ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 96

มู่หรงฉีกัดฟัน จากนั้นก็จิ้มเอาเข้าปากหนึ่งชิ้น เขากลั้นหายใจแล้วเคี้ยว แทบอยากจะร้องไห้ นี่มันหาเรื่องให้ตนเองชัดๆ ทำไมถึงคิดอยากจะกินของพรรค์นี้กันนะ

เมื่อเอาเข้าปากนั้นรับรู้ถึงความกรอบนอกนุ่มใน อีกทั้งยังมีพริกแดงสดที่ไปกระตุ้นต่อมรับรส เขาลองถอนหายใจอย่างระมัดระวัง ดมแล้วเหม็น แต่พอได้กินกลับหอมมาก แม้จะเทียบกับอาหารหรูหรา แต่ก็มีกลิ่นอายของความเป็นเอกลักษณ์

"ก็ดีนะ เจ้าไม่ลองกินดูหรือ"

เหลิ่งชิงฮวนยื่นหน้ามา จากนั้นก็เอานิ้วชี้ไปมา "ท่านดูซุปนั้นสิ เหนียวเหนอะหนะเหมือนกับน้ำมูกเลย แล้วก็เต้าหู้เหม็นนั่นสิ ดำปี๋เหมือนกับเท้าที่ไม่ได้ล้างมาหลายเดือน กลิ่นก็เหมือน"

ท่าทีการเคี้ยวของมู่หรงฉีนั้นค่อยๆ ช้าลง จากนั้นก็รู้สึกคันคอขึ้นมา แล้วก็นึกภาพน้ำมูกที่มีความยืดหยุ่นของเจ้าเด็กเมื่อกี้ ของอร่อยก็จริง แต่พอโดนผู้หญิงคนนี้วิจารณ์แบบนี้แล้ว ใครจะไปกินลง

"ต่อให้มันเหม็น มันจะเหม็นสู้ปากเจ้าได้หรือ"

เหลิ่งชิงฮวนลองคิดๆ ดูปากของตนจากนั้นก็พูดว่า "ปากหม่อมฉันจะเหม็นสู้ปากท่านได้อย่างไร แค่พูดกลิ่นก็เหม็นคลุ้งไปหมด"

มู่หรงฉีนั้นกินไม่ลงแล้ว เขาเอาถ้วยวางไว้ข้างๆ

"นี่ท่านจะกินไหม ข้างนอกรถนั้นมีสุนัขรอท่านเป็นฝูงเลย" เหลิ่งชิงฮวนนั้นยิ้มเจ้าเล่ห์

"รอข้าทำไมกัน"

เหลิ่งชิงฮวนเม้มปาก จากนั้นก็หลบตัวไปด้านหลังอย่างรู้ตัว "เพราะว่า พวกมันจะรู้สึกว่าท่านกำลังแย่งกินพระบังคนหนักกับพวกมัน ฮ่าฮ่า"

ในขณะที่กำลังได้ใจ อยู่ๆ ใบหน้าของมู่หรงฉีนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้น ปากที่เหม็นของเขานั้นก็ประทับบนริมฝีปากของนางอย่างแนบชิดสนิท!

มันเหม็นจริงๆ แถมยังมีกลิ่นของเต้าหู้เหม็นอีกด้วย

นางทิ้งตัวไปด้านหลัง แต่ด้านหลังนั้นเป็นตู้นั่งรถม้า จึงไม่มีที่ที่จะหนีได้

เหลิ่งชิงฮวนนั้นตะลึงไปทันที วิญญาณของนางนั้นราวกับหลุดออกจากร่างไปชั่วขณะ และรู้ว่าหูอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นี่มันอะไรกัน จูบแรกของข้าถูกเอาไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ มอบให้กับเต้าหู้เหม็นหรือเนี่ย

มู่หรงฉีหาที่ตายชัดๆ!

นางผลักมู่หรงฉีออกอย่างแรง จากนั้นก็ชกไปที่หน้าของเขาทันทีโดยที่ไม่ได้คิดอะไร!

เมื่อกี้มู่หรงฉีเองก็หุนหันพลันแล่นเกินไป พอเห็นว่าเหลิ่งชิงฮวนนั้นทำสีหน้าได้ใจ เขาก็รู้สึกโกรธอย่างมาก

อย่างที่คำโบราณกล่าว มีความสุขคนเดียวสู้มีความสุขกันทุกคนจะดีกว่า งั้นก็ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ลิ้มรสรสชาติของเต้าหู้เหม็นสักหน่อย ความคิดนี้มันไม่ทะลึ่ง แต่ที่ทะลึ่งคือเมื่อเขามีความแบบนี้ เขาไม่ได้ไปหยิบเอาเต้นหู้เหม็นที่อยู่ข้างๆ แต่กลับไปจูบปากที่ช่างพูดของนางด้วยความหุนหันพลันแล่น

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้นพูดว่า ผู้หญิงบางคนนั้นก็เหม็น แต่พอได้ลิ้มรสแล้วก็จะหอมหวาน แต่ว่า ปากของเหลิ่งชิงฮวนนั้นมีรสชาติอย่างไร เขากลับลิ้มรสไม่ออก เพราะว่าในปากของตนนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของเต้าหู้เหม็น

เขาจำได้แค่ว่า การสัมผัสอย่างกะทันหันนั้นได้รับรู้ถึงริมฝีปากที่นิ่มนวล อ่อนโยนและสัมผัสที่ลื่นไหล อ่อนโยนยิ่งกว่าไข่ขาวและละเอียดอ่อนยิ่งกว่ากลีบดอกไม้ และลื่นไหลยิ่งกว่าผ้าไหมชั้นนำ

นอกจากนี้ การสัมผัสที่กะทันหันนี้ ยังมีความรู้สึกแบบชาๆ แล้วส่งตรงไปยังสมองทันที หัวใจนั้นเต้นเร็วโดยไม่เป็นจังหวะ ราวกับมีกวางนั้นวิ่งไปมาในใจ เลือดในร่างกายนั้นสูบฉีดและไหลเวียนไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ปลุกความรับรู้ของร่างกายนั้นให้ตื่นตัว

ความรู้สึกแบบนี้เคยเป็นมาก่อนแล้ว และผสมผสานไปด้วยกลิ่นหอมของดอกวิสทีเรีย ริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นราวกับดอกวิสทีเรียที่ขยับไปมาอยู่เหนือหัว เขาเคยเข้าใจผิดว่านั่นคือฤทธิ์

เขานั้นเผลอละความสนใจไป จึงทำให้เหลิ่งชิงฮวนนั้นชกเข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง ยังดีที่เขาไหวตัวและรับมือได้ดี หมัดของนางถึงแค่ชกไปที่มุมปากของเขาจนบวม

"มู่หรงฉี นี่ท่านกล้าฉวยโอกาสข้ารึ!" ทันในนั้นเหลิ่งชิงฮวนราวกับสิงโตที่โกรธเคือง นางทั้งเตะทั้งต่อย "ข้าจะไม่อยู่ทนแล้วนะ!"

ประตูและหน้าต่างของห้องสมุดนั้นปิดมิดชิด เหล่าทหารอารักขาเองก็ไม่ได้เข้ามาเปิดประตูจุดไฟให้เหมือนครั้งก่อนๆ เขาเอามือผลักออก ทันใดนั้น กลิ่นเหม็นที่ผ่านการหมักและสะสมมานานครึ่งวันนั้นก็ลอยมา เขานั้นอึ้งจนยืนนิ่งอยู่กับที่

เหล่าทหารอารักขาที่อยู่ด้านหลังนั้นต่างพากันคุกเข่าลง "ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย พระชายานั้นท่าทางเกรี้ยวโกรธ มันช่างน่ากลัวนัก ข้าน้อยไม่กล้าห้ามท่านขอรับ"

"พระชายาบอกว่าในห้องสมุดของท่านมีเอกสารลับทางการรบ ห้ามใครเข้าไปโดยพลการขอรับ"

ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเขากลัวเต้าหู้เหม็นสองโหลในมือของเหลิ่งชิงฮวน

มู่หรงฉีนั้นกัดฟันแน่น ไม่ต้องเข้าไปในห้อง ไม่ต้องจุดไฟ แค่เดาเขาก็เดาออกว่าสภาพในห้องสมุดตอนนี้มันจะเละแทะแบบไหน

รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ใจแคบจะต้องแก้แค้นกลับแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้!

เขาทำเสียงไม่พอใจ "ที่สำคัญอย่างห้องสมุดของข้า พวกเจ้ากล้าปล่อยให้คนอื่นเข้าออกอย่างอิสระ แถมยังถูกทำแบบนี้อีก ดี ดีมาก!"

ทหารอารักขาทุกคนต่างเงียบกริบ และก็ไม่กล้าที่จะพูดเถียงอะไร พระชายารองนั้นไปห้องสมุดของท่านอย่างว่าเล่น พระชายาเอกเข้าไปหน่อยจะเป็นอะไร

มู่หรงฉีโกรธแล้วสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดประตูดัง "ปั้ง" โกรธจนเส้นเลือดที่หัวบนปูดขึ้น "ให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป ทำความสะอาดห้องสมุดให้สะอาด เต้าหู้เหม็นนี่ก็จะเป็นอาหารวันพรุ่งนี้ของพวกเจ้าทั้งวัน กินให้สะอาด อย่าให้เหลือแม้กระทั่งน้ำซุป!"

"ห๊ะ"

ในใจของเหล่าทหารอารักขานั้นร้องโอดครวญ ว่ากันว่าป้อมปราการไฟไหม้ คนที่อยู่รอบๆ ก็จะพลอยโดนลูกหลง มันเป็นความจริงๆ พวกท่านสองคนทะเลาะกัน มาลงโทษที่พวกเราได้ยังไงกัน

บ่นก็ส่วนบ่น แต่คำสั่งของท่านอ๋องก็จะต้องฟัง แถมยังต้องจำไว้ว่า ต่อไปห้องสมุดของท่านอ๋อง ห้ามไม่ให้พระชายาเข้าเด็ดขาด นี่มันเป็นบทเรียนรู้ที่แลกมาด้วยน้ำตาจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา