ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 37

ร่างเพียวบางของเหล่าสาวงามในบาร์เบียดเสียดกันอยู่ในห้องแต่งตัว กระจกบานใหญ่ที่ติดเรียงรายบนผนังห้องสะท้อนความสวยของใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มสีสันเฉิดฉาย เครื่องสำอางปรุงแต่งวางเต็มแน่นขนัดบนโต๊ะ บางคนกำลังทาบชุดสวยกับเรือนร่างตัวเอง

“ชุดนี้สวยจริงๆ เลยนะพี่แหวน ดูสิสีถูกใจจัง”

“แหมๆ ก็ดูสิว่าใครเป็นคนออกแบบเลือกซื้อ” แหวนตอบรุ่นน้องเสียงสูง

“อืม พิตต้า แล้วเจ้าตัวอยู่ที่ไหนเนี่ยวันนี้ยังไม่เห็นเลย”

“นั่นสิ สงสัยเบื่องานที่นี่แล้วล่ะมั้ง” ทั้งสาวนักเต้น สาวดริ๊งค์ต่างหันมองหาน้องสาวคนสวย แต่ก็ไร้วี่แววทุกคนมองหน้ากันและกันก่อนจะเบ้ปากผิดหวัง

“วิ้ว วิ้ว” ด้านหน้าบาร์เกิดเสียงโฮ่ร้องเป่าปากเฮฮาลั่น ราวกับมีกองเชียร์ฟุตบอลอพยพเข้ามาในบาร์

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ...ไปดูซิ” แหวนรีบวางแปรงปัดแก้มแล้วลุกไปสมทบกับรุ่นน้องคนอื่นๆ ยิ่งเดินออกมาเสียงอึกกระทึกคึกโคมก็ยิ่งดัง โดยเฉพาะเสียงของบรรดาลูกค้าหนุ่มๆ ทุกสายตามองไปยังสิ่งที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเสียง

“ใครกันน่ะ...โฮดูสิเต้นเก่งชะมัด” ร่างบางเอวเล็กคอดกิ่วกำลังโยกย้ายบิดสะโพกตามจังหวะเสียงเพลง ทั้งแขนและขาสบัดปัดเหวี่ยงเหนี่ยวรั้งเสาเหล็กที่เลื่อนสูงขึ้นด้วยการควบคุมของเครื่องจักร บั้นเอวกลมกลึงสั่นระรั่วยามที่เธอส่ายสะโพก เรียวขายาวเกี่ยวเสาแอ่นเอนกายอ่อนราวกับนักกายกรรม เนื้อนวลขาวละเอียดกระทบแสงไฟเป็นแสงระยิบทำให้ผิวเนียนสวยเด่นขึ้น เนินอกโผ่ล้นพ้นชุดเกาะอกสีแดงลูกไม้ ต้องตาต้องใจลูกค้าด้านหน้าเวทีจนต้องอ้าปากค้างจ้องมองไม่กระพริบตา ยิ่งเวลาเธอยกขาขาวสูงชายหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แทบตาถล่นออกมา

“พิตต้า” หญิงสาวที่อยู่บนเวทีหันมาส่งยิ้มให้บรรดาเพื่อนร่วมงานที่ตกตะลึงอยู่ด้านข้าง ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางคมเข้มเจิดจรัสสวยงาม ดวงหน้าเรียวรับกับวิกผมหน้าม้าสีทองประบ่า หญิงสาวส่ายเอวโยกโยนตัวเรียกเสียงฮือฮ่าอยู่นานสองนานกว่าที่นักเต้นทั้งหลายจะตั้งสติได้แล้วออกไปร่วมสนุกบนเวที

“สุดยอดเลยแม่คนนี้จะทำอะไรไม่เคยปรึกษาพี่น้อง ดูสิส่ายเอวจนมันจะหักอยู่แล้ว”

“เริ่ดมากน้องสาวเจ๊ สวยโคตรๆ”

“นังกาน เวอร์ไปฉันก็เต้นได้แบบนี้”

“รู้แล้วน่าพี่แหวน แต่ไอ้บางอย่างมันไม่เต่งตึงเหมือนพิตต้าแล้วนะ จะโยกจะส่ายมันก็ต้องระวังจะไปฝาดปากแขกเข้าหรอก” ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์เป็นเส้นหนาเบิกกว้างจ้องมองเอาเรื่องรุ่นน้องปากดี

“นังกาน เดี๊ยะแม่ตบหน้าหงาย ถึงฉันจะเหี่ยวจะยานฉันก็ยังโสดเว๊ย”

“เจ๊แหวนจ๋า คานมันมารออยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ระวังจะไม่มีใครสอยลงมานะเจ๊”

“อี๋นะ นังกาน” ขายาวย่ำพื้นอย่างคนถูกขัดใจเสียงกรีดร้องแผดแหลมจนคนล้อมรอบแตกกระเจิง

“นี่พวกหล่อนจะมากรี๊ดอะไรกันตรงนี้ ดูสิปล่อยให้น้องทำงานหน้าเครียด เดี๋ยวจะตัดเบี้ยให้หมดเลย”

“โธ่มาอีกคนแล้ว เจ๊โด่งอย่าใจร้ายนักสิ ช่วงนี้หน้าบูดบึ้งไม่สวยเลยเจ๊”

“มันเรื่องของฉัน...ไปดูหน้าร้านได้แล้ว” แหวนมุ้ยหน้าเมื่อโดนตำหนิ เธอหันจะเดินออกแต่สายตาก็สะดุดอยู่กับภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียคลอเคลียแลกลิ้นกันพัลวัน

“จะ เจ๊”

“อะไรของแก”

“ดูนั่นสิเจ๊...แหวนว่ามันคุ้นๆ นะ” ดนุพรถอนหายใจไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองตามที่นิ้วอวบชี้ ภาพเป็นไปตามที่ลูกน้องบรรยายหนุ่มสาวพันตูนัวเนียกันอยู่ที่โซฟามุมหนึ่งของร้าน ไม่กี่วินาทีที่เห็นขาเรียวก็ถึงกลับเซถอยหลัง หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทรงตัวให้ยืนมองภาพบาดตานั้นได้ ชายหนุ่มที่เพิ่งถอนจูบกับเด็กในบาร์ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็คือเจ้าของบาร์กรีนเนอร์รีนี่เอง

“คะ คุณธีร์”

“ถึงกับจะเป็นลมเลยเหรอเจ๊” แหวนรีบพยุงร่างสูงเพียวเพราะกลัวว่าจะเสียหลักล้มไป ใบหน้าหล่อนซีดเซียดไร้เลือดหล่อเลี้ยง มือไม้สั่นกระตุก แววตากลมโตที่เคลือบคอนแทคเลนส์เป็นประกายแวววาวชุ่มไปดูน้ำตาที่หล่อนพยายามฝืนไม่ให้ไหลริน

“อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่ได้เป็นอะไรเลย” น้ำเสียงสั่นเครือที่ถูกฝืนให้เรียบนิ่งจนแหบแห้งบอกปัดลูกน้อง แต่เจ้าหล่อนก็ยังเป็นห่วงไม่ยอมออกห่างตัวคนมีบุญคุณ

“เจ๊โด่งไปนั่งก่อนดีไหม เดี๋ยวพิตต้าลงมาเห็นเข้าจะไม่สบายใจนะเจ๊”

“ไม่ต้องห่วง แล้วนังเด็กนั่นเป็นใคร ไม่รู้หรือไงว่าคุณธีร์น่ะว่าที่สามียายพิตต้า”

“เด็กใหม่ค่ะเจ๊ เพิ่งมาสองวันเอง แหวนเห็นมันหน้าตาดีพูดจาใช้ได้เลยให้ลองทำงานดู”

