ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 3

“เอาน่าทนนิดหน่อย ผมมีปัญญาพาคุณมาได้แค่นี้แหละ” หญิงสาวหันหลังจะวิ่งออก แต่เขาก็คว้าและเหวี่ยงเธอจนล้มลงบนที่นอนนุ่ม กระโปรงสั้นที่สวมใส่เลิกขึ้นเผยให้เห็นความขาวนวลเนียนของเนื้อสาว ชายหนุ่มถึงกับมองตาค้าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะโถมตัวทับร่างบางที่นอนอยู่

“ออกไปนะ ปล่อยฉัน ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันนะ” มือเรียวระดมกำลังทุบตีคนลวนลาม เธอผลักใบหน้าเขาให้ออกห่าง แต่แรงที่มีก็ต่อต้านความกระหายของเขาไม่ได้ ชายหนุ่มซุกไซ้ใบหน้ากับซอกคอขาวจูบเม้มตักตวงความหอมหวานของสาวแรกรุ่นอย่างคนบ้าคลั่ง กลิ่นหอมทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดบางอย่างในใจ แต่ความร้อนในร่างกายตอนนี้มันคลุขึ้นจนไม่อาจจะหยุดยั้งได้

“ปล่อยฉัน ฮือๆ ปล่อยนะไอ้คนบ้า ปล่อย ฮือ” เรียวปากบางถูกดูดดื่มเสียงที่ตะโกนจนหมด มือเรียวจิกแผ่นหลังกว้างผ่านเสื้อเชิ้ตเปียกชื้น หญิงสาวทำได้เพียงส่งเสียงในลำคอ เพราะมือที่ทุบตีอ่อนแรงก็เธอต่อสู้กับคนโรคจิตนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง มือหนาเลื่อนบีบคลึงทรวงอกอิ่มที่เกือบจะโผล่พ้นเสื้อเกาะอก แล้วค่อยๆ เลื่อนโลมไล้สูดดมกลิ่นหอม ลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบร่างบางทำให้หญิงสาวสั่นสะท้านหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น การหายใจก็เริ่มติดขัด เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านปกป้องร่างกายตัวเองตอนนี้ก็แทบไม่มีเหลือ มือเรียวกำชายแขนเสื้อของคนจู่โจมเอาไว้แน่น ชายหนุ่มชะงักเมื่อรู้สึกว่าร่างบางที่ต่อต้านเมื่อครู่นิ่งไม่ขยับตอบโต้ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวซีดของคนตกใจเห็นหยดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลรินผ่านแก้มเนียน เขาต้องหยุดการกระทำทั้งหมดไม่รู้เพราะอะไรเขาคงไม่ได้สงสารผู้หญิงที่ใช้เรือนร่างหาเงินใช่ไหม ชายหนุ่มยอมพลาดโอกาสทองที่จะได้ปลดปล่อยความเร้าร้อนในร่างกาย เขาลุกออกจากร่างบางยอมให้เธอเป็นอิสระ แต่จะให้หญิงสาวรับรู้ความอ่อนแอในใจเขาได้ยังไง จุดอ่อนแบบนี้พวกผู้หญิงอยากเงินชอบเอามาอ้างจนผู้ชายหลายคนต้องเสียเงินทองให้เธอไม่รู้เท่าไหร่

“คุณ...จะมามารยาอะไรอีกล่ะ จะโก่งค่าตัวหรือไง”

“ฮือ ฉะ ฉัน”

“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ มารยาร้อยเล่มเกวียน ทำเป็นร้องไห้ ไม่เคยถูกชายใดแตะต้องมาก่อน”

“นี่คุณมันจะมากไปแล้วนะ” พิยะตาลุกขึ้นนั่งดึงเกาะอกขึ้นมาปกปิดส่วนที่โผล่พ้นเครื่องกำบัง

“ไม่มากหรอก...เอานี่ ทั้งตัวผมมีอยู่แค่ 1,500 คงไม่น้อยไปสำหรับคุณหรอกนะ”

“อะไรนะ นี่คุณคิดว่าฉันขายตัวงั้นเหรอ เลวที่สุด” หญิงสาวปัดเงินที่เขายื่นมาให้ ก่อนจะคว้าสัมภาระแล้วรีบวิ่งออกจากห้องโสมมนั่นทันที

“เฮ้ยอะไรกัน ตั้ง 1,500 มันมากไปสำหรับผู้หญิงสิ้นคิดแบบคุณด้วยซ้ำ” ธัญญ์ตะโกนตามหลังออกมา ยิ่งทำให้หญิงสาวเจ็บแค้นเขาเป็นที่สุด “คุณไม่เอาจริงๆ เหรอ 1,500 เลยนะคุณ”

“ฮือๆ ไอ้คนบ้า สารเลว ต่ำทราม เห็นฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง ฮือๆ พวกสมองถั่วงอกเอ๊ย” คนสะอื้นเดินโซเซออกจากม่านรูดเก่าๆ ที่ชายหนุ่มฉุดกระชากเธอเข้าไป เธอไม่คิดจะหันกลับไปมองมันอีกเลย ในใจคิดสาปแช่งผู้ชายมักง่ายคนนั้นให้พบเจอแต่สิ่งชั่วร้าย สองมือยกขึ้นปาดน้ำตาสูดลมหายใจลึกๆ เรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง

อาคารสูงใจกลางเมืองที่แบ่งให้เช่าพื้นที่ทำสำนักงาน ร่างสูงกำยำหอบหิ้วเอกสารเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดตัวลง เขาก้มมองรายงานในมือแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ชั้นที่ 4 มีพนักงานเดินออกจากลิฟต์พร้อมชายหนุ่มอีกคน

“ว่าไงธัญญ์”

“ครับพี่โมทย์...วันนี้รู้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ”

“ไม่ต้องรีบร้อน พักให้หายเหนื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน” หัวหน้าทีมที่ดูใจดียิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังห้องทำงานของตนเอง ธัญญ์วางข้าวของบนโต๊ะทำงาน เขาสังเกตเห็นซองเล็กๆ สีหวานวางอยู่จิตใจก็เริ่มเต้นระส่ำระส่ายไม่อยากจะนึกไปก่อนล่วงหน้าว่ามันคืออะไร

“เฮ้ย ถ้านายไม่อยากรู้ก็วางมันลงเถอะ” กิตติเพื่อนร่วมงานที่ยืนมองอยู่นานแล้วพูดเตือนเขา แต่มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากที่จะรู้ว่าซองนี้คืออะไร ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดและหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาช้าๆ มือหนาสั่นเทาเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษแข็งฉลุลายสวย งานมงคลสมรส ชายหนุ่มปล่อยให้การ์ดแต่งงานของแฟนเก่าล่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับร่างกายเขาที่ทรุดนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ธัญญ์ยังไม่อาจจะลืมคนรักได้ทั้งๆ เขาต่อว่าเธอรุนแรงตอนที่หญิงสาวเดินมาบอกเลิก

“ทำใจเถอะเพื่อน...คุณสุเค้าเลือกที่จะใช้ชีวิตกับคนอื่นแล้ว ทางผ่านอย่างนายมันก็ต้องทำใจ” กิตติตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ

“อืม ฉันไม่ได้คิดอะไรหรอก ก็แค่นึกสมเพชตัวเองที่ถูกสวมเขามาได้ตั้งนาน”

“เฮ้ยธัญญ์ฉันว่าแกอย่าไปจงเกลียดจงชังคุณสุแบบนั้นเลย...ถือซะว่าทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”

“นายไม่ต้องมาแก้ตัวให้ผู้หญิงหรอก อย่างกับไม่เคยถูกหักอกเพราะเธอมีที่หมายใหม่ที่รวยกว่า” คำพูดของธัญญ์ทำให้กิตติและยศพัฒน์พูดอะไรไม่ออก เพราะทั้งคู่ก็เจอเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มกล่าวมาแล้วทั้งนั้น แถมยังเจ็บแสบกว่า ผู้หญิงที่หักอกพวกเขายังเป็นเด็กสาวใจแตกที่ยึดอาชีพจับเสี่ยรวยๆ ปลอกลอกเงินทองมาเที่ยวหาความสุขกับเพื่อน แต่อยู่ๆ ในความรู้สึกของเขากลับมีใบหวานของใครบางคนซ้อนขึ้น ดวงตากลมคู่สีดำที่คลอไปด้วยน้ำตาจากการที่ถูกลวนลาม ธัญญ์ต้องสลัดความคิดนั้นทันที

“เงียบกันทำไม ฉันพูดแทงใจดำพวกนายล่ะสิ เห็นไหมผู้หญิงมีแต่เห็นแก่เงิน” ธัญญ์พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น

“เฮ้ย ก็เค้าให้แกตกแต่งเรือนหอ มันก็ต้องสีสันหวานๆ แล้วนี่อะไร ไม่ดำก็เทา ครึ้มมาเชียว” มือหนายีผมตัวเองอย่างขัดใจ งานชิ้นใหญ่ที่ได้รับมอบหมายจากพี่ที่ไว้ใจเขาที่สุด แต่เขากลับทำให้งานล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องเสียงานให้กับบริษัทคู่แข่งจนได้

“ผมขอโทษครับพี่โมทย์...ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว” ถึงจะรับคำขอโทษ แต่ปราโมทย์ก็ไม่มั่นใจว่าลูกน้องจะทำงานได้ดีเมื่อดังเดิม เขาต้องตัดสินใจอย่างหนักก่อนจะให้งานชิ้นใหม่กับทีมของธัญญ์

“โปรเจคใหม่ พี่คิดว่ามันคงจะเข้ากับสภาพจิตใจ เอ๊ยสไตล์ของแกนะธัญญ์” รุ่นพี่โยนเอกสารให้ธัญญ์ เขาหยิบและเปิดสำรวจรูปวาดบาร์เหล้าที่คุ้นตาอย่างตั้งใจ

“บาร์เหรอครับ”

“อืม จะร้อนแรงยังไงคราวนี้คงไม่มีใครว่าแกแล้วล่ะ”

“ขอบคุณครับพี่โมทย์”

“อ่อ อย่าทำให้พี่ต้องผิดหวังกับแกอีกนะธัญญ์” ชายหนุ่มเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบอย่างไม่มั่นใจเท่าไรนัก

“อ่อ เดี๋ยวธัญญ์ เห็นการ์ดบนโต๊ะแล้วใช่ไหม”

“ครับ” เขาตอบเสียงเรียบ

“ทำใจซะเถอะ...คุณสุเค้ามีสิทธิ์เลือก หรือว่าไม่จริง” ปราโมทย์มองใบหน้านิ่งของลูกน้องแล้วเขาก็ต้องถอนหายใจ เพราะการอกหักครั้งใหญ่ทำให้ฝีมือการทำงานของชายหนุ่มตกไปเยอะ ความเสียในงานมีมากจนลูกค้าหลายรายไม่พอใจ อีกทั้งอารมณ์ที่แปรปรวนจนไม่สามารถควบคุมตัวเองยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ในการทำงาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม