ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 890

พระสนมหลินที่ไม่เคยร้องขอชีวิตในยามนี้นางได้แสดงความรู้สึกออกมาจนหมดและร้องไห้ออกมาเสียงเบาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหมดหวัง หวาดกลัวและไร้ที่พึ่ง

ถึงแม้ว่านางจะฝีปากเก่ง ตอนนี้นางมีจุดจบที่น่าสังเวชจะไม่สำนึกผิดได้อย่างไร

เมื่อคนหนึ่งล้มคนที่เหลือก็พากันล้มตามไปด้วย ทั้งตระกูลและญาติที่มีสายเลือดเดียวกันทุกคนล้วนตายเพราะความโลภของนาง นางแบกชีวิตของคนมากมายไว้บนบ่า ต่อให้นางจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็สามารถล้มลงได้

ชิงฮวนหันกลับไปก็เห็นพระสนมหลินเฟยที่อยู่ในชุดหงส์และปักปิ่นไว้บนมวยอย่างเอียง นางถูกควบคุมตัวเอาไว้และค่อยๆเดินออกมาตำหนักเยี่ยนชิ่ง สายตาของนางพร่ามัวและรู้สึกเหมือนฝัน ทุกก้าวที่นางเดินไปนางจะหยุดราวกับกำลังหวยนึกถึงอดีตอย่างอาลัยอาวรณ์

เมื่อนางเดินมาถึงนอกวัง นางก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองพระราชวังที่สูงตระหง่านอีกทั้งยังแผ่นป้ายทองคำ นางยิ้มออกมาอย่างน่าเวทนา ทันใดนั้นนางก็วิ่งหนีจากองครักษ์ที่ควบคุมตัวนางและวิ่งพุ่งเข้าชนเสาหินอย่างไม่สนใจตัวเอง

เลือดสาดกระเซ็นตรงนั้น

เหลิ่งชิงฮวนตกใจมาก เธอตกใจจนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอถูกใครบางคนสวมกอดและใช้มือมาปิดตาของเธอเอาไว้ “อย่ามอง”

น้ำเสียงของเขายังคงนุ่มนวลเหมือนเก่า แผงอกของเขาก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกหวั่นไหวทันที จู่ๆเธอก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เธอกอดเอวมู่หรงฉีแน่นแล้วซุกหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา “น่ากลัวจังเลบ ถ้าหากว่าเสด็จพ่อให้ท่านแต่งกับองค์หญิงแคว้นมั่วเป่ยจริงจะทำอย่างไรดีล่ะเพคะ”

มู่หรงฉีก้มหน้าลงมองไปยังหน้าอกของตัวเอง ตรงนั้นมีถุงหอมที่ฮ่องเต้ชรามอบให้กับเขา

เขายิ้มน้อยๆ “ยั่วโมโหไม่ได้แต่สามารถหลบได้ ถ้าหากว่าเสด็จพ่อพระราชทานองค์หญิงแคว้นมั่วเป่ยให้ข้าจริงข้าก็จะพาเจ้าหนีไปด้วยกันให้เขาหาเราไม่เจอ”

เหลิ่งชิงฮวนพูดด้วยเสียงขึ้นจมูกหนักๆว่า “ท่านพูดคำไหนคำนั้นใช่ไหมเพคะ ถ้าหากว่าองค์หญิงแคว้นมั่วเป่ยหน้าตาดีแล้วท่านชอบพอหน้าตาของนางล่ะ”

มู่หรงฉีกอดเธอเอาไว้ เขาสัมผัสได้ถึงความพอใจและมีความสุข “โลกของเราคึกคักไปอีกนานแสนนาน ใครจะเทียบกับชิงฮวนของข้าได้ เจ้าต่างไปจากคนอื่น ต่อให้นางหน้าตาดีขนาดไหนในสายตาของสามีก็มีเพียงเจ้า”

ชิงฮวนยื่นนิ้วก้อยออกมา “สัญญา?”

มู่หรงฉีลอบยิ้มนิดๆ เขายื่นนิ้วก้อยออกไปอย่างว่าง่ายและประทับนิ้วหัวแม่มือเข้ากับเธอเบาๆเพื่อยืนยัน

องครักษ์กรูกันเข้ามาเพื่อแบกศพของพระสนมหลินเฟยออกไป มีคนนำถังน้ำและผ้าขี้ริ้วเข้ามา อีกทั้งยังมีไม่นานพื้นที่เลอะเลือดก็สะอาดเอี่ยม

ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ด้วยเหตุนี้พระสนมหลินเฟยก็ได้ตายอย่างมีเกียรติ อย่างน้อยนางก็ตายแบบมีอวัยวะครบ

แต่ความในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ไร้ใจ แต่ลึกๆในใจของชิงฮวนแล้วเธอกลัวผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่อยู่ข้างกายว่าในอนาคตเขาจะถูกหักหลังแบบนี้ เพื่อปกป้องแผ่นดินแล้วเขาจะเป็นต้องโหดร้าย