“อืม แล้วแกบอกเจ้านายแล้วเหรอถึงให้มาทำงาน” ดนุพรเปลี่ยนประเด็นมาตำหนิลูกน้องแทน ทั้งที่หัวใจยังสั่นไหวราวกับมันจะหมดแรง

“บอกคุณธัญญ์แล้วค่ะ...เค้าโอเค แหวนก็เลย”

“ไล่มันออกไป อย่าให้มาเป็นเสี้ยนหนามหัวใจหลานสาวฉัน” ดนุพรออกคำสั่งเสียงเด็ดขาดจนลูกน้องกลัวลนลานทำอะไรไม่ถูก

“เอาเด็กคนนี้ออกไป”

“ว๊าย คุณไล่หนูทำไม...ไหนบอกว่าหนูน่ารักแล้วทำแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”

“แหมนังเด็กเมื่อวานซืน แกไม่รู้เลยหรือไงว่าคนที่แกตบหน้าเนี่ยเป็นเลขาผู้จัดการเชียวนะ หัวไม่หลุดออกจากบ่าก็บุญแล้ว ไปออกไปได้แล้ว” ร่างบางถูกเหล่านางต้นห้องดึงลากออกไป

“ทำไมไม่ปล่อยให้เด็กนั่นตบโด่งอีกล่ะคะ”

“อย่ามาประชดผม...อีกอย่างอาการที่คุณทำเมื่อครู่มันทำให้คนอื่นเข้าใจผมผิดนะ”

“เรื่องอะไรคะ”

“ฮึ คนอื่นคงคิดว่าคุณหึงหวงผมน่ะสิ” ดวงตากลมหันมองชายหนุ่มแวบหนึ่งก่อนจะเบี่ยงหลบกลัวเขาจะอ่านสายตาของหล่อนออก

“โด่งแค่รักษาสิทธิให้พิตต้าเท่านั้นค่ะ” ธีร์แอบยิ้มเขารับรู้อาการของคนสวยเมื่อครู่อย่างชัดเจน แต่หล่อนก็ยังปากแข็งปฏิเสธเขา

“งั้นเหรอถ้าผมเป็นพิตต้า ผมคงจะบอกว่าคุณทำเกินไป”

“ห๊าเกินไปเหรอคะ คุณกำลังจะแต่งงานอยู่วันสองวันนี้แล้ว แต่ยังมานั่งจูบแลกลิ้นกับผู้หญิงอื่นแถมยังเป็นเด็กในร้านอายุก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

“เวลาคุณจูบกับใครคุณถามอายุเค้าก่อนด้วยเหรอ” ธีร์ทำหน้ายียวนล้อเลียนให้หล่อนต้องเม้มปากอย่างเหลืออด

“ผมชายก็เป็นนี้ไม่รู้จักพอ”

“พูดอย่างกับคุณรู้จักผมดีอย่างนั้นแหละ...อีกอย่างผมก็ยังไม่ได้แต่งงานแล้วคุณก็ไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของผม จะทำอะไรก็ช่วยดูหน่อยนะคนอื่นเค้าจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณอยากจะเป็นภรรยาของผม” ความอัดอั้นไหลออกมายาวจนหล่อนนิ่งค้างมองหน้าเขาไม่กระพริบตา น้ำเสียงตัดพ้อนั้นยิ่งบีบรัดหัวใจหน้าแดงกล่ำของเขาช่วยให้คนหงุดหงิดสงบสติลงบ้าง

“ขอโทษค่ะ โด่งก็แค่ทำหน้าที่ของอา”

“ก็ดี แต่ไม่ต้องบ่อยนักก็ได้ผมเสียเชิงชายหมด” ชายหนุ่มยักหล่พร้อมขยับปกเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่ เขาเดินเลี่ยงออกไปอีกทางโดยไม่หันมามองสายตาโหยหาที่เคลือบแฝงความน้อยใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม