“...” เขาไม่ตอบอะไรกอดอกเอนตัวอย่างสบายใจ โซเฟอร์เหลือบมองกระจกหลังรอคำสั่งของคนโดยสาร
“ออกรถเลยครับ”
“จะตามมาทำไมไม่ทราบคะคุณธัญญ์”
“ถ้าอาธีร์ถามฉันจะได้ตอบถูกว่าเธอไปไหน ไปทำอะไร” คำยียวนทำให้คนสาวไม่สบอารมณ์
“จะตามมาคอยดูแล ควบคุม หรือจับผิด”
“ประเด็นหลังน่าสนใจ”
“อีตาบ้า...ลงไปเลยนะ” ชายหนุ่มแสร้งมองออกไปนอกกระจกไม่สนเสียงขุ่นที่บ่นไม่หยุด
“คุณธัญญ์...ฉันบอกให้ลงไป ไม่ได้ยินเหรอ”
“...” หลังจากทำอะไรเขาไม่ได้ พิยะตาจำใจต้องถอยทัพสงบอารมณ์ ทั้งคู่เงียบตลอดเส้นทาง จนรถจอดบริเวณหน้าถนนที่เป็นแหล่งบันเทิงเริงรมณ์ของคนชอบเที่ยว หญิงสาวรีบลงจากรถโดยไม่สนใจคนที่ตามมา
“เฮ้ยนี่เธอ ใจคอจะไม่รอกันหน่อยเหรอ”
“จะไปไหนก็ไป” ธัญญ์เดินตามมาจนถึงหน้าบาร์เหล้าของดนุพร เขาลังเลเล็กน้อยที่จะเดินเข้าไป แต่ร่างเล็กนั้นก็ไวเสียจนเขาเห็นเพียงชายกระโปรงพ้นซุ้มประตูทางเข้า
“พี่คะ...มาคนเดียวเหรอคะ”
“เข้ามาดื่มอะไรเย็นก่อนสิคะ” หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าบาร์กำลังรุมล้อมตัวเขา
“ไม่ครับ ผมไม่ดื่ม” มือหนายกขึ้นโบกปฏิเสธ แต่สาวทั้งหลายก็ต้องทำหน้าที่ให้สุดกำลัง เสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อนตื้อลูกค้าหนุ่มไม่หยุด
“นะคะพี่ขา...วันนี้คนไม่เยอะหรอก”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มต้องรีบหาทางหลบเลี่ยงเพื่อจะได้ตามหญิงสาวตัวเล็กเข้าไปด้านใน
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ...ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวชะมัด” พูดจบชายหนุ่มก็มองหาคนที่เขาตามมา แต่ก็ไร้วี่แววของเธอ
“ยายพิตต้าก็ไวอย่างกับลิง” ธัญญ์นั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ เขาสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาย้อมใจที่กำลังร้อนรน บรรดานั่งเที่ยวในบาร์ดูบางตาลงมากคงเป็นเพราะบรรยากาศเดิมไม่ดึงดูดลูกค้าของที่นี่แน่ๆ เขานึกในใจถ้าได้บาร์นี้มาคงดีจะได้ปรับปรุงเสียใหม่ให้ลูกค้าถูกใจคงมีรายได้ไม่น้อย แต่ความคิดของเขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นโคโยตี้สาวๆ แต่งตัววาบหวิวเดินเรียงรายกันออกมาจับจองฟลอทรงกลม บ้างก็ใส่เพียงยกทรงกับจีสตริง เสื้อกล้ามเอวลอยกับกางเกงยีนส์ตัวจิ๋ว เห็นแล้วพาให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หัวใจพองโตตาลุกวาวนั่งกันแทบไม่ติดเก้าอี้ เสียงฮือฮาดังระงม แต่เขากลับนึกสมเพชผู้หญิงพวกนี้ที่ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ใช้ความรู้หากินในอาชีพที่ดีกว่านี้ แก้วเบียร์ถูกยกขึ้นมาชิดริมฝีปากหมายจะกลืนลงดับความครุในใจ แต่ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มเกือบจะสำลักเบียร์ที่เขาดื่มเข้าไป เพราะคนที่อยู่บนเวทีสูงเบื้องหน้าช่างคุ้นตาเสียจริง ร่างบางอรชรสวมใส่กระโปรงยีนส์สั้นอวดต้นขากับเสื้อเกาะอกอย่างที่เธอใส่ประจำ แต่วันนี้เธอกลับรวบชายเสื้อขึ้นโชว์หน้าท้องที่ขาวนวลเนียนจนชายหลายคนมองตาค้างไม่เว้นแม้แต่เขา ส่วนเว้าโค้งที่อวดสายตาทำให้ภายในร่างกายร้อนผ่าว สีหน้าเขาแดงกล่ำโดยไม่รู้สาเหตุ เสียงผิวปากแซวจากหนุ่มวัยกัดมันดังไปทางร่างเล็กที่ยืนยิ้มหวานเชือดเฉือนใจ ดนตรีเริ่มแล้วหญิงสาวยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะโยกเอวซ้ายขวาช้าแล้วบิดตัวต่ำกระดกก้นกลมงอน
“ทำบ้าอะไรของเธออีกเนี่ย...อาธีร์อุตส่าห์ชุบเลี้ยงยังจะกลับไปทำตัวต่ำๆ”
เขาสบถอย่างโกรธเคือง ความโกรธทำให้เส้นเอ็นที่แก้มกระตุก มือหนาถือแก้วเบียร์เอาไว้แน่น สายตาจับจ้องร่างบางๆไม่กระพริบ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากดูลีลายั่วยวนเช่นนี้ แต่การที่เธอมาโชว์เนื้อหนังเย้ายวนผู้ชายนับสิบมันทำให้จิตใจของชายหนุ่มร้อนรุ่มกระสับกระส่ายจนแทบนั่งไม่ติด สายตาคู่หวานมองเขาเมื่อเธอเดินสลับที่กับเพื่อน เอวบางแอ่นเอนชนสะโพกกับคู่เต้น รอยยิ้มมุมปากนั้นคงจะเยาะเย้ยเขาเป็นแน่ กว่าการแสดงชุดนี้จะจบลงธัญญ์ก็ขบกรามจนเจ็บไปทั้งปาก ชายหนุ่มตัดสินใจเดินอ้อมไปยังห้องแต่งตัวหลังเวที เขารีบคว้าแขนเรียวนั้นไว้ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาเพื่อนร่วมงาน
“ปล่อยนะคุณธัญญ์” ชายหนุ่มบีบแขนเล็กจนแดงเป็นรอย เขาดึงเธอแรงเสียจนเกือบจะลอยตามมือเขา หญิงสาวสะบัดแขนเท่าไหร่ก็ไม่หลุด มืออีกข้างพยายามแกะมือหนาที่กำข้อมือเธอ มันช่างยากเย็นเสียจริง จะร้องให้คนช่วยเธอก็สุดแสนจะอับอาย รถแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารคันหนึ่งถูกเปิดออกร่างบางเข้าไปนั่งตามแรงที่เขาผลักเธอ ชายหนุ่มบอกที่หมายซึ่งหญิงสาวไม่รู้จักและคิดว่าไม่น่าจะใช่ทางกลับบ้าน
“คุณเป็นบ้าอะไร...ตอนอยู่ในงานก็ยุยงให้ฉันทำตัวเป็นโคโยตี้ไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาโกรธเคืองกันแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวร่ายยาวด้วยความโมโห เธอไม่ใช่คนที่เขาจะมาทำรุนแรงได้ง่ายๆ มือหนายังคงกำข้อมือเรียวเล็กไว้ เพียงแต่แรงลดลงแล้ว พิยะตานั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนที่ตัวเธอนั้นจะเริ่มขยับแอบอิงหลังเบาะคนขับ ตัวเธอสั่นเล็กน้อยคงเพราะเครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบและยังเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นเลย ชายหนุ่มหันมองเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ยอมช่วยอะไรเธอคงเพราะต้องการกลั่นแกล้งให้สะใจ หญิงสาวเบ้ปากเมื่อชายหนุ่มหันกลับไปมองนอกกระจกรถ
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าครับ” ใบหน้าสวยหันมองทางทันที แสงสว่างที่เปิดตรงป้ายหินอ่อนบ่งบอกว่าที่นี่คือคอนโดมิเนียมหรูชานเมือง ชายหนุ่มจ่ายค่ารถก่อนจะดึงข้อมือเล็กๆให้ตามเขาลงมาด้วย หญิงสาวไม่มีแรงจะขัดขืนในตอนนี้เพราะอากาศเย็นทำให้ร่างกายสั่นไปทั้งตัว
“ปล่อยนะไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” เมื่อออกมายืนนอกตัวรถหญิงสาวก็เริ่มต้นโวยวายทุบตีร่างหนา แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านกลับมองหน้าเธอด้วยสายตาโกรธเคือง เสียงขบกรามดังทำให้หญิงสาวชะงักกำปั้นที่กำลังจะทุบไหล่แข็งแรง
“ฉันไม่ไป...ไม่ไปๆ” พิยะตายังคงโวยวาย เมื่อเขาออกแรงดึงตัวเธอเข้าไปในอาคาร
“นี่คุณ เค้าห้ามเสียงดังรู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มหันมาดุเธอ ขณะที่กำลังตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ไม่ไป ช่วยด้วยค่ะ คนโรคจิตมันฉะ...” คำพูดของหญิงสาวถูกมือหนาปิดเอาไว้ เขาออกแรงยกร่างบางขึ้นพาดบ่าแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์
“กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
“ยังจะโวยวายทำไมอีก งั้นต้องเจอแบบนี้” พูดจบคนหนุ่มก็ใช้มือหนาฟาดที่ก้นกลมเสียงดังป๊าบ
“ว๊าย...ไอ้บ้า...ฮือ ปล่อยนะ” หญิงสาวยังไม่ยอมหยุดจนเขาต้องลงโทษเธออีกครั้ง มือหนาตบก้นสาวสองครั้งติด จนเธอยอมเงียบเสียงลง ประตูลิฟต์เปิดแล้ว เขารู้ทันว่าเธอจะต้องโวยวายจึงแกล้งเอามือบีบคลึงก้นเธอเอาไว้
“ปล่อยนะไอ้บ้า” หญิงสาวพูดราวกับกระซิบอยู่ข้างหูเขา เสียงชายหนุ่มหัวเราะฮึๆ พอใจกับท่าทียอมจำนนของหญิงสาว คนสาวไม่รู้จะทำอย่างไรเธอใช้เข่ากระแทกหน้าอกเขาไปอึกหนึ่ง
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เขาเดินมาหยุดหน้าห้อง 808 ประตูไม้สีขาวสะอาดถูกเปิดออกช้าๆ กลิ่นน้ำยาปรับอากาศอ่อนๆ ลอยวนอยู่ในห้อง เสียงแก๊กเบาๆ ทำให้รู้ว่าเขากำลังกดล็อคที่ประตู
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณธัญญ์” เสียงเขียวดังชัดเจนข้างหูเขา เธอจงใจตะโกนใส่จนชายหนุ่มตกใจโยนร่างบางลงกับโซฟาตัวยาว
“โอ๊ย...จะบ้าเหรอคุณนึกจะปล่อยก็ปล่อยแบบนี้ เจ็บนะ” พิยะตานอนอยู่บนโซฟาขาขาวพาดที่วางแขน กระโปรงที่เธอสวมใส่เลื่อนเปิดจนเห็นชั้นในสีขาว สายตาเขาจ้องมองมันราวกับว่าเป็นขนมหวาน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในจะตื่นตัวเขาหันหน้าหนีก่อนที่หญิงสาวจะหยิบหมอนอิงมาปิดเอาไว้
“ฮึ ชอบนักนี่แต่งตัวโป๊ยั่วผู้ชาย”
“ฉันไม่ได้ไปยั่วคุณก็แล้วกัน”
“อ่อ ผมคงไม่เร้าใจเท่ากับพวกขี้เมาที่นั่งน้ำลายยืดเวลามองเห็นต้นขาของคุณล่ะสิ”
“แน่นอน หน้าคุณแค่มองยังหมดอารมณ์เลย” ชายหนุ่มเบิกตากว้างจ้องมองหน้าหวานที่ยียวนเขา หญิงสาวไม่ลดลาเธอเชิดหน้าท้าทายอย่างไม่กลัวเกรง
“ทำไม หน้าผมออกจะหล่อขนาดนี้ สาวๆ เห็นก็ต้องหลงทั้งนั้น”
“หลงตัวเองชะมัด ต่อให้ทั้งโลกเหลือผู้ชายอย่างคุณคนเดียว ฉันก็ไม่เอามาทำพันธุ์หรอกย่ะ” แขนเรียวกอดอกยืดตัวเพื่อให้ดูมั่นใจโดยลืมไปว่าตัวเองแต่งตัวไม่เหมาะสมที่จะไปสู้รบกับผู้ชายอย่างเขา สายตาชายหนุ่มจับจ้องเนินอกอวบขาวที่โผล่พ้นเสื้อเกาะอก เขาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจกลัวหญิงสาวจะอ่านความในใจของเขาออก
“ทำไมแค่นี้ถึงกับพูดไม่ออก...ฉันรู้หรอกน่าว่าที่คุณทำเป็นดูถูกผู้หญิงเพราะว่าถูกแฟนทิ้งไปแต่งงานกับคนอื่น มันก็น่าอยู่หรอกนะ ใครมันจะไปทนได้ผู้ชายอย่างคุณ”
“ผู้ชายอย่างผมมันเป็นยังไงฮะ” ชายหนุ่มตะคอกใส่คนตัวเล็ก ดวงตาเขาแดงกล่ำ
“อ๊า...กรี๊ด เจ็บ”
“อืม...จุ๊บ ใจเย็นครับอดทนนิดนึง” กว่าจะเข้าไปสำรวจภายในของคนสาวได้ก็เล่นเอาไหล่หนาเป็นรอยจิกข่วนหลายที่ ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะบรรเลงเกมสวาทของเขาต่อ ความคับแน่นของเธอทำให้เขาไม่อยากด่วนได้ ยิ่งเวลาเนื้อนุ่มบีบตัวร่างหนาก็แทบจะต้านไม่อยู่ ร่างกายหญิงสาวเอนแอ่นรับจังหวะที่เขากระแทกใส่ ทั้งที่เธอยังคงเจ็บแสบไม่น้อย คนตัวบางหน้าเหยเกมือกุ่มหน้าท้องตัวเองขณะที่เขาดันตัวเข้าออกเร็วขึ้น แต่ความเสียวซ่านมีมากเสียจนอดที่จะหลงระเริงไม่ได้
“อ๊า...ซี้ด”
“อืม” ทั้งสองสูดลมหายใจเข้าออกทางปาก ชายหนุ่มออกแรงขับเคลื่อนมากขึ้น ใบหน้าสวยก็แดงกล่ำ ชายหนุ่มรู้ว่าเธอเจ็บเขาจึงต้องลดจังหวะเปลี่ยนเป็นเน้นย้ำหนักแน่น เขาพร้อมที่จะปลดปล่อยอารมณ์ความสุขใส่ร่างบางๆ ที่แสนหอมหวานแล้ว ไม่นานร่างทั้งสองก็เกร็งกระตุกหนักพร้อมกัน หญิงสาวแอ่นหลังจนอกอวบสูงเกือบถึงใบหน้าคม เมื่อได้ปลดปล่อยธารน้ำอุ่นๆ ออกมาแล้ว ชายหนุ่มซบลงที่อกสาว เขายังคงคลอเคลียทรวงอกขาวๆ ไม่เลิก ริมฝีปากจูบเม้มยอดอกหยอกล้อให้มันชูเชิดท้าทายเขา
“พอแล้วค่ะ” พิยะตาพูดเสียงเรียบ เธอเสียใจไม่น้อยที่ต้องเสียความบริสุทธิ์ให้ธัญญ์ แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเธอใจไม่แข็งที่จะขัดขืนความต้องการของเขาและตัวเธอ
“ไม่เอาน่า...ฉันยังไม่อิ่มเลย”
“คุณธัญญ์”
“จุ๊บ...ไม่ต้องพูดแล้ว” ชายหนุ่มเริ่มดูดดื่มเรียวปากหวานอีกครั้ง หญิงสาวเองก็ไม่ได้ปัดป้อง เธอตอบสนองเขาทันที มือเรียวลูบแผ่นหลังกว้างยามที่เขาเลื่อนลงหยอกล้อกับเนินอวบอิ่ม ชายหนุ่มยกร่างบางให้เปลี่ยนมาอยู่บนตัวเขา สายตาที่มองความสวยงามบนเรือนร่างทำให้หญิงสาวเอียงอายแก้มแดงระเรื่อ เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาให้ผุดขึ้น
“จะทำอะไรคะ...พิตต้าไม่” เธอยังพูดไม่จบก็เหมือนเขารับรู้ว่าเธอต้องการบอกอะไร มือหนาจับเอวบางช่วยทรงตัวให้เธอง่ายต่อการโยกย้ายบั้นท้าย
“อ๊า พิตต้าปวดท้องค่ะ”
“อืม นิดเดียวน่า ซี้ด” ภายในร่างกายสาวตอดรัดเต้นตุบๆ สร้างความเสี้ยวซ่านจนเขาอดที่จะส่งเสียงออกมาไม่ได้สะโพกกลมบิดไปมารับแรงที่ชายหนุ่มส่งให้ หลายครั้งที่ใบหน้าสวยทำท่าเหยเกคงเพราะเธอยังเจ็บไม่หายชายหนุ่มจึงต้องผ่อนแรงให้หญิงสาวลดความเจ็บก่อนที่จะพลิกร่างตัวเองให้ทับคนสาว
“อ๊ะ อืม” ชายหนุ่มโน้มร่างกายแนบร่างสาวในขณะที่ส่วนกลางยังคงทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว
“อืม...อ๊า” เสียงความสุขที่เธอส่งออกมายิ่งกระตุ้นให้เขาขับเคลื่อนร่างกายเต็มแรง
“เจ็บค่ะ...พิตต้าเจ็บ โอ๊ย”
“ไม่ไหวแล้วครับ...อดทนนิดนึงนะ” เขาก้มลงกระซิบข้างแก้มใส แรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังกระทบร่างกายหญิงสาวเสียงดังและหนักแน่น จนเธอหลับตาเม้มปากอย่างเจ็บปวด ทั้งคู่ปลดปล่อยความต้องการของกันออกมาครั้งที่สอง แต่แขนหนาๆก็ยังพาดทับไม่ให้เธอลุกไปไหน ชายหนุ่มได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆแทนที่จะเห็นใจเขากับยิ้มพึงพอใจที่ได้ครอบครองเรือนร่างสวย
“พักก่อนนะ...อย่าร้องสิครับ ผมไม่ยอมใจอ่อนหรอก” หญิงสาวหันมาค้อนใส่เขาแล้วขยับตัวนอนห่างๆ ชายหนุ่มนึกสนุกขยับตาม อึดใจหนึ่งที่เขาชะงักก้มมองท่อนขาขาวคราบแห่งความสุขที่ยังไม่แห้งปนเปื้อนสีแดงสดไหลซึมบนผ้าปูที่นอนสีขาว หัวใจของเขาโลดแล่นราวกับได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ชายหนุ่มเลยยอมปล่อยให้ร่างบางนอนหลับนิ่งอย่างอ่อนเพลีย
“นอนพักซะก่อนนะ...ตื่นมาแล้วผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฮือๆ” หญิงสาวสะอื้นเบาๆ เธอขดตัวมือกุมหน้าท้องที่ยังคงปวดหน่วงๆ ไม่รู้ว่าส่วนไหนที่ร่างกายบอบช้ำหรือเปล่าเธอถึงได้ปวดขนาดนี้
“ยังเจ็บอยู่เหรอ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ร่างบางขยับหนีอีกครั้ง
“ผมขอโทษ” เสียงกระซิบที่แผ่วเบาพร้อมรอยจูบบนแก้มเนียน ทำให้ร่างเล็กๆขยับเบียดกล้ามเนื้อแข็งราวกับต้องการซึมซับความอบอุ่น แขนแข็งแรงพาดตัวหญิงสาวเกี่ยวรัดให้เธอแนบชิดตัวเขา ทั้งคู่นอนกอดก่ายดื่มด่ำความสุขตลอดทั้งคืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม