“ท่านพ่อ คนฝั่งตรงข้ามดูเหมือนกำลังเรียกพวกเรา” ต้าเนียนพูด
ซ่งฝูกุ้ยลุกขึ้นยืน ใช่ไหม? เขาหรี่ตามองฝั่งตรงข้าม “แม่น้ำฝั่งนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนมากันเยอะแยะ ในหมู่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
ผู้ติดตามเริ่นจื่อเซิงรีบใช้มือป้องปากตะโกนบอก “สหาย นำแพมารับพวกข้าไปฝั่งนั้นที”
ซ่งฝูกุ้ยเอียงหูฟัง “อะไรนะ?”
เขาฟังไม่ชัดจึงตะโกนกลับไป “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“พวกเราจะไปริมแม่น้ำฝั่งเจ้า!”
ซ่งฝูกุ้ยถามลูกชายทั้งสอง “เขาบอกว่าจะมาฝั่งนี้ใช่ไหม?”
“ท่านพ่อ ใช่แล้ว น่าจะใช่นะ”
ซ่งฝูกุ้ยถามเสร็จก็ส่ายหน้า เป็นไปได้อย่างไร จะมาที่นี่เพื่ออะไร
มองไกลออกไปก็รู้สึกได้ว่าหลายคนฝั่งตรงข้ามดูมีลักษณะท่าทางมีเงิน มีรถม้า
ซ่งฝูกุ้ยตะโกนบอกฝั่งตรงข้าม “พวกเจ้าจะขึ้นภูเขาไหม? เย็นแล้วยังจะขึ้นเขาอีกหรือ?”
สองฝั่งมีสายน้ำกั้นกลางไว้ ตะโกนคุยกันเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ความแจ่มชัด
คนหนึ่งตะโกนไม่หยุด “พวกเราจะข้ามไปฝั่งของเจ้า” อีกคนก็ตะโกนถามไม่หยุด “เจ้าพูดอะไร” เซี่ยเหวินหยวนขมวดคิ้ว
เริ่นจื่อเซิงก็ขมวดคิ้วให้ผู้ติดตามรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ให้พวกเขานำแพพายมา “บอกกับเขา ข้าจะให้เงิน”
ซ่งฝูกุ้ยได้ยินคำนี้ชัดเจน เขาคิดในใจ แม้จะได้เงินจ้างน้อยนิดเป็นค่าผักกาดขาวเพียงไม่กี่หัว เขาก็ยอมทำ “จะให้เงินเท่าไหร่?”
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?”
ซ่งฝูกุ้ยยกมือขึ้นมาและออกแรงโบกไปมา
“ตกลง ห้าร้อยเหวิน(ครึ่งตำลึง) รีบถ่อแพมา!”
“ห้าร้อยเหวิน(ครึ่งตำลึง)?” ต้าเนียนถามซ่งฝูกุ้ย
เอ้อร์เนียนตกใจจนตาเบิกกว้าง
“ไม่ใช่ ข้าบอกว่าอย่างน้อยก็ห้าเหวิน ข้าไม่ได้บอกว่าห้าร้อยเหวิน(ครึ่งตำลึง)นะ” เขาพูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ซ่งฝูกุ้ยรีบดำเนินการ เขาให้ลูกทั้งสองคนช่วยกันพยุงแพวางให้ดี เขาจะรีบถ่อแพออกไป
นั่นเป็นเงินห้าร้อยเหวิน(ครึ่งตำลึง)ให้ท่านลุงซ่ง และยังสามารถซื้อข้าวสารได้ไม่น้อยให้ทุกคนได้กิน
อย่าว่าแต่จะพาคนพวกนั้นข้ามแม่น้ำเลย ต่อให้เขาถ่อแพพาคนพวกนั้นลอยล่องอยู่ในแม่น้ำทั้งคืน เขาก็จะทำ
ต้าเนียน เอ้อร์เนียนจะตามไปกับซ่งฝูกุ้ยด้วย แต่ซ่งฝูกุ้ยปฏิเสธ
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ถ้าไม่ยอมจ่ายเงินห้าร้อยเหวิน (ครึ่งตำลึง) เขาจะถ่อแพไปกลางแม่น้ำรอ ซ่งฝูเซิง ให้คนพวกนั้นที่อยากข้ามแม่น้ำโมโห
หลังจากนั้นต้าเนียนกับเอ้อร์เนียนก็จ้องมองพ่อของตนเองถ่อแพไปยังฝั่งตรงข้าม
ดูเหมือนยื่นเงินให้แล้วจริงๆ
หลังจากนั้นก็มีชายสูงวัยคนหนึ่งรีบปรากฏตัวขึ้นมา ชายสูงวัยคนนั้นเป็นคนขึ้นแพคนสุดท้าย คนอยู่บนฝั่งพูดเซ็งแซ่จนฟังไม่รู้เรื่อง
แพของซ่งฝูกุ้ยบรรทุกผู้โดยสารสี่คนกลับมา
ถ่อแพมาเกินครึ่งทางแล้ว ต้าเนียนกำลังเดินหน้าเข้าไปดึงแพเข้าริมท่าน้ำ ทันใดนั้นไม้ค้ำในมือของซ่งฝูกุ้ยที่ถ่อแพก็ลื่นหลุดมือ แพทั้งลำก็พลิกคว่ำทันที
ตุ๋ม ตุ๋ม ตุ๋ม เสียงตกน้ำตามกันมา นาทีนั้นแต่ละคนที่ตกน้ำต่างพยายามว่ายน้ำเอาชีวิตรอด
เอ้อร์เนียนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาหันหลังวิ่งไปตามเส้นทางกลับบ้าน “ท่านปู่ แย่แล้ว ท่านปู่ คนที่อยู่บนแพตกน้ำกันหมดแล้ว!”
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ เริ่นโยวจินที่คอยสังเกตการณ์มาโดยตลอดถึงกับกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดออกมา สายตายังคงจับจ้องพวกคนลี้ภัยกระโดดลงน้ำเพื่อช่วยเหลือ มีผู้ชายร่างกำยำหลายคนกระโดดลงไปช่วยคนที่อยู่ในน้ำขึ้นฝั่ง
ทำไมต้องช่วย
ทำไมไม่ปล่อยให้พวกมันจมน้ำตาย
หรือป่วยเพราะความเหน็บหนาว ให้พวกมันแข็งตาย
เขาบอกกับท่านลุงซ่งว่า ได้ยินมาว่ามีผู้อพยพเข้ามาใหม่ในหมู่บ้านจึงอยากมาดู มาดูว่าทุกคนมีความเป็นอยู่ลำบากหรือไม่ เริ่นหลี่เจิ้งซึ่งเป็นพ่อของเขายังไม่เคยพบหน้าทุกคนก็รู้สึกห่วงใยจึงตามมาด้วย เป็นช่วงจังหวะที่พี่ชายของภรรยาก็อยู่ด้วยจึงตามมาดูพร้อมกัน
มีเรื่องลำบากอะไรหรือไม่?
เริ่นจื่อเซิงทำท่าทางขุนนางใหญ่ลงมาถามสารทุกข์สุขดิบกับชาวบ้าน
ท่านลุงซ่งนิ่งงัน หลุดพูดออกมา “พวกท่านมาเพื่อพวกเราหรือ?”
เริ่นจื่อเซิงอธิบายต่อ “ใช่สิ โดยเฉพาะวันนี้สะพานขาดก็ยิ่งกังวลว่าพวกท่านจะได้รับความลำบาก ใช่แล้ว เมื่อครู่ได้ยินว่ามีคนในครอบครัวยังไม่กลับมา? ไปเมืองเฟิ่งเทียนยังไม่กลับบ้าน? เป็นลูกชายหรือหลานชายของท่านลุง?”
เมื่อท่านลุงซ่งถูกถาม เขาก็ตอบตามความจริงว่า “ฝูเซิงเป็นหลานของข้า”
หลังจากพูดประโยคนี้แล้ว ท่านลุงซ่งก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
เขาคิดในใจ คนพวกนี้ไม่ได้ประสงค์ดีแน่ ต้องมาไม่ดีแน่นอน
ถึงแม้จะมาดี ข้างนอกคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ก็ได้
มิเช่นนั้นสองวันที่ผ่านมาหลี่เจิ้งที่ไม่เคยโผล่หน้าออกมาก็มาแล้ว วันนี้ลูกชายของหลี่เจิ้งก็มาด้วย คนที่ดูสง่างามสูงส่งคนนั้นก็ไม่รู้ว่ามีตำแหน่งอะไรก็ตามมาด้วย นั่งอยู่บนตั่งที่ผุพังของพวกเขา
พวกเขามีอะไร? พวกเขาเป็นกลุ่มผู้อพยพมา ไม่มีผลประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะได้รับ
โดยเฉพาะสอบถามเขาถึงเรื่องฝูเซิง ซ่งฝูเซิงก็ยังไม่กลับถึงบ้าน ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านลุงซ่งคาดการณ์ไม่ออก
ท่านลุงซ่งครุ่นคิด ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนกลุ่มนี้ที่มามีเป้าหมายอะไร แต่เขามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ
พวกเขาเชื่อฟังซ่งฝูเซิงเท่านั้น
เมื่อผู้นำครอบครัวไม่อยู่ พวกเจ้ายอมนั่งคอยอยู่บนตั่งก็นั่งรอต่อไปเถอะ พวกข้าช่วยพวกเจ้าแล้ว และยังให้เสื่อ น้ำร้อน ตั่งอุ่นๆ พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว เขาต้องไปทำงานแล้ว
อย่าหวังว่าจะล้วงเอาความลับอะไรจากปากของเขาได้
เขาอายุมากแล้ว ช่วยอะไรฝูเซิงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่พูดเลอะเทอะจนเพิ่มภาระให้กับเด็กๆ
ท่านลุงซ่งมีความรู้สึกว่า น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...