เมื่อนึกถึงตอนแรกที่ความตายของฉีจิ่งอวิ๋นทำให้เขานึกถึงมันมาตลอดหลายปี เขาไม่โหดเหี้ยมและยังไม่หนักแน่นจึงทำให้เขาไม่สามารถลงมือถึงขั้นไร้เยื่อไยได้ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ดีได้

ภายในพระราชวังฮ่องเต้ชราถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “ฉีเอ๋อร์มาหรือยัง”

มู่หรงฉีรีบขานรับและเข้าไปคุกเข่าทำความเคารพด้านใน

ฮ่องเต้ชราเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย ดวงตาของเขามีเส้นเลือดสีแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน มองดูแล้วน่าสงสาร แต่เขาก็ยังคงพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “เพื่อเหล่ิงชิงฮวนคนเดียวเจ้าถึงกับไม่ลังเลที่จะเปิดเผยตัวและเปลี่ยนแผนการเดิมเป็นผลให้หัวหน้าเหอหนีไปได้ ข้าประเมินเจ้าสูงไปจริงๆ”

มู่หรงฉีก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม “เสด็จพ่อโปรดลงโทษด้วย”

“ทำไมเจ้าถึงไม่แก้ต่างให้ตัวเองล่ะ ตัวอย่างเช่นตอนนั้นข้าได้กุมชัยชนะเอาได้แล้วอะไรประมาณนั้น”

“ไม่ได้ดูจริงหรือ? ข้าคิดว่าอาศับความเจ้าเล่ห์ของเหลิ่งชิงฮวนนางจะต้องสงสัยแน่และเปิดมันออกดูสักหน่อย”

มู่หรงฉีก้มหน้าลงด้วยใบหน้านิ่งสงบและไม่มีอาการตกใจ “นางไม่กล้าขัดพระบัญชาหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชราจ้องเขาอยู่นานจึงพยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า เจ้าไม่มีทางโกหก เจ้าบอกว่านางไม่ได้ดู ข้าก็จะถือว่าไม่เห็นก็แล้วกัน”

มู่หรงฉีลอบบีบเหงื่อในมือและไม่กล้าพูดอะไรเสียมารยาทออกมา เขารู้สึกว่าดวงตาของชายชราร้อนแรงราวกับไฟ

เหล่ิงชิงฮวนที่แอบฟังอยู่ด้านนอกเองก็หวั่นใจ เธอเห็นฮ่องเต้ชรากำลังสั่งสอนมู่หรงฉี แต่สายตาที่มองมู่หรงฉีนั้นยิ่งมองยิ่งเต็มไปด้วยความรัก เรื่องนี้ไม่ดีหรอก ท่านอย่าลืมไปนะว่าคนที่มาช่วยยังอ๋องรุ่ยด้วย

มู่หรงฉีไม่กล้าเอาหน้าคนเดียว เขาเข้าวังมาพร้อมกับอ๋องรุ่ย ฝ่าบาทท่านต้องให้ทั่วถึงหน่อยสิอย่ายกมันหมดให้คนคนเดียวสิ

หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันในห้องเสร็จแล้วก็ดูเหมือนว่าไม่รู้จะคุยอะไรกันแล้ว

มู่หรงฉีก็ถือตราพระราชลัญจกรออกมาด้วยความเคารพแล้วส่งให้กับฮ่องเต้ชรา ฮ่องเต้ชราเห็นมองตราพระราชลัญจกรเขาก็ยิ้มออกมา ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่มองมู่หรงฉีเมื่อครู่นี้

“ดูสิ หลานชายคนโปรดของข้าแค่ครู่เดียวเขาก็จัดการเรื่องใหญ่ได้แล้ว ทั่วทั้งราชสำนักนี้ข้าจะเอาตราพระราชลัญจกรให้ใครก็ไม่วางใจ สุดท้ายก็เป็นเด็กน้อยที่จัดการภารกิจสำคัญนี้ได้สำเร็จ”

มู่หรงฉีรู้สึกละอายเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

ชายชราถือตราพระราชลัญจกรขึ้นมาแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เด็กน้อยเอาตราพระราชลัญกรไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน ได้ยินว่าพวกเจ้าทุกคนเก็บเป็นความลับเอาไว้ พระสนมหลินเฟยส่งคนไปที่จวนอ๋องฉีสองกลุ่มและค้นทั่วตำหนักเฉาเทียนทุกตารางนิ้วแล้วก็หาไม่พบ”

หาไม่เจอก็หาไม่เจอสิ ประตูของรังสุนัขเล็กมาก นอกจากอวิ๋นเช่อที่เข้าออกได้ตามอำเภอใจแล้วก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้อีก อีกทั้งไม่มีใครนึกถึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา