ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 13

“คุณธีร์คะ...พูดแบบนั้นไม่กลัวคุณธัญญ์จะเข้าใจผิดเหรอคะ”

“ก็ดี ให้มันเข้าใจอะไรผิดๆ ซะบ้างเผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น” หญิงสาวไม่เข้าใจคำพูดของเขา ชายหนุ่มต้องการจะบอกอะไรกับเธอกันแน่ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นผู้ชายคนที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไป เขาดูถูกย่ำยีหัวใจดวงเล็กเสียจนไม่มีชิ้นดี หญิงสาวไม่มีวันยอมให้เขาทำเช่นนั้นอีก เธอต้องตอบโต้ให้เขารับรู้เสียบ้างว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงข้างทางอย่างที่ถูกกล่าวหา

“ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปหาดนุพร”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นแล้วเลี่ยงเข้าไปในห้องส่วนตัว เธอทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม ปล่อยน้ำใสๆไหลอาบสองแก้มอย่างเจ็บปวด เกิดมาไม่เคยมีใครเหยียบย่ำศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ เขาไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจแม้แต่ร่างกายและความรู้สึกเขาก็ขว้างมันทิ้งไปด้วย

“คุณธัญญ์ ฉันจะไม่ยอมให้คุณดูถูกแบบนี้หรอก ยายพิตต้าไม่ใช่นางเอกนิยายน้ำเน่าจะได้อดทนให้ใครต่อใครย่ำยี คนอย่างคุณมันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน คอยดูคุณจะได้เห็นฤทธิ์ผีเสื้อราตรีอย่างฉันบ้าง” สองมือปาดป้ายน้ำตาจนแห้ง หญิงสาวลุกขึ้นมายืนมองตัวเองในกระจกเรียกความมั่นใจเข้าปอดไปหลายเฮือก

ค่ำคืนนี้ความร้อนระอุของอากาศคงจะเทียบไม่ได้กับความร้อนรนในร่างกายของมนุษย์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วที่สิบกว่าถูกกระดกยกซดรวดเดียวหมด พร้อมกระแทกแก้วหนาลงบนโต๊ะอย่างโกรธเคือง ใบหน้าที่แดงกล่ำกระตุกเล็กน้อย ดวงตาแข็งแผลงทั้งความเจ็บปวดและความอาลัยอาวรณ์

“เฮ้ยไอ้ธัญญ์ นี่แกยังไม่หายโกรธคุณสุอีกเหรอวะ”

“มาช้าแล้วยังเสือกรู้ดีอีกนะไอ้กิตติ” ชายหนุ่มสบถใส่เพื่อนที่ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเขา

“น้องขอเบียร์เย็นๆ แก้วนึง”

“ตกลงมันจริงใช่ไหม”

“ฮึๆ ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมด ต้องการไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะเงิน”

“อะไรวะ แกหมายถึงใคร...พูดให้ฉันงงนะเนี่ย” ธัญญ์ไม่ตอบเขายกแก้วเบียร์ดื่มอีกครั้ง พลันสายตาคู่คมเหลือบเห็นคนคุ้นตา ร่างบางอรชรเดินหลบเลี่ยงลูกค้าในบาร์เข้าไปด้านใน ชายหนุ่มมองรอบๆ ตัวเธอแต่ก็ไม่เห็นผู้ชายที่สั่งห้ามเขายุ่งกับเธอ ปากหนากระตุกเล็กน้อย

“เดี๋ยวฉันมา” ร่างสูงลุกพรวดเดินตรงไปยังที่หมายทันที ดวงตาที่แข็งกระด้างมองตรงไปยังเรือนร่างสวยได้รูป มือหนากำแน่น ไม่รู้ว่าเพราะโกรธแค้นหรือหึงหวงกันแน่ที่ทำให้เขาต้องรีบตรงดิ่งมาหาเธอ ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดทิ้งไว้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปแล้วค่อยปิดเบามือที่สุด

“วันนี้ถูกปล่อยออกมาได้แล้วเหรอ” เสียงที่เปล่งออกมาทำเอาคนใจลอยสะดุ้ง ใบหน้าขาวซีดหันมองต้นเสียงทันที หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้ปกติ

“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ...คุณธีร์เค้าใจดีจะตาย อ้อนนิดหน่อยก็ยอมให้พิตต้าออกมาแล้ว” น้ำเสียงหวานที่เคลือบความเจ็บทำให้ชายหนุ่มจ้องตาเขม็ง

“ฮึ ไม่รู้อาของผมกำลังคิดอะไร ปล่อยให้คนรักมาเที่ยวในสถานที่แบบนี้”

“เค้าไว้ใจพิตต้านะสิคะ” เธอจงใจดัดเสียงให้หวาน ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แทนที่ร่างบางจะถอยหนีคราวนี้เธอยืนส่งยิ้มยั่วยวนให้เขา

“ไว้ใจหรือว่ากลัวเธอจะลงแดงตายถ้าไม่ได้มา เสพสมกับผู้ชายอย่างเคย” เรียวปากบางเม้ม เธอต้องอดทนกับการดูถูกของเขาให้มากกว่านี้

“เค้าคงไม่คิดอะไรต่ำๆ เหมือนคุณธัญญ์หรอกค่ะ คริคริ”

“ภาคภูใจมากสินะ หลอกลวงคนอื่นได้”

“ไม่ได้หลอกซะหน่อย พิตต้าตั้งใจทำจริง” กรามคู่โตกระทบกันเสียงดังในลำคอ

“ว่าแต่ คุณธัญญ์มาคนเดียวเหรอคะ...พิตต้าหาเด็กสาวๆ ไปนั่งเป็นเพื่อนไหม” มือเรียวเกี่ยวต้นคอหนาคลอเคลียเย้ายวนให้คนหนุ่มวูบวาบเล่น สายตาคมหรี่เล็กน้อยชั่งใจในปฏิกิริยาของหญิงสาว ไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรหรือว่าเสน่หาในตัวเขาเช่นกัน

“ไม่ต้อง ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”

“แหม มาเที่ยวสถานที่อโคจรมันจะมีอะไรนอกจากเหล้ากับผู้หญิงคะ” มือบางลูบไล้ใบหน้าเข้มนิ้วชี้สัมผัสริมฝีปากหนาที่แห้งผาด ดวงตาชายหนุ่มจับจ้องใบหน้าหวานแล้วนึกถึงค่ำคืนวันเก่า เรือนร่างขาวนอนคลอเคลียให้เขาก่ายกอด แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นว่าที่อาสะใภ้ของเขาแล้วคงไม่มีสิทธิ์จะแตะต้องตัวเธอ นิ้วเรียวเลื่อนไล้ผ่านลำคอหนาช้าจนเขาต้องชะลอการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไปด้วย อวัยวะภายในร่างกายเต้นตุบตับระส่ำระส่ายลมหายใจอุ่นๆคลอเคลียปลายจมูก กลิ่นแป้งเด็กอ่อนที่เขาเคยสูดดมเย้ายวนเสียเหลือเกิน

“คิดอะไรอยู่คะ...เงียบเชียว”

“เปล่า...คุณจะมาไม้ไหน”

“อะไรกันคะ...พิตต้าไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เหมือน” หญิงสาวไม่พูดต่อ เธอตวัดสายตามองใบหน้าเขาแทน

“งั้นเหรอ...เจ้ามารยามากกว่าใช่ไหม”

“มารยาหญิงไม่ว่าจะเล่มเกวียนไหน ผู้ชายก็ใจอ่อนทั้งนั้นแหละค่ะ”

“มั่นใจจริงนะ”

“ลองดูไหมคะ” พิยะตากระซิบเบาที่ข้างใบหูหนา สายตาหวานมองเขาอย่างเร้าร้อน ธัญญ์สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อครู่เขาตั้งใจจะมาอาละวาดใส่เธอที่ทำให้เขาเจ็บปวด แล้วทำไมจิตใจถึงได้อ่อนยวบขนาดนี้ แค่เพียงเห็นสายตาคู่สวยเขาก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว คอหนาถูกโน้มลงอย่างว่าง่ายปากบางจูบริมฝีปากหนาเธอขบเม้มมันเบาๆ ราวกับหยอกล้อ ลิ้นอุ่นค่อยๆ คลอเคลียปลายลิ้นหนาช้าๆ กว่าชายหนุ่มจะตั้งตัวเขาก็เคลือบเคลิ้มไปกับความหวานของหญิงสาวเสียแล้ว เธอถอนจูบหวานออกช้าๆ มองหน้าชายหนุ่มที่โหยหาตัวเธออย่างสะใจ คนหนุ่มเลื่อนปากจะจูบต่อ แต่หญิงสาวก็แกล้งหลบ

“อะไรคะ...ติดใจเหรอเนี่ย คริคริ” ธัญญ์เกือบจะตามเกมไม่ทัน เขางุนงงชั่วครู่ แล้วหญิงสาวก็เป็นฝ่ายพรมจูบเขาอีกครั้ง ปลายลิ้นบางลูบไล้ลิ้นอุ่นอย่างนุ่นนวล เธอตวัดเกี่ยวดูดดื่มน้ำหวานไม่เอียงอายเหมือนก่อน สายตาที่ใกล้ใบหน้าคมไม่กระพริบหรี่ เธอจับจ้องดูอาการของคนปากร้ายทุกวินาที หญิงสาวปล่อยให้เขาดูดดื่มตักตวงความคิดถึงแค่ชั่วครู่ แล้วเธอก็ผลักเขาออกพร้อมยิ้มเยาะพอให้เขาได้สะอึก

“นี่ล่ะค่ะมารยาหญิง...คุณคงเคยเจอมาบ้างแล้ว”

“พิตต้า...นั่นคุณจะไปไหน”

“ขอตัวนะคะ...คุณธีร์รออยู่ค่ะ” หญิงสาวเดินเฉิดฉายออกไป ทิ้งให้คนหน้าคมชาวาบไปทั้งตัว นี่มันอะไรกันเขากำลังถูกแม่โคโยตี้สาวปั่นหัวเล่นงั้นเหรอ ธัญญ์ถอนหายใจพิงกำแพงห้องด้วยความอ่อนล้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง เขาต่อสู้กับความรู้สึกโหยหาในจิตใจมาตลอดทั้งวัน แต่พอเจอเธอกลับทำให้เขาเหมือนกลายเป็นของเล่นชั่วคราว

เมื่อออกมาจากห้อง พิยะตากระหยิ่มยิ้มพอใจที่เห็นผู้ชายร้ายๆ อย่างธัญญ์ อ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งลนไฟ หญิงสาวยิ่งนึกสนุกอยากเห็นคนที่ดูถูกเธอเต้นกระสับกระส่ายบ้าคลั่ง แผนร้ายที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ต้องอาศัยการระดมความคิดยิ่งทำให้เธอพึงพอใจ สายตาหวานมองหาคนที่รอเธออยู่ ชายหนุ่มภูมิฐานอยู่ไปไกลจากเธอเท่าไรนัก

“เออ ฉันอดอยาก กินมันให้สะใจไปเลย เต็มที่ฉันเลี้ยงเอง” กิตติมองเพื่อนอย่างกังวล จะว่าคิดถึงแฟนเก่าก็ไม่น่าใช่ สายตาที่มองหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเขาเองไม่รู้จัก รู้เพียงว่าความสวยของเธอนั้นกินขาดสาวคนอื่นๆ ในบาร์ หากจะเดาอาการของเพื่อนรักมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนอกหัก ติดตรงที่ว่ามันไม่มีความรักจะอกหักได้ยังไง

“นั่นใครวะ สวยดีนี่หว่า”

“ก็ผู้หญิงกลางคืน ไม่ได้วิเศษมาจากไหนหรอก”

“งั้นเหรอ...แต่ดูท่าทางอาธีร์จะปลื้มเธอมากเลยนะเว๊ย”

“เฮ้ย เธอก็แค่นางโลมชั่วคราว อีกหน่อยก็คงตกกระป๋อง”

“ฮ่าๆ ฉันว่าแก นั่นแหละจะตกกระป๋อง ดูสิ โมโหขนาดนี้ ชักสนุกแล้วสิ” กิตติหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนรักบึ้งบูดราวกับเด็กถูกขัดใจ

‘เธอนี่มันก็ร้ายใช่เล่น ปั่นหัวฉันให้เคลิบเคลิ้ม แล้วยังจะออดอ้อนอาธีร์ ฮึ ผู้หญิงมารยาร้อยแปดสิบเล่มเกวียนจริงๆ คอยดูเถอะ ฉันจะต้องสั่งสอนให้รู้ซะบ้างว่าไม่ควรมาล้อเล่นกับคนอย่างฉัน’ เขานึกต่อว่าและคาดโทษหญิงสาวในใจ ก่อนจะกระแทกแก้วเบียร์จนมันกระเซ็นหกบนโต๊ะ

“ไอ้บ้าธัญญ์ เบียร์หกหมดแล้ว เวรเอ๊ย อารมณ์แปรปรวนอย่างกับสาวๆ” คนถูกบ่นหันมองด้วยสายตาดุดัน

“อะ เอ่อๆ ฉันขอโทษ”

“ แม่งเอ๊ย เอาใจยากจริงๆ” ธัญญ์ ยกเบียร์ที่เหลือกรอกลงลำคอจนหมด มือหนากำแน่นความร้อนใจร่างกายวนเวียนไม่ไปไหนจนเขาแทบจะคลั่ง ยิ่งมองเห็นหญิงสาวบรรจงป้อนอาหารให้ธีร์ เขาก็หายใจติดขัดนั่งไม่เป็นสุข อยากจะไปกระชากเธอออกมาให้พ้นอ้อมกอดของธีร์แล้วลงทัณฑ์เธอที่ทำให้เขากำลังเสียสติ

“เบาๆ เดี๋ยวก็เมา ฉันไม่ลากแกกลับหรอกนะ”

“เออ ไม่ต้องเสือกหรอก ฉันไม่เมาง่ายๆ”

“ฉันหมายถึงเมารักวะ ไม่ใช่เมาเหล้า ฮ่าๆ” ธัญญ์หันไปส่งสายตาดุดันใส่เพื่อนอีกครั้ง

“หุบปากไปเลยไอ้กิตติ”

“นั่นแน่ ตกลงที่แกโมโหเนี่ยเป็นเพราะแม่สาวคนสวยคนนั้นใช่ไหมวะ”

“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก”

“โอ้ ไม่ต้องตอบแล้วเพื่อนรักมันชัดมากเลย”

“ไอ้กิตติ” เสียงเรียกชื่อที่บ่งบอกว่าบัดนี้อารมณ์ร้ายกำลังจะลงทัณฑ์คนข้างๆ แล้ว กิตติจึงจำเป็นต้องหยุดหยอกล้อเพื่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม