงลง “ถูกต้องแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ข้าเข้าไปในพระราชวัง เสด็จปู่มอบสมบัติให้ข้าและขอให้ข้าซ่อนมันไว้ บอกว่าค่อยนำมันให้ท่านพ่อตอนที่เจอกัน”

“อะไรนะ”

มหาเสนาบดีเหลิ่งขึ้นเสียงโดยไม่ลังเล เสียงของเขาเปลี่ยนไปด้วยความตื่นเต้น

คนที่อยู่โดยรอบหันมามองทันที

อวิ๋นเช่อตกใจมากจนกระทืบเท้าและส่งสัญญาณให้ลดเสียงลง เพราะไม่อยากให้แม่ของเขาได้ยิน

ท่านช่วยอย่าตื่นเต้นเกินไปได้หรือไม่ พวกผู้ใหญ่แทบจะเสียสติเพราะหาพระราชลัญจกรไม่เจอ หากพวกเขารู้เขา...แล้วจะรอดชีวิตได้อย่างไร

สองวันก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ชายชราเป็นคนพาอวิ๋นเช่อเข้ามาในวังด้วยตัวเอง!มหาเสนาบดีเหลิ่งพยายามระงับความตื่นเต้นและขยับเข้าไปใกล้หูของเสี่ยวอวิ๋นเช่อ “บอกตามาซิ เสด็จปู่ของเจ้าได้มอบพระราชลัญจกรให้เจ้าใช่หรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา