ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 895

เมื่อพูดถึงชิงเจียวมู่หรงฉีก็นึกถึงเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเขา

“วันนี้น้องห้าได้จัดการกับนักการกรมโยธาที่เมื่อวานได้รับคำสั่งจากพระสนมหลินเฟยให้ขู่บังคับชิงเจียวทั้งยังสอบปากคำผู้บัญชาการฮั่วอีกด้วยถึงได้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่อง

พระสนมหลินเฟยรู้เรื่องบาดหมางระหว่างจินซื่อกับเจ้าจึงวางแผนต่อต้านชิงเจียวแต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือ แอบพาจินซื่อเข้ามาในเมืองหลวงแล้วกักขังไว้

วังหลวงเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เจ้าถูกขังอยู่ในวังใต้ดิน นางเผื่อไว้คิดอยากที่จะขู่บังคับชิงเจียวฉวยโอกาสที่วุ่นวายพาตัวอวิ๋นเช่อออกไปจากสุสานหลวงฝั่งตะวันออก แม้ว่าเจ้าจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ก็ยังสามารถขู่บังคับให้เจ้ามอบพระราชลัญจกรเรียกได้ว่าเป็นการคำนวณที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เมื่อวานชิงเจียวไปที่กรมโยธาเพื่อตามหาช่างฝีมือที่คุ้นเคยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับแบบการสร้างสุสานหลวงฝั่งตะวันออกพระสนมหลินเฟยรู้ข่าวก็ส่งคนไปเอาจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของจินซื่อเอาชีวิตของจินซื่อมาบีบบังคับชิงเจียวให้เชื่อฟังนางหาโอกาสส่งตัวอวิ๋นเช่อไปอยู่ที่วัดบนเขา

ชิงเจียวกำลังแข็งแกร่งก้าวไปข้างหน้าคว้าคอเสื้อของนักการคนนั้น อยากจะสู้กับเขาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นตอนที่กำลังชุลมุนนั้นน้องห้ามาเห็นเข้าพอดี

น้องห้าใช้ตำแหน่งหน้าที่แอบคัดลอกแบบแผนการสร้างมาให้ชิงเจียวแล้วถามว่าโต้เถียงกันด้วยเรื่องอันใดทั้งสองก็ไม่กล้าพูดความจริงจึงบอกปัดไปเป็นเพราะชิงเจียววู่วามอยากที่จะบุกเข้ากรมโยธา

ตอนนั้นน้องห้าเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจละเว้นนักการผู้นั้นนำภาพวาดมอบให้กับชิงเจียว ชิงเจียวคิดชั่งน้ำหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้สึกว่าช่วยเหลือเจ้านั้นสำคัญกว่าก็เลยนำภาพวาดนั้นกลับที่สุสานหลวงฝั่งตะวันออกก่อน”

ชิงฮวนถอนหายใจ “เจ้าเด็กคนนี้หลังจากที่แยกจากจินซื่อก็เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ หลังจากที่กลับมาแล้วไม่มีใครมองออกเลยว่าความรู้สึกของเขานั้นผิดแปลกไป

จนกระทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในที่สุดเขาก็ไม่สามารถปล่อยวางจินซื่อได้ซ้ำยังไม่สามารถเอ่ยปากขอร้องพวกเราได้ก็เลยคิดวิธีประนีประนอมนี้เรียกอวิ๋นเช่อมาถามหาที่อยู่ของพระราชลัญจกรหวังว่าจะสามารถช่วยจินซื่อได้

ใครจะไปรู้อวิ๋นเช่อเห็นเขาจากไปก็นึกสงสัยหลอกตี้ลี่และคนอื่น ๆว่าอยากจะไปเข้าห้องน้ำไม่อนุญาติให้พวกนางแอบดูเอาผ้าเช็ดตัวแขวนไว้บนต้นไม้แล้วตัวเองก็แอบตามไป ใครจะไปคิดว่าคนของพระสนมหลินเฟยจะเฝ้ารอกระต่ายใต้ต้นไม้หยั่งเชิงดูสถานการณ์ใช้ผ้าโปะจนอวิ๋นเช่อสลบแล้วพาตัวไป”

“อวิ๋นเช่อพกงูพิษสามตัวของเจ้าติดตัวไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ทำไมอีกฝ่ายถึงยังสามารถลงมือได้?”

“อวิ๋นเช่อบอกว่าเขาเอาเจ้าสามตัวน้อยไว้ในกระเป๋าหูรูดในตอนนั้นไม่สามารถป้องกันตัวได้ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็หลอกคนที่เฝ้าอยู่บอกว่าในกระเป๋าหูรูดของตัวเองมีก้อนทองคำอยู่ขอให้ชายคนนั้นนำไปซื้อขนมให้ตัวเองกิน ชายโลภคนนั้นเปิดกระเป๋าหูรูดของเขาผลสุดท้ายก็ปล่อยเจ้าสามตัวน้อยออกมาถึงทำให้อวิ๋นเช่อรอดปลอดภัยได้”

ทั้งสองมองไปที่อวิ๋นเช่อที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ใบหน้าเล็ก ๆยังคงอ้วนนุ่มผุดผ่อง ขนตาหนางอนขึ้นเล็กน้อยในขณะกำลังนอนฝันบางทีก็เห็นยกยิ้มที่มุมปากเต็มไปด้วยความใสซื่อไร้เดียงสา แขนเล็ก ๆที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มนั้นทั้งกลมและแข็งแรงนอนกอดหยกหรูอี้ไว้แน่นเอามาแนบไว้ที่ใบหน้าเหมือนกับตุ๊กตาเด็กผิวเนียนละเอียดหลุดออกมาจากภาพวาดที่ใช้ติดในวันขึ้นปีใหม่

ต้องการเพียงแค่เฝ้าดูในใจก็รู้สึกเหมือนระลอกน้ำพลิ้วไหวเต็มไปด้วยจิตใจที่สงบอดไม่ได้ที่จะกอดไว้ในอ้อมแขนซึมเข้าไปถึงข้างในหัวใจ

อาหารที่อยู่บนโต๊ะนั้นเย็นหมดแล้วทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวเย็นไปด้วยพูดคุยเสียงเบา ๆไปด้วย

ชิงฮวนพูดถึงการต่อสู้ที่ใช้ไหวพริบและความกล้ากับพระชายาเฮ่าในวังใต้ดินรอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ส่วนมู่หรงฉีเล่าเรื่องที่ตัวเองบัญชาการจัดทัพยังไงเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิด

“ข้าสั่งให้องค์รักษ์สัตย์จริงคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวในวังหลวงไว้ขอเพียงพระสนมหลินเฟยออกคำสั่งก็จะสั่งให้คนสะกดรอยตามที่พำนักของพวกเขาก็จะสรุปได้ว่ากองทัพทั้งสามเหล่าของเสด็จอารองอยู่ที่ไหนและก็รู้ว่ากองทัพที่อ๋องเฮ่าสั่งให้เดินทางไปยังสุสานหลวงฝั่งตะวันออกเดาได้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าแน่นอน”

มิน่าล่ะเสิ่นหลินเฟิงถึงไม่ได้รายงานให้มู่หรงฉีทราบ ไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถรู้ข่าวที่ตัวเองติดอยู่ในวังใต้ดินได้ในทันที

คน ๆนี้จำเป็นต้องซื่อสัตย์ต่อฉางอัน จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ยังต้องหูตาทะลุโปร่งปราดเปรียว ประสาทการดมกลิ่นว่องไว ความสามารถเหนือผู้อื่นขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้

จิ่งอวิ๋นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแล้วจริง ๆ

“อีกอย่างถึงแม้ว่าเสด็จพ่อรับสั่งว่าให้ตำแหน่งขุนนางกับจิ่งอวิ๋น แต่ก็ไม่เคยพูดถึงตัวตนของเขาต่อสาธารณะอย่างไรพระมหากรุณานี้ควรปล่อยให้ท่านเป็นฝ่ายเอ่ยปากแล้ว”

มู่หรงฉีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เขาได้เก็บถุงไหมไปแล้วซ้ำยังทำลายไปแล้วอีก ข้าคิดว่ายังมีการเปลี่ยนแปลงก็คือต้องถอนคำพูด”

ชิงฮวนเม้มปาก ก็รู้ว่าถึงแม้เด็กรับใช้คนนี้ไม่กล้าปริปากพูดแต่จริง ๆแล้วรู้เรื่องพระราชโองการที่สองในถุงไหมอยู่แล้ว ทว่ากำลังล้อตัวเองเล่นก็เท่านั้นเอง

ชายชราเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วเอาความปลอดภัยชีวิตมาเป็นเดิมพัน ขจัดหอกข้างแคร่ของเสด็จอารองแทนคนรุ่นหลัง เพื่อวางรากฐานรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่น

เขาทำเรื่องที่แย่ที่สุดเอาพระราชลัญจกรให้อวิ๋นเช่อ มอบพระราชโองการสืบราชบัลลังก์ให้มู่หรงฉีประกอบกับมู่หรงฉีและอ๋องเซวียนควบคุมกองกำลังทหารก็ถือว่ามั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าอ๋องเฮ่าจะโชคดีบรรลุผลสมคบคิดชิงราชบัลลังก์ แต่ก็เป็นเพียงความภาคภูมิใจชั่วครู่เท่านั้นต่อต้านกองกำลังทหารม้าของมู่หรงฉีไม่ได้

บัดนี้ฝุ่นผงขนาดจิ๋วพระราชโองการลับในถุงไหมนั้นชายชราไม่ได้เก็บกลับไป ไหนเลยจะสามารถทำใจสงบได้?

“วันนี้หม่อมฉันเพิ่งทำการตรวจพระวรกายเสด็จพ่อ ท่านวางใจได้พระองค์พระวรกายแข็งแรงดีมากเพคะ มีพระชนม์ชีพอยู่ได้อีกยี่สิบปีก็ไม่เกินจริง ท่านฟังพระองค์ทอดถอนใจทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรให้น่าเป็นห่วงให้น้อยลง ทุกวันร้องโอดครวญปวดหัวเป็นไข้ก็จะเรียกใช้ท่านเพียงคนเดียว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